พวกเรารู้ดีว่าเกมเมอร์ชาวญี่ปุ่นก็มีวิธีการเล่นเกมที่ฮาร์ดคอร์ไม่แพ้คนทั่วโลก โดยเฉพาะด้านความอดทนหรือการฟาร์มที่ไม่มีใครสู้เทียบเท่ากับพวกเขาอีกแล้ว แต่แน่นอนว่าปัญหาการเสพติดเกมของประเทศญี่ปุ่นก็ถือเป็นปัญหาที่ครอบครัวต้องเอาใจใส่และไม่ควรมองข้าม ยกตัวอย่างล่าสุดที่สื่อญี่ปุ่นได้เผยถึงปัญหาการเสพติดเกม Splatoon 2 ในครอบครัวตั้งแต่วัยเด็กจนถึงผู้ใหญ่
อ้างอิงจาก Nintendosoup – สำนักข่าว Yahoo News ญี่ปุ่น ได้รายงานข่าวเกี่ยวกับปัญหาการเสพติดเกม Splatoon 2 จากคนในครอบครัวจนเกิดความสัมพันธ์แตกร้าวหรือกลายเป็นปัญหาครอบครัวในประเทศญี่ปุ่น
ซึ่งก็เป็นที่น่าแปลกใจพอสมควร เพราะว่าบุคคลที่เสพติดเกม Splatoon 2 ไม่ใช่มีเพียงช่วงวัยเด็กหรือวัยรุ่น แต่รวมไปถึงผู้หลักผู้ใหญ่ที่ควรเป็นตัวอย่างแก่เยาวชนกลับติดเกมดังกล่าวอย่างงอมแงมและสร้างให้ภาระครอบครัวตนเองอีกด้วย
อ้างอิงจากภรรยาคนหนึ่งผู้มีสามีที่ติดเกม กล่าวว่าเดิมที Splatoon 2 เป็นของขวัญสำหรับลูกสาวคนโตที่อายุช่วงประถมศึกษา แต่ถึงแม้จะเป็นของขวัญของเธอ แต่ลูกสาวไม่ค่อยมีเวลาว่างเล่นเกมนี้ซะเท่าไหร่นัก ทำให้พ่อของเธอมักจะใช้เวลาว่างกับการเล่นเกม Splatoon 2 อยู่เสมอ
แต่ปัญหาก็เริ่มตามมา เขาเริ่มใช้เวลาเล่นเกม Splatoon 2 นานถึง 8 ชั่วโมงในห้องนั่งเล่น แล้วเริ่มตะโกนโวยวายเสียงดังจากอารมณ์ร่วมของเกมว่า “เพ้นส์มัน! เพ้นส์สิ! ทำให้อะไรของคุณเนี่ย!” และ “ฆ่ามัน” พร้อมกับกระทืบเท้า ซึ่งเป็นพฤติกรรมขัดความสงบของสมาชิกคนอื่นในบ้านทั้งเวลากลางวันและเวลานอน ทำให้ลูกสาวรู้สึกได้ว่าพ่อของเธอมีอาการเสพติดเกม Splatoon 2 ขั้นรุนแรง
ในที่สุดภรรยาของเธอทนไม่ไหว เรียกร้องให้พ่อของครอบครัวย้ายไปเล่นที่ห้องอื่นเพราะเสียงดังเกินไป แต่ฝ่ายพ่อโมโหแล้วตะคอกกลับว่า “ผมเป็นหัวหน้าครอบครัวนะ ให้ผมเล่นเกมของผมเถอะ!” ซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าในทุก 10 นาที จนภรรยายอมแพ้ที่จะแก้ไขปัญหาดังกล่าว
ส่วนตัวอย่างที่สอง เป็นเด็กช่วงวัยประถมศึกษาปีที่หก เขาได้เริ่มติดใจเกม Splatoon ภาคแรกมาตั้งแต่แพลตฟอร์ม Wii U ในปี 2016 ซึ่งคนในครอบครัวกล่าวว่าเขาเป็นคนที่เล่น Splatoon เก่งมากจนสามารถไต่ Rank ถึงระดับ S แต่เนื่องจากเขารักเกมนี้ มากเกินไป จนทำให้ลูกชายเล่นเกม Splatoon ตลอดเวลาแม้เวลากระทั่งช่วงอาหารเย็น
แต่มีวันหนึ่ง จากปกติเขาเป็นคนที่เงียบและเชื่อฟังผู้ใหญ่ตลอด กลายเป็นคนหัวร้อนกับก้าวร้าวจากการเล่นเกมแข่งขัน Splatoon ด้วยการกรีดร้อง “ว้าก” ตลอดทั้งเกมและมีการโยนโต๊ะข้ามห้องเกิดขึ้น แต่หลังจากที่ผู้ปกครองได้ตักเตือนลูกชายเกี่ยวกับพฤติกรรมดังกล่าว เขาเริ่มขังตัวเองแล้วตัดขาดจากโลกภายนอกอย่างสิ้นหวัง ทำให้พ่อของเขาตัดสินใจยึดเกม Splatoon ทันที หลังจากเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้น
นี่ถือว่าเป็นเคสตัวอย่างของปัญหาการเสพติดขั้นรุนแรงที่ไม่ว่าจะเป็นเกมเมอร์หรือครอบครัวชนชาติไหนจะต้องประสบปัญหาเหล่านี้ ถ้าหากไม่มีการควบคุมหรือดูแลที่ดีมากพอ สุดท้ายก็ขอทิ้งท้ายว่าวิธีการเล่นเกมที่สนุกไม่ใช่ว่าเราสามารถนั่งติดเก้าอี้นานแค่ไหน แต่เราสามารถเติมเต็มประสบการณ์กับมันได้อินแค่ไหนครับ
