BY Aisoon Srikum
14 Sep 22 5:45 pm

Prince of Persia จุดกำเนิดการต่อยอดสู่ Assassin’s Creed และภาค Remake ที่หายไป

19 Views

ในขณะที่แฟน ๆ Assassin’s Creed กำลังตื่นเต้นกับการเปิดตัวเกมภาคใหม่เป็นจำนวนมาก เป็นเครื่องยืนยันได้ว่าซีรีส์นี้ เป็นหนึ่งในซีรีส์ที่ทาง Ubisoft จะไม่มีวันปล่อยให้หลุดมือไปอย่างเด็ดขาด และหลายคนน่าจะรู้กันดีว่า Assassin’s Creed นั้น คือการต่อยอดมาจากเกมซีรีส์หนึ่งที่โด่งดังไม่แพ้กัน แต่น่าเสียดายที่มันจางหายจนหลายคนอาจจะลืมมันไปแล้ว นั่นคือซีรีส์เ้จ้าชายแห่งเปอร์เซีย หรือ Prince of Persia

ปฐมบททะเลทรายแห่งกาลเวลา

1

ซีรีส์ Prince of Persia นั้น ให้กำเนิดโดย ๋ordan Mechner ที่เป็นคนให้กำเนิดเกมแฟมิคอมในตำนานอย่าง Karateke (เชื่อว่าหลายคนต้องเคยเห็นหรือเคยเล่นกันมาบ้าง) และสำหรับซีรีส์ Prince of Persia นี้ ก่อนจะมาโด่งดังในภาค The Sand of Time นั้น ตัวเกมออกมาตั้งแต่ปี 1989 แล้ว โดยเป็นแพลตฟอร์มตะลุยด่านที่เต็มไปด้วยกลไกกับดักมากมาย จนกระทั่งภาคสุดท้ายในปี 1999 ก่อนที่ลิขสิทธิ์แฟรนไชส์ Prince of Persia จะถูกขายต่อให้กับทาง Ubisoft ในเวลาต่อมา

และตำนานก็ได้เริ่มต้นขึ้นในปี 2003 หลังจากลิขสิทธิ์ถูกส่งมอบมาให้ทาง Ubisoft เมื่อเกมถูกหยิบมาสร้างใหม่อีกครั้งในชื่อ The Sand of Time เกมที่มีฉากหฟลังอยู่ในเปอร์เซียในช่วงศตวรรษที่ 9 ว่าด้วยเรื่องของเจ้าชายแห่งเปอร์เซียและกองทัพของซาราห์มานที่กำลังเดินทางผ่านอินเดีย และค้นพบเรื่องราวของสิ่งของวิเศษอย่างทรายแห่งกาลเวลา เกมภาคนี้ประสบความสำเร็จและกลายเป็นจุดเริ่มต้นของ Ubisoft ให้ค่อย ๆ ไต่เต้าขึ้นมาเป็นค่ายเกมแถวหน้าของโลก

Prince Of Persia

ตัวเกมในภาคแรกนั้น ด้วยความบอบช้ำและความผิดหวังจาก Prince of Persia 3D (ภาคก่อนหน้าที่ทาง Ubisoft จะเข้าซื้อแปฟรนไชส์) ทำให้เขาไม่อยากจะกลับมาทำงานกับเกมนี้อีก แต่แล้วด้วยการวางแผนและการออกแบบที่ดีของทาง Ubisoft เขาตัดสินใจกลับมาเข้าร่วมโปรเจกต์นี้อีกครั้ง และทีมงานทำเกมภาคแรกก็มีสูงถึง 65 คน ซึ่งถือว่าเยอะมากในยุคนั้น หลังการพัฒนาเสร็จสิ้น ตัวเกมประกาศลงให้กับเครื่อง PS2, Xbox, Gamecube, GBA และ PC โดยแต่ละแพลตฟอร์มจะมีความแตกต่างกันทางด้านคอนเทนต์และเนื้อหาของเกม และมันก็ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก

การผจญภัย ไขปริศนา และแพลตฟอร์มสุดล้ำ

2

Prince of Persia: The Sand of Time นั้น จริง ๆ ไม่ใช่เกมแอ็คชั่นแต่อย่างใด ภาพรวมหลัก ๆ ของตัวเกมนั้นคือเกมแนวไขปริศนา ผสมผสานกับเกมแพลตฟอร์ม แต่มีฉากแอ็คชั่นปะปนเข้ามาบ้างเพื่อให้ผู้เล่นได้สนุกและติดพันกับตัวเกมมากยิ่งขึ้น ด้วยมุมกล้องแบบ Third Person แต่จะเปลี่ยนตำแหน่งมุมกล้องเมื่อเราเข้าสู่พื้นที่ต่าง ๆ ฟีเจอร์เด่นของเกมภาคแรกเลยคือ ใช้ทรายในการย้อนเวลากลับไปได้ แต่ทรายนี้ก็มีวันหมด โดยเราสามารถหาเติมได้จากฉากต่าง ๆ ภายในแผนที่ และการกำจัดศัตรู

ด้วยการใช้ทรายในการย้อนเวลา ทำให้ผู้เล่นมีโอกาสในการทำผิดพลาด และทดลองใหม่ได้ หากทรายยังไม่หมดลง และเกมที่นำเสนอแบบแพลตฟอร์มอยู่แล้ว มีหลากหลายโอกาสเลยทีเดียว ที่เราจะเล่นพลาดจนตาย แต่การมีระบบทรายย้อนเวลาก็ช่วยเติมเต็มตรงส่วนนี้ได้ดี แต่ก็ต้องระวังเพราะบางทีทรายก็ไม่พอจะให้เราย้อนเวลาได้ โดยเราสามารถย้อนเวลาได้นานที่สสุดถึง 10 วินาทีกันเลยทีเดียว

