BY Nuttawut Apiratwarakul
15 Dec 22 9:01 am

Resident Evil ความโลภของมนุษย์คือสิ่งที่อันตรายยิ่งกว่าพวกผีชีวะ

48 Views

“ความโลภ” หรือ ความอยากได้ไม่รู้จักพอเป็นจุดอ่อนที่น่ากลัวที่สุดของมนุษย์ คำกล่าวนี้คงจะดูไม่เกินจริงนัก เพราะความโลภเป็นตัวต้นเหตุที่ทำให้เกิดหายนะและความวุ่นวายต่างๆ มากมายทั้งการคอรัปชั่น, การแย่งชิงอำนาจหรืออะไรก็ตามแต่ที่เราเห็นได้จากข่าวห แต่ถ้าหากจะพูดถึงวิดีโอเกมที่นำเสนอความโลภออกมาได้เด่นชัดที่สุดก็คงหนีไม่พ้น Resident Evil ซีรีส์เกม Survival-Horror โคตรฮิตที่ยังคงยืนหยัดมาจนถึงทุกวันนี้ของ Capcom

กับการนำเสนอเรื่องราวการเอาตัวรอดจากเหล่าอาวุธชีวภาพสุดสยองมากมายหลายตัว ถึงแม้ว่าภาคหลังๆ จะมีการพัฒนาปรับเปลี่ยนไปบ้างทั้งการเปลี่ยนรูปแบบแนวเกมให้แอคชั่นมากขึ้น ก่อนที่จะกลับไปสู่รากเหง้าเดิมในภายหลังหรือจะต่อยอดเชื้อร้ายให้มีความหลากหลายมากขึ้นกว่าเดิมไม่ได้มีแค่เชื้อไวรัสซอมบี้กลายพันธุ์เท่านั้น

แต่นอกเหนือจากที่กล่าวไปข้างต้นสิ่งหนึ่งที่ Resident Evil ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยนั่นก็คือแก่นแท้ของเรื่องราวในเกมที่แอบแฝงประเด็นแง่คิดต่างๆ และสะท้อนถึงความโลภของมนุษย์ ซึ่งเปรียบเสมือนบ่อกำเนิดความชั่วร้ายทั้งหมดเอาไว้ด้วย แล้วแน่นอนครับว่ามันโคตรน่ากลัวและอันตรายยิ่งกว่าพวกศัตรูที่เราได้เผชิญหน้าในเกมนี้เสียอีก

Resident Evil 2

จุดเริ่มต้นของเรื่องราวใน Resident Evil เกิดจากการที่ Oswell E.Spencer, Edward Ashford และ James Marcus ค้นพบเชื้อไวรัส Progenitor ในดอกไม้ Stairway of the Sun ก่อนที่ทั้งสามจะเกิดปิ๊งไอเดียในการใช้ไวรัสสร้างอาวุธชีวภาพเพื่อไปขายให้กับกองทัพ ก่อนที่ทั้งสามจะก่อตั้งบริษัท Umbrella Corporation ขึ้นมาบังหน้าการทดลองสุดชั่วร้ายและหายนะทั้งหมดก็ได้เริ่มต้นขึ้นนับตั้งแต่ตอนนั้น

ถ้าพูดง่ายๆ ก็คือทุกสิ่งชั่วร้ายที่เกิดขึ้นใน Resident Evil ทุกภาคล้วนมาจากความโลภและความลุ่มหลงของพวกตัวร้ายทั้งนั้นยกตัวอย่างเช่น Spencer ที่อยากจะเป็นพระเจ้าในโลกใหม่ด้วยการใช้เชื้อไวรัสวิวัฒนาการคนทั้งโลกไปอีกขั้นโดยไม่ถามสุขภาพซักคำ, ลัทธิ Los Iluminados จากเกมภาค 4 ที่ต้องการจะยึดครองโลกด้วยการใช้ปรสิต Plaga เข้าไปยึดร่าง, Miranda ในภาค Village ที่อยากจะชุบชีวิตลูกสาวของตัวเองเลยไปจับคนในหมู่บ้านมาทดลองกับเชื้อ Mold เพื่อหาร่างที่เหมาะสมให้ Eva

และที่เด็ดสุดคือ Simmons ชายผู้หลงรัก Ada สายลับสาวชุดแดงหัวปักหัวปำเลยทำการทดลองโคลนนิ่ง Ada ขึ้นมาอยู่หลายครั้งแต่ก็ผิดพลาดตลอดจนกระทั่ง Carla นักวิจัยผู้หลงรัก Simmons ยอมทำการทดลองนี้จนสำเร็จเพื่อเอาใจ Simmons และเมื่อเวลาผ่านไปเธอกลับรู้สึกได้ว่าตัวเธอโดนหลอกใช้เลยคิดจะแก้แค้น Simmons ด้วยการปล่อยเชื้อ C-Virus ใส่คนทั้งโลกจนเกิดเป็นความวุ่นวายที่ยากเกินควบคุม

และสิ่งเหล่านี้เองก็ได้สร้างผลกระทบอันใหญ่หลวงให้กับบ้านเมือง ไม่ว่าจะเป็นการสูญเสียชีวิตของคนบริสุทธิ์ที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่, เมือง Raccoon City ที่แต่เดิมเป็นเมืองสงบน่าอยู่กลับกลายเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยฝูงซอมบี้กระหายเลือด ก่อนจะถูกลบหายไปจากแผนที่เหลือไว้เพียงเศษซากปรักหักพังที่เป็นดั่งอนุสรณ์ย้ำเตือนความเลวร้ายของอาวุธชีวภาพและไหนจะบาดแผลในจิตใจที่ยากจะลืมเลือนของเหล่าตัวละครผู้ที่รอดชีวิตออกมาจากสถานการณ์เลวร้ายอีก

“All this death wasn’t caused by a monster-making virus. It was greed. Human greed.” ประโยคที่ Jill Valentine พูดในตอนจบของเกมภาค 3 ฉบับรีเมคดูจะอธิบายแก่นหลักของเรื่องได้ครอบคลุมมากที่สุดแล้ว เพราะถึงแม้ว่า Nemesis และเหล่าสัตว์ประหลาดกลายพันธุ์จะอันตรายขนาดไหน แต่มันก็เทียบไม่ได้เลยกับความชั่วร้ายของมนุษย์ที่สามารถทำได้ทุกอย่างเพื่อให้ได้มาในสิ่งต้องการ โดยไม่สนว่าจะต้องใช้วิธีไหนก็ตาม

และนั่นก็เป็นเหตุผลที่ทำให้เธอกับ Chris รวมถึงตัวเอกคนอื่นๆ ตัดสินใจจัดการกับ Umbrella ให้สิ้นซาก ถึงแม้ว่าพวกเขาจะทำสำเร็จ แต่มันก็จะยังมีกลุ่มผู้ไม่หวังดีกับองค์กรใหม่ที่มีจุดประสงค์งอกเงยออกมาให้ต่อสู้ด้วยอยู่ดีจนกลายเป็นวงจรอุบาทว์วนลูปไม่จบไม่สิ้นและถ้าขืนมันยังเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ก็คงจะมีสักวันที่โลกของเกม Resident Evil ใบนี้จะต้องล่มสลายและถูกยึดครองโดยเหล่าผีชีวะแบบเดียวกับฉบับหนังของ Paul Anderson และซีรีส์ที่ฉายไปบน Netflix ก็เป็นได้

SHARE

Nuttawut Apiratwarakul

โน้ต - Co-Founder / Editor-in-chief

Back to top