เมื่อต้นปีที่ผ่านมา Félix “xQc” Lengyel ผู้เล่น Overwatch League ถูกปล่อยตัวออกมาจากทีม Dallas Fuel หลังจากดูหมิ่น เหยียดหยาม และสร้างความเป็นพิษให้สังคมหลายต่อหลายครั้ง โดยเขาหันหลังให้วงการและออกมาเป็น Streamer แบบเต็มเวลา แม้ว่าผู้ชมของเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ xQc ยังคิดว่าประสบการณ์ใน Overwatch League ส่งผลด้านลบต่อตัวเขามากกว่าด้านบวกอยู่ดี
เว็บไซต์ Pcgamesn รายงานว่า หลังจากที่เขาถูกไล่ออกจากทีม xQc บอกผ่านการสตรีม ความว่า “องค์กรเกลียดผม พวกเขาตัดการติดต่อสื่อสารจากผมทั้งหมด ทวิตช์ก็เกลียดผม ทุกคนเลย” เขากล่าวเพิ่ม ” ทุก ๆ คนกลัวผม ผมเป็นเหมือนสัตว์ประหลาด แค่ผมสตรีมก็ไม่มีคนอยากคุยกับผม ราวกับว่าผมเป็นโรคเรื้อนยังไงอย่างงั้น”
ทันทีที่ xQc ผันตัวมาเป็น Streamer แบบเต็มเวลา ผู้ชมของเขาก็เพิ่มขึ้น (วัดด้วยตาได้ประมาณ 1,000 คน) แต่ยอดผู้ชมก็ไม่ได้อยู่ยั้งยืนยาวเสมอไป เขาเลยคิดว่ามันเป็นเรื่องยากมากที่ชีวิตเขาจะกลับมาดีเหมือนเดิม หลายคนบอกว่า Overwatch League ช่วยผลักดันอาชีพของเขาให้ไปได้ไกลยิ่งขึ้น แต่ตัวเขาเองรู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่แย่มาก ๆ มากกว่าผลดีที่เขาได้รับเสียอีก
ย้อนกลับไปในเดือนมกราคม Lengyel ถูกปรับ 2,000 เหรียญ และถูกแบน 4 เกมเนื่องจากเขาไปดูหมิ่นปรักปรำผู้เล่นทีมตรงข้าม เขากล่าวขอโทษผ่าน Twitter ทันที ทำให้ข้อหานั้นจบไป จนกระทั่งอีกสองเดือนถัดมา เขาใช้งาน Twitch emote ที่มีความหมายเกี่ยวกับการเหยียดชาติพันธุ์ที่รุนแรง ซึ่งนำไปสู่การระงับบัญชีและปรับอีก 4,000 เหรียญฯ เขาถูกไล่ออกจากทีม Dallas Fuel ในอีกสองวันถัดจากวันที่เกิดเรื่อง