3

ในส่วนของแอ็คชั่น เราจะได้ต่อสู้กับพวกสัตว์ประหลาดที่ถือกำเนิดขึึ้นมาจาก Sands อสูรแห่งทะเลทราย และ Dagger of Time นี่ถือว่าเป็นอาวุธหลักประจำตัวของเจ้าชาย แน่นอนว่าส่วนของการต่อสู้ก็ยังคงมีลีลาท่าเยอะสมกับเป็นเจ้าชายแห่งเปอร์เซีย และช่วยเพิ่มความสนุกในระหว่างการเล่นได้มากขึ้น ในขณะที่หากตัวละครทรงพลังขึ้นก็๗ะถึงขั้นแช่แข็งเวลาได้ หรือพายุทรายที่ใช้จัดการศัตรูได้เลยทีเดียว

การประสบความสำเร็จของ The Sands of Time ทำให้ตัวเกมมีภาคต่อตามมาอีกมากมาย ทั้ง Warrior Within, The Two Thrones, The Forgotten Sands แต่แล้วด้วยการที่ไอเดียเกมภาคต่อบางภาค ถูกนำไปต่อยอดให้เป็นซีรีส์ Assassin’s Creed ทำให้ตัวเกม Prince of Persia หยุดชะงักลงในภาค Escape ที่ก็ไม่ใช่เกมภาคหลัก

การสานต่อเป็นภาพยนตร์ หนังดีที่หลายคนอาจลืม

Prince of Persia เคยมีการนำไปดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ด้วย และกระแสที่ออกมานั้น ก็ถือว่าไม่ได้แย่เลย สำหรับฉบับภาพยนตร์นั้น ได้ Walt Disney มาสร้าง และมือเขียนบทหนังกว่า 4 คน ที่สำคัญคือ Jordan Mechner ผู้ให้กำเนิดซีรีส์เกมเองก็มาเขียนบทฉบับหนังด้วยตัวเอง และได้ Mike Newell มาเป็นผู้กำกับ

ฉบับหนังนั้น ได้ Jake Gyllenhal มารับบทเป็นเจ้าชายที่มีชื่อแล้วนั่นคือ Dustan ร่วมกับสองนักแสดงเบอร์ใหญ่อย่าง Gemma Arterton และ Ben Kingsley ซึ่งฉบับหนังได้รับคำชื่นชมจากแฟนเกมเป็นจำนวนมากทั้งเรื่องของเพลงประกอบ ฉากแอ็คชั่น อารมณ์ขัน และฝีมือการแสดงของเหล่านักแสดงนำ ตัวหนังนั้นเคยครองตำแหน่งหนังจากเกมที่ทำเงินมาอย่างยาวนานนับตั้งแต่ปี 2010 ที่เข้าฉาย ลากยาวมาจนถึงปี 2016 ที่ Warcraft เข้าฉาย ถึงถูกโค่นอันดับลงมาได้

น่าเสียดายที่ตัวหนังไม่ได้มีภาคต่อตามออกมา ซ.ึ่งไม่แน่ว่าอนาคตอะไรก็เกิดขึ้นได้ ต้องรอดูกันต่อไป

เวอร์ชั่น Remake ที่ยังไร้ร่องรอยการวางจำหน่าย

ในช่วงเดือนกันยายนปี 2020 ทาง Ubisoft ประกาศเปิดตัว Prince of Persia: The Sands of Time เวอร์ชั่น Remake อย่างเป็นทางการ แถมมีกำหนดวางจำหน่าย 21 มกราคม 2021 ด้วย แต่.. นับตั้งแต่นั้นมาเราก็แทบไม่ได้เห็นข่าวคราวข้อมูลใด ๆ ออกมาอีกเลย นอกจากการประกาศเลื่อนวางจำหน่ายครั้งแรกครั้งเล่า

สาเหตุที่ต้องเลื่อน เพราะหลังจากเปิดตัว กระแสตอบรับก็ค่อนข้างย่ำแย่ เพราะมันไม่สมกับเป็นการ Remake เลย ทั้งกราฟิก เกมเพลย์ ระบบการเล่น และอื่น ๆ จนทาง Ubisoft ตัดสินใจ แบกตัวเกมกลับเข้าถ้ำ ไปปรับปรุงใหม่ และคาดว่ามันจะเป็นการ Remake ซ้อน Remake กันอีกรอบ เพื่อทำให้ตัวเกมออกมาสมกับชื่อการ Remake มากที่สุด และตอนนี้เรายังไม่รู้ว่าจะได้สัมผัสกับปฐมบททรายแห่งกาลเวลาอีกครั้งกันในตอนไหน

แม้ว่าปัจจุบัน Ubisoft จะทุ่มเทให้กับ Assassin’s Creed มากกว่า แต่หากไม่มี Prince of Persia แล้วล่ะก็ ซีรีส์ Assassin’s Creed ก็คงไม่ได้เกิดขึ้นมา และเราหวังว่าจะได้เห็น Prince of Persia กลับมาโลดแล่นอีกครั้ง

SHARE

Aisoon Srikum

Back to top