ผู้ที่อาศัยอยู่ในเมืองลอนดอนและใช้บริการ Uber จะต้องเสียค่าธรรมเนียมเพิ่มอีก 15 Pence หรือ 6 บาท ต่อ 1.5 กิโลเมตร ตามนโยบายใหม่ของบริษัท Uber ในชื่อ “Clean Air” ซึ่งประกาศอย่างเป็นทางการเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
ค่าธรรมเนียมที่เพิ่มขึ้นเป็นการสนับสนุนผู้ขับขี่ของ Uber ให้มีทุนพอที่จะเปลี่ยนรถยนต์ที่ใช้พลังงานน้ำมัน ซึ่งก่อให้เกิดมลพิษในอากาศ เป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ซึ่งเป็นพลังงานที่สะอาดกว่า โดยบริษัทมีเป้าหมายว่ารถยนต์ทุกคันในสังกัด Uber ต้องเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้าทั้งหมดในปี 2025
ตามการคำนวณของ Uber ผู้ขับขี่ที่ทำงาน 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์จะมีรายได้ราว £3,000 หรือประมาณ 120,000 บาท ภายใน 2 ปี และ £4,500 หรือประมาณ 180,000 บาท ภายใน 3 ปี ซึ่งเพียงพอที่จะซื้อหรือผ่อนรถยนต์พลังงานไฟฟ้าระหว่างการทำงาน เพราะสินค้าประเภทนี้ในประเทศอังกฤษมีราคาไม่สูงมากนักเมื่อเทียบกับประเทศไทย
Fred Jones ผู้บริหาร Uber ประจำกรุงลอนดอนกล่าวว่า บริษัทอยากทำงานร่วมทั้งกับชุมชนและเมืองเพื่อแก้ไขปัญหามลภาวะในอากาศ ในอนาคต พวกเราจะพัฒนาให้แอปพลิเคชั่นมีตัวเลือกการเดินทางที่มากขึ้น เพื่อสนับสนุนการเดินทางร่วมกันและควบคุมปริมาณมลพิษที่ปล่อยออกไป
มากไปกว่านั้น เมื่อผู้ขับขี่เปลี่ยนเปลี่ยนรถยนต์ที่ใช้เป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า บริษัทจะมอบเงินทุนสนับสนุนเพื่อไม่ให้เป็นการผลักภาระแก่ผู้ขับพี่ บริษัท Uber คาดว่าบริษัทจะสามารถระดมเงินทุนได้ถึง £200 ล้าน หรือประมาณ 8 พันล้านบาท เพื่อรองรับการเปลี่ยนรถยนต์ของผู้ขับขี่ และบริษัทคาดว่าจะมีผู้ขับขี่ราว 20,000 คนที่พร้อมจะเปลี่ยนไปใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าภายในปี 2021
หนึ่งเหตุผลสำคัญที่บริษัท Uber ต้องกระตุ้นผู้ขับขี่ให้หันมาใช้งานรถยนต์พลังงานไฟฟ้าเพราะ กรมขนส่งของเมืองลอนดอนกำลังเก็บภาษีรถยนต์ส่วนตัวที่วิ่งให้บริการถึง £11.50 ต่อวัน แต่ภาษีนี้จะได้รับการยกเว้นหากรถยนต์ดังกล่าวไม่ปล่อยมลพิษหรือเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า
