BY KKMTC
27 Aug 18 6:08 pm

5 สงครามเกมที่ควรเลิกเปิดสงครามน้ำลายกันซะที

0 Views

คุณอาจจะได้เห็นเรื่องราวทีมแฟนบอยเกมต่าง ๆ ได้ถกเถียงกันเป็นประจำผ่านเว็บ Youtube ที่ชอบคอมเมนต์ออกตัวแรง, ปัดทุกความคิดเห็นและยืนยันจุดยืนของตัวเอง ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ดีที่ปกป้องเกมที่ตัวเองชอบ แต่แฟนบอยส่วนใหญ่มักจะคอมเมนต์อะไรเลยเถิด รวมไปถึงระรานสิทธิรสนิยมส่วนบุคคลจนบางครั้งผู้เขียนก็รู้สึกไม่สบายใจแทนเช่นกันที่ได้เห็นเหล่าเกมเมอร์ได้แสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม

นี่คือ “5 สงครามเกมที่ควรเลิกเปิดสงครามน้ำลายกันซะที” ในบทความนี้จะยกตัวอย่างเกมที่แฟนบอยถกเถียงกันเมามันมากที่สุดในโลกออนไลน์ และผู้เขียนได้ขอร้องว่าหยุดเถ๊อะ มันไร้สาระมากเลย

Gran Turismo Vs. Forza Motorsport

สิ่งที่เหมือนกัน : เป็นเกม Racing ประเภท Simulator

สิ่งแฟนบอยเถียงกัน : เกม Exclusive

เป็นเกมที่หาความแตกต่างไม่ได้จริง ๆ สำหรับเกมประเภทรถแข่ง Simulator ที่มีภาพกราฟิกสุดสวยงามและความใส่ใจในรายละเอียดในเรื่องสนามแข่งรถกับโมเดลรถยนต์ แต่สาเหตุที่แฟนบอยทั้งสองฝ่ายต่างได้เปิดวอร์ใส่กัน เพราะเป็น Console War ระหว่าง Microsoft Xbox กับ Sony PlayStation โดยใช้เกมดังกล่าวเป็นตัวบังหน้า

ไม่ว่าจะแอบอ้างทั้งเรื่องพลังกราฟิก, ระบบเกมเพลย์, คุณภาพเสียงรถยนต์ แฟนบอยมักจะถล่มใส่ฝั่งตรงข้ามด้วยเหตุผลเช่น Forza Motorsport เสียงโหดกว่า, Gran Turismo ภาพสวยกว่า, การขับรถเกมนู้นเกมนี่รู้สึกสมจริงกว่า และอื่น ๆ อีกมากมายที่ทุกวันนี้ยังคงมีการวอร์กันสนุกปาก และไม่มีท่าทีว่าจะสงบลงเพราะเป็นทั้งคู่เป็นเกม Exclusive ที่มีการแยกฝักฝ่ายกันอย่างชัดเจน

Overwatch Vs. Team Fortress 2

สิ่งที่เหมือนกัน : เป็น FPS ในรูปแบบ Competitive, Toxic พอกัน

สิ่งแฟนบอยเถียงกัน : ความซีเรียส

ทั้งสองเกมมีโหมดทั้ง Payload, Attack & Defend เหมือนกัน, รูปแบบการเล่นที่มีระบบคลาสคล้ายกัน แถมยังมีการนำเสนอภาพกราฟิกการ์ตูนสไตล์อเมริกันเหมือนกันซะด้วย แต่ความแตกต่างก็คือเกมปี 2016 กับเกมปี 2007 ซึ่งเป็นเกมเก่ากับเกมใหม่ ผู้เล่นย่อมต้องมีการเปลี่ยนพฤติกรรมการเล่นเกมตามยุคสมัย และมีการเปรียบเทียบอยู่เสมอ

