BY KKMTC
7 Aug 19 6:04 pm

The Godfather: The Game จากหนังดราม่าชิ้นโบว์แดง สู่เกมมาเฟียปืนเดือด

78 Views

The Godfather: The Game เป็นหนึ่งในวิดีโอเกมทำจากหนังที่ประสบความสำเร็จเทียบเท่ากับ The Warriors ของ Rockstar Games และผู้เล่นต่างได้ยกย่องว่าเป็นเกมที่มีการเคารพต้นฉบับจากหนังสูง ด้วยการนำเสนอเนื้อเรื่องแบบ ‘Off Screen’ ที่ฉบับหนังเป็นแนวดราม่า แต่ฉบับเกมกลายเป็นแนวแอ็กชันปืนเดือดที่แฟน ๆ และเกมเมอร์ชื่นชอบ แล้วเกมมีดีอย่างไร บทความนี้มีคำตอบครับ

หนัง The Godfather คืออะไร ?

The GodfatherThe Godfather เป็นภาพยนตร์อาชญากรรมดราม่าของปี 1972 กำกับโดย Francis Ford Coppola ซึ่งหนังเรื่องนี้ ถูกจัดเป็นภาพยนตร์คลาสสิกทรงคุณค่าตลอดกาล ด้วยตัวละครที่น่าจดจำอย่าง Don Vito Corleone, เพลงประกอบมีเอกลักษณ์, เทคนิคกำกับภาพอย่างมีชั้นเชิง และคุณภาพเนื้อเรื่องหาที่ติแทบมิได้

หนังมาเฟียอิตาลีชิ้นโบว์แดงอย่าง The Godfather เป็นคอหนังต้องรับชมสักครั้งหนึ่งในชีวิต ถ้าหากเกมมอร์ชอบหนังที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับความจงรักภักดีต่อแก๊ง และวิวัฒนาการของตัวละคร คุณจะต้องหลงรักเรื่องนี้แน่นอน

แต่แน่นอนว่านี่ไม่ใช่หนังสำหรับทุกคน เพราะความยาวของหนังจำนวน 2 ชั่วโมง 55 นาที จะเต็มไปด้วยบทสนทนาเกือบตลอดทั้งเรื่อง เกมมอร์ที่หลงเข้าไปชมเพื่อเสพฉากแอ็กชัน หรือเนื้อหาการเมืองภายในจะต้องรู้สึกผิดหวังไม่ใช่น้อย นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเกม The Godfather โดย EA Games จึงถือกำเนิดขึ้น โดยเริ่มวางจำหน่ายในปี 2006 บนระบบ PlayStation 2, PC, PSP, Xbox, Xbox 360 และพอร์ตลง PlayStation 3, Nintendo Wii ในปี 2007

ถ้าหากเกมมอร์เคยรับชมภาพยนตร์ The Godfather มาก่อน แล้วเห็นข่าวว่าหนังได้ถูกดัดแปลงทำเป็นวิดีโอเกม ผู้เล่นคงรู้สึกยี้ไม่ใช่น้อย เพราะหนังต้นฉบับเป็นหนังแนวราม่า เน้นบทสนทนาที่เฉือนคม และวิวัฒนาการของตัวละครเป็นการหลัก การทำเป็นวิดีโอเกม จึงคงมีเนื้อเรื่องที่มาจากหนังทั้งดุ้นที่ใช้เวลาเล่นเพียง 3-4 ชั่วโมงเท่านั้น

แต่ EA Redwood Shores (ปัจจุบันคือ Visceral Games) ได้ออกมาลบคำประมาทต่อเกมมอร์ทุกคน ด้วยการประกาศว่าเกมดังกล่าว จะเป็นเกมแนวแอ็กชัน-ผจญภัย เปิดโลกกว้างคล้าย Grand Theft Auto ที่มาพร้อมกับเนื้อเรื่องใหม่ที่ไม่เคยมีในหนัง แต่ยังคงมีฉากภาพยนตร์ที่โด่งดังให้เห็น ซึ่งมีผลลัพธ์ออกมา ทำให้เกมเมอร์กับแฟน ๆ หลายคนต้องอึ้งถึงคุณภาพเกมที่ออกแบบได้สนุกกว่าที่คาดไว้มาก

เล่าเรื่องแบบ Off Screen

The Godfather ผู้เล่นจะรับบทเป็น Aldo Trapani (ตัวละครออริจินัลของเกม) ชายกำพร้าที่ถูกรับเลี้ยงต่อโดยตระกูล Corleone หลังจากพ่อของเขาถูกสังหารอย่างเลือดเย็น และแม่โดนลักพาตัวแบบหายตัวอย่างลึกลับ โดยกลุ่ม Barzini Family ทำให้ Aldo ตัดสินใจเข้าร่วมเป็นหนึ่งในลูกสมุนของตระกูล Corleone Family โดยมีจุดประสงค์เพื่อแก้แค้นให้พ่อแม่ พร้อมไต่เต้าเป็นทหารยศสูง เพื่อตอบแทนบุญคุณต่อ Don Vito Corleone ที่รับเลี้ยงเขา

แม้เนื้อเรื่องของ The Godfather: The Game จะยังอ้างอิงมาจากภาพยนตร์เกือบทั้งหมด ทำให้เกมมอร์ที่เคยดูหนังต้นฉบับมาก่อนจะเข้าใจเนื้อเรื่องทันที แต่สิ่งที่ทำให้เนื้อหาของเกมมีความแปลกใหม่ไม่ซ้ำกับหนัง เพราะทีมพัฒนาเกมได้ใช้การเล่าเรื่องแบบ ‘Off Screen’ หรือฉายนอกกล้อง ที่ไม่เคยปรากฏตัวบนภาพยนตร์มาก่อน

