BY Zreast
2 Jan 24 7:00 pm

GD The Best 2023 – Alan Wake 2 งานศิลป์เหนือจินตนาการ เกมยอดเยี่ยมที่สุดแห่งปี 2023

259 Views

ในนิยายสยองขวัญ มันจะมีได้ก็เพียงแค่ “เหยื่อ” กับ “สัตว์ประหลาด” เท่านั้น

และท่ามกลางความเงียบงันในชนบทอย่าง Bright Falls ก็ไม่มีทางล่วงรู้เลยว่าสัตว์ประหลาดที่ว่า มันจะแฝงมาภายใต้หน้ากากแบบใด กว่าจะทันได้รู้ตัว คุณก็อาจถูกฉีกกระชาก กัดกินและกลืนหายไปกับความมืดมิดนี้เสียแล้ว

ที่ว่ามานี้ คือเรื่องราวชะตากรรมบทถัดไปของชายที่ชื่อ “Alan Wake” ซึ่งครั้งหนึ่งเคยช่วยเหลือภรรยาของเขาให้รอดพ้นจากเงามืดแห่งเมือง Bright Falls ได้สำเร็จ แต่ก็ลงเอยด้วยการที่เขาต้องติดอยู่ในมิติที่เรียกว่า “Dark Place” มายาวนานจวบจนปัจจุบัน

ซึ่งใน Alan Wake 2, ทีมงาน Remedy Entertainment ก็ทำให้เรารู้สึกเองได้ ว่ามันทิ้งห่างจากภาคแรกมานานมาก ผ่านเนื้อเรื่องในเกม ที่มีผู้คนใหม่ ๆ และประเด็นใหม่เพิ่มเข้ามาหลังเหตุวุ่นวายเมื่อ 13 ปีก่อน รวมไปถึงนอกเกมด้วย ที่เราก็ต้องรอกันนาน 13 ปีจริง ๆ กว่าจะได้เล่น Alan Wake ภาคต่อ และด้วยความนานระดับนี้ เทคโนโลยีที่ใช้ เทคนิคในการนำเสนอ ระบบเกมเพลย์ และไอเดียใหม่ ๆ ที่ทีมงานใส่เข้ามา มันก็ก้าวล้ำขึ้นกว่าภาคแรกในทุกมิติ

ความประทับใจแรก ๆ ที่ผู้เล่น Alan Wake 2 จะได้เจอ ก็คือการเล่าเรื่องแบบตีคู่กันไประหว่าง 2 ตัวละครคือ Alan Wake กับ Saga Anderson ซึ่งสลับรสชาติกันได้ดี และตัวเกมไม่สามารถขาดพาร์ทของใครไปได้เลย ในฟากของ Alan มันคือการต่อสู้หาทางรอดออกไปจาก Dark Place ซึ่งจะเน้นการนำเสนอแบบเซอร์เรียล เน้นแสง สี คอนทราสต์ที่ตระการตาขั้นสุด สมกับกราฟิกระดับ Next-gen ที่รีดประสิทธิภาพและเทคโนโลยีของการ์ดจอออกมาใช้แบบเต็มที่

ส่วนฟาก Saga ก็เหมือนเป็นตัวแทนผู้เล่นหน้าใหม่ ที่ถูกลากเข้ามาเกี่ยวข้องกับนิยายสยองขวัญซึ่งมี Alan Wake เป็นพระเจ้า นี่คือพาร์ทที่ผู้เล่นจะได้สัมผัสบรรยากาศป่าเขา และความเป็นชนบทซึ่งอัปเกรดให้สวยขึ้นมาจากภาคแรกแบบไม่เห็นฝุ่น โดยมีทีเด็ดอยู่ที่การดำเนินเนื้อเรื่องแบบซีรีส์สืบสวน ซึ่งเกมจะไม่ได้จับมือเราเล่น หรือบอก Objective เราง่าย ๆ แต่ต้องคอยปะติดปะต่อเบาะแสและหลักฐานเอาเอง เพื่อให้รู้ว่าควรจะต้องทำอะไรต่อ อีกทั้งยังสามารถพลิกไปพลิกมาได้ด้วย เช่นในตอนที่หลักฐานน้อย ๆ คุณอาจจะมีทฤษฎีหรือสมมติฐานอยู่แบบหนึ่ง แต่พอได้ขุดได้คุ้ยอะไรมากขึ้น ข้อมูลใหม่ ๆ มันก็จะมาหักล้างกับของเดิม สะท้อนว่าเรื่องราวของเกมนี้มันมีความซับซ้อน ชวนให้คาดเดาและอยากค้นหาความจริงอยู่ตลอดเวลา

ความล้ำอีกประการของ Alan Wake 2 นั่นคือไอเดียในการทำให้ทุกอย่าง ถูกรวมเป็นส่วนหนึ่งของการเล่าเรื่องทั้งหมด ทั้งสถานที่, ระบบอัปเกรด, หน้า Pause Menu หรือของที่ต้องวิ่งไปเก็บตามฉาก มันก็มีเนื้อเรื่องมาคอยรองรับ เล่นไปเรื่อย ๆ ก็จะค่อย ๆ รู้เหตุผลภายใต้ความไม่มีเหตุผล ทำให้ทุกองค์ประกอบมันกลืนกันเป็นหนึ่งเดียว และเราจะไม่รู้สึกว่า “หลุด” ออกมาจากเนื้อเรื่องของเกมเลยจริง ๆ เหมือนกำลังได้ดูซีรีส์แบบยิงยาวเต็มซีซัน ตั้งแต่ค่ำยันสว่างเลยก็ว่าได้

ถึงอย่างนั้น ทีมงาน Remedy ก็ไม่ได้แผ่วในด้านของเกมเพลย์ กลับกัน ต้องบอกว่านี่คือผลงานที่เหนือความคาดหมายมาก ใครจะคิดว่าเกม Survival Horror เกมแรกของพวกเขา มันจะออกมาดีและเนี้ยบได้ไม่น้อยหน้าเกมรุ่นพี่ในวงการ ถึงภาพรวมมันจะไม่ค่อยมีจังหวะให้ได้บู๊สักเท่าไร แต่ก็แลกมากับบรรยากาศที่จัดเต็ม พาให้ระแวดระวังตัวว่าศัตรูมันจะเข้ามาสวบหัวเราเมื่อไรกันแน่ รวมไปถึงพัซเซิลที่ก็ออกแบบมาได้ชาญฉลาด ช่วยเสริมการเล่าเรื่องให้เข้มข้นขึ้น มากกว่าจะทำให้เบื่อหน่ายเพราะไม่ได้จับปืