Uncharted 4: A Thief’s End เกมฟอร์มยักษ์ที่สั่งสมบารมีจากภาคก่อนๆ ไว้มากโข แต่การกลับมาครั้งนี้จะสมศักดิ์ศรีอย่างที่หลายคนว่าไว้จริงหรือ?
Uncharted ถูกพัฒนาโดยทีมงาน Naughty Dog ที่เคยฝากผลงานไว้กับเกมอย่าง Crash Bandicoot, Jax and Dexter รวมถึง The Last of Us ในไม่กี่ปีที่ผ่านมา
Uncharted บอกเล่าเรื่องราวการผจญของ Nathan Drake ที่ต้องออกเดินทางตามล่าหาขุมทรัพย์ ก่อนที่จะค้นพบอุปสรรคมากมายตั้งแต่ภัยธรรมชาติ หายนะต่างๆ รวมถึงทหารรับจ้างที่ยกขบวนไล่ล่ามาอย่างไม่ลดละ โดยในภาคนี้ Nathan มีเหตุจำเป็นที่จะหวนคืนจากชีวิตปกติอีกครั้ง เพื่อออกตามล่าขุมทรัพย์ของ Henry Avery ยอดโฉดโจรสลัดในยุคอดีต โดยมีคู่หูเป็น Samuel Drake พี่ชายแท้ๆ ที่เขาคิดว่าตายไปแล้ว
สำหรับคนที่ไม่เคยสัมผัสเกมซีรีย์นี้ก็ต้องบอกก่อนว่า ความสนุกของ Uncharted คือความสนุกแบบ Blockbuster คือความสนุกแบบที่เราหาได้จากภาพยนตร์แอ็คชั่นฟอร์มยักษ์ไม่ต่างจากการนั่งดูหนัง Marvel Cinematic Universe ตลอดทั้งเกมเต็มไปด้วยความระทึกวินาศสันตะโรแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย รวมถึงความรุนแรงที่ถูกกลบเกลื่อนด้วยการเดินเรื่องที่เร้าอารมณ์ การจะเล่นเกมนี้ให้สนุกเราจึงต้องโยนหลักการและความสมเหตุสมผลออกไปเสียก่อน เพื่อที่จะซึมซึมบรรยากาศและการเล่าเรื่องได้อย่างไม่ตะขิดตะขวงใจ
ส่วนผู้ที่เคยได้เล่นเกมนี้มาบ้าง ก็ต้องขอบอกเลยว่า ในภาค 4 นั้นได้สืบทอดคุณงามความดีจากภาคที่แล้วมาได้ครบถ้วนทุกประการ ตั้งแต่กราฟฟิคธรรมชาติอันสวยงามที่ดียิ่งกว่าเดิมด้วยขุมพลังของแพล็ตฟอร์มใหม่ล่าสุด ระบบการเล่นที่ลื่นไหลในทุกสรีระควบรคุม ลำดับเล่าเรื่องที่มีความเป็นมิตร รวมถึงฉากคัดซีนที่รวมกับฉาก Interactive ได้อย่างแนบเนียน รวมถึงศัตรูที่กดดันโอบล้อมเรามากยิ่งกว่าเดิมในทุกฉากการต่อสู้ สิ่งเหล่านี้ทำให้แอ็คชั่นของ Uncharted ที่ดูผิวเผิน ซ้ำซากและวนเวียน กลายเป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้นได้ตลอดเวลา
เช่นเดียวกับภาคก่อนๆ แม้เกม Uncharted 4: A Thief’s End จะไม่ได้มีความลุ่มลึกหวือหวาอะไรมากไปกว่าการต่อยอดสิ่งที่เคยทำมา แต่ต้องขอบอกว่าในแต่ละส่วนของเกมนั้นล้วนทำออกมาได้สนุกและน่าสนใจมากพอที่จะทำให้ผู้เล่นรู้สึกอิ่มเอมไปกับมันได้อย่างเต็มที่…ซึ่งก็นับว่าเพียงพอแล้ว