คล้ายกับเกม The Warriors ของค่าย Rockstar Games ที่เนื้อเรื่องช่วงครึ่งแรก จะเป็นเนื้อหาใหม่ที่สร้างขึ้นโดยฝีมือผู้พัฒนาเกม แต่เนื้อเรื่องของ The Godfather: The Game จะเป็นการสอดแทรกบทใหม่ และดัดแปลงเนื้อหาหลายส่วน เพื่อเพิ่มบทบาทให้ตัวละคร Aldo ด้วยการใส่ฉากไล่ล่ากับแอ็กชันอันแสนดุเดือดแทน

The Godfatherยกตัวอย่างเช่น ในภาพยนตร์จะมีฉากหนึ่งที่ Don Vito Corleone ถูกลอบยิงโดยแก๊งมาเฟียฝ่ายตรงข้าม ซึ่งเขารอดชีวิตอย่างปาฏิหาริย์ แต่ต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาล แต่ในวิดีโอเกม Aldo จะอยู่ในเหตุการณ์ลอบยิง Don Corleone พอดี ทำให้เขาจึงฝ่าดงศัตรูทั้งหมด เพื่อส่งตัว Corleone ไปโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด ซึ่งฉากดังกล่าว “ไม่ปรากฏตัวในหนังมาก่อน”

หรือยกตัวอย่างอีกฉากหนึ่ง – ในหนังสือพิมพ์มีจั่วหัวข่าวว่า Captain McCluskey ซึ่งเป็นตำรวจทุจริต ได้เสียชีวิตลงด้วยอุบัติเหตุตกจากตึกสูงเพราะอาการมึนเมา แต่ในวิดีโอเกม จะนำเสนอว่า Aldo เป็นลงมือฆ่า Captain McCluskey แล้วจัดฉากว่าเป็นอุบัติเหตุซะเสียเอง ซึ่งแน่นอนว่าฉากดังกล่าว “ไม่ปรากฏตัวในหนังมาก่อน” เช่นกันThe Godfather

แม้การนำเสนอจะเน้นความเป็นเกมแอ็กชันมากขึ้น แต่อรรถรสของหนังต้นฉบับ กลับไม่โดนลดทอนลงอย่างน่าประหลาด เนื่องจากตัวเกมมีการลำดับเล่าเรื่องกับคุมโทนได้อย่างเหมาะสม ทำการดำเนินเนื้อเรื่องของเกมแทบไม่มีสะดุด ไม่เสียอรรถรส และมีการเคารพต้นฉบับสูงมากอีกเกมหนึ่งเลยทีเดียว

เกมเพลย์ไม่เท่าไหร่ แต่สนุกกว่าเกมจากหนังหลายเกมThe Godfather

ระบบเกมเพลย์ก็จัดว่าสนุกใช้ได้เลย เพราะนี่อาจเป็นเกมเปิดโลกกว้างเกมแรกที่มีระบบ Cover System ให้เกมเมอร์สามารถหาที่กำบังหลบยิงได้ และการต่อสู้ Melee ก็ออกแบบได้อย่างสนุกเร้าใจสุด ด้วยการโยกปุ่ม Analog เพื่อโจมตี หรือง้างหลังแล้วโยกปุ่มไปด้านหน้าเพื่อโจมตีหนัก แทนการกดปุ่มรัว ๆ

รวมถึงเกมเมอร์สามารถจ่ายสินบนแก่ตำรวจ เพื่อให้สามารถก่ออาชญากรรม โดยไม่ต้องกังวลเรื่องตำรวจมาไล่ตามจับคุณ หรือสามารถเข้ายึดกิจการร้านค้าต่าง ๆ ด้วยการเรียกเก็บเงินคุ้มครอง เพื่อเพิ่มค่าเกียรติยศต่อ Corleone Family ซึ่งมีผลต่อการ Progress ภายในเกมรวมถึงตอนจบลับอีกด้วย

แต่อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่ได้เป็นเกมที่พอร์เฟคต์ซะทีเดียว เพราะองค์ประกอบของเกมเปิดโลกกว้างบางส่วนที่ควรมีกลับขาดหายไป โดยเฉพาะมินิเกมหรือกิจกรรมเสริมที่ไม่มีให้ทำในเกมนี้ รวมถึงเกมขาดความท้าทาย เพราะ A.I. จัดว่าอยู่ในเกณฑ์โง่ และ Aldo มีความสามารถ Overpowered ด้วยการ “เล็งปืน” จากที่กำบังได้ จึงทำให้เกมมีความซ้ำซากพอสมควร แต่ก็ต้องขอบคุณเนื้อเรื่องของเกมที่สามารถประคองไว้ได้

The GodfatherThe Godfather: The Game ประสบความสำเร็จในแง่บวกทั้งด้านเสียงวิจารณ์และยอดขาย จนทีมงานได้ทำเกมภาคต่อเป็น The Godfather II แต่ทว่าภาคสองกับประสบความล้มเหลวอย่างหนัก เนื่องจากสามารถทำยอดขายได้เพียง 400,000 แผ่น กับมีเสียงวิจารณ์ในแง่ลบซะส่วนใหญ่ จึงเป็นเหตุให้เกมภาคสามที่วางแผนไว้แล้ว ถูกยกเลิกการพัฒนาในที่สุด

SHARE

Achina Limanwat

เค - Content Writer

Back to top