แต่เพราะรูปแบบการเล่น Overwatch คล้ายกับเกม Team Fortress 2 จึงมักจะโดนเปรียบเทียบระหว่างผู้เล่นที่หนีมาเล่น Overwatch กับผู้เล่นที่ยังคงเล่น Team Fortress 2 อยู่ โดยทั้งสองฝั่งมักจะเถียงว่าเกมไหนมีความเป็นออริจินัล เกมไหนมีคุณค่า และเกมไหนที่น่าจะสนุกกับติดเก้าอี้มากกว่ากัน

แต่อย่างไรก็ตาม ทั้งสองเกมก็มีสังคม Toxic ทั้งคู่นั้นแหละ แต่พฤติกรรมผู้เล่น Toxic จะแสดงออกต่างกัน อย่าง Team Fortress 2 จะเป็นเด็กชอบเรียกร้องความสนใจ หรือ Overwatch เกมเมอร์ที่จริงจังเกินไปจะดูถูกคนเล่นมีฝีมือที่อ่อนกว่า ฉะนั้นอย่างเถียงกันเลยครับ เพราะไม่ว่าเกมไหนเราก็อยู่สังคม Toxic ร่วมกันโดยมิได้นัดหมายกันทั้งนั้น

Overwatch vs. Team Fortress 2

Call of Duty Vs. Battlefield

สิ่งที่เหมือนกัน : เป็นเกม FPS แนวหน้าของวงการเกม

สิ่งแฟนบอยเถียงกัน : รูปแบบการเล่น

เพราะเป็นเกมระดับแนวหน้าทั้งคู่ย่อมก็ต้องมีเกมเมอร์ออกโรงป้กป้องเกมที่ตนเองหลงรักอยู่เสมอ โดยเฉพาะเกมคู่กรณีตลอดกาลอย่าง Call of Duty กับ Battlefield ที่แฟนบอยถล่มกันมานับไม่ถ้วนเหมือนกับสงคราม 100 ปี ที่ไม่มีท่าทีว่าจะหมดไป และแฟนบอยทั้งสองฝั่งยังคงเดือดดาลใส่กันอยู่จนถึงทุกวันนี้

ผู้เขียนไม่เข้าใจว่าจะทะเลาะกันไปทำไม เพราะจุดขายเกมทั้งคู่แตกต่างกัน อย่าง Battlefield จะเน้นระบบ Multiplayer ในแผนที่สเกลใหญ่พร้อมกับคุณภาพเสียงที่ออกแบบได้สุดยอดสมกับชื่อทีมงาน Dice ได้ขณะที่เกม Call of Duty มีเนื้อเรื่องระดับหนังฮอลีวูดฟอร์มยักษ์ และโหมด Multiplayer เป็นเกมเร็วที่เล่นแปปเดียวจบภายใน 10 นาที ซึ่งมันขึ้นอยู่กับผู้เล่นจะต้องการเลือกเล่นแบบไหน ระหว่างเกมเล่นง่าย สไตล์ Call of Duty หรือเกมวินาศวุ่นวายสไตล์ Battlefield

Call of Duty vs. Battlefield

แต่ตอนนี้ BF และ CoD ต่างกำลังประสบปัญหาในเรื่องการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ที่ทำให้แฟนบอยทั้งสองฝั่งรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก โดย BF ที่ขายเกมเอาใจ SJW มากเกินไป หรือ CoD ที่ตัดระบบ Singleplayer ทิ้ง ซึ่งก็เป็นเหตุผลที่ดีที่อาจจะได้เห็นแฟนบอยได้จับมือกันซักวัน เพราะว่าตอนนี้เกมทั้งคู่ได้ลงเรือ “การเปลี่ยนแปลง” ลำเดียวกัน

PUBG Vs. Fortnite

สิ่งที่เหมือนกัน : เกมรูปแบบ Battle Royale

สิ่งแฟนบอยเถียงกัน : เพราะเป็นเกม Battle Royale

เกม Battle Royale เต็มไปหมด ! แต่ตอนนี้ PUBG กำลังครอบครองตำแหน่งเกมปล่อยเกาะเอาตัวรอดอันดับหนึ่งใน Steam ซึ่งเคสนี้ก็เหมือนกับกรณี CoD และ BF ที่เกมเมอร์ต่างมองหาความเป็นที่หนึ่งของเกม Battle Royale โดยมีคู่กรณีคือ Fortnite กับ PUBG เกมกระแสกำลังมาแรงในปี 2018 ทั้งที่ยังในขั้นตอน Early-Access ทั้งสองเกม

แต่เหตุที่เกมเมอร์ทั้งสองฝั่งได้เริ่มเดือดดาลปะทะกันในคอมมูนิตี้ เนื่องจากสตรีมเมอร์ชื่อดังอย่าง Ninja ได้ให้ความเห็นออกมาว่าเกม Fortnite ใช้ทักษะมากกว่าเกม PUBG และมีเหล่า Celebrities มากมายได้เล่นเกมนี้ร่วมกับ Ninja อย่างนักร้อง Drake กับ Travis Scott ซึ่งทำให้เกม Fortnite เริ่มเป็นรู้จักกว้างมากขึ้น และเหตุนี้ทำให้แฟนบอย PUBG ได้ดูถูกเกม Fortnite ว่าขายดีได้เพราะสตรีมเมอร์กับดารา แล้วฝั่ง Fortnite ก็โต้กลับว่าเกม PUBG ที่คนเล่นเยอะอยู่ทุกวันนี้ เพราะผู้เล่นยังคงทนเล่นกับมัน

PUBG Vs. Fortnite

PC Master Race Vs. Console Fanboy

สิ่งที่เหมือนกัน : เครื่องเล่นเกม

สิ่งแฟนบอยเถียงกัน : ไม่ทราบสาเหตุ

เป็นหัวข้อที่ผู้เขียนไม่สามารถหาสาเหตุได้ว่าทำไมแฟนบอยทั้งสองฝั่งต่างต้องเกทับใส่กัน เพราะแพลตฟอร์มทั้งคู่ก็เป็นเครื่องเล่นเกมเหมือนกัน (เพียงแต่ PC มันมีหน้าที่อเนกประสงค์มากกว่า) พอเครื่องคอนโซลมีเกม Exclusive ที่น่าเล่น พวก PC Master Race ก็ออกมางอแงย้อมใจว่า “โว๊ะ ! ยังไง เกม PC มีเกมน่าเล่นมากกว่าเยอะ แล้วเครื่องคอนโซลเล่น Crysis ได้หรือเปล่า ?” ตรงกันข้าม Console Fanboy ก็มักจะโต้ว่า “คอมแรงแล้ว PC เล่น God of War ได้เปล่า ? “

คือ.. จะเกทับกันไปเพื่ออะไร จะยกยอว่าตัวเองบูชา PC, บูชา PlayStation, บูชา Xbox ให้โลกรู้เพื่อจุดประสงค์เพื่ออะไร ถ้าเกมเมอร์อยากจะเล่น God of War ก็ซื้อ PlayStation 4 มาเล่น ถ้าผู้เล่นอยากเล่นเกมกราฟิกดี ๆ ใน PC ก็ไปอัปเกรดคอมพิวเตอร์ก็สิ้นเรื่อง

PC Master Race Vs. Console Fanboy

เพราะฉะนั้นแฟนบอยอย่าตีกันเลยครับ เกมเมอร์ก็ยังคงเป็นคนเล่นเกมอยู่ดี ไม่มีการแบ่งแยกชนชั้นฝีมือ ไม่มีสูงต่ำกว่า ต่างคนต่างอยู่ ไม่มีการรุกรานรสนิยมเกมเมอร์ด้วยกัน แล้วสังคมเกมจะไร้ Toxic แล้วมีแต่มิตรภาพไปอีกนานครับ

SHARE

Achina Limanwat

เค - Content Writer

Back to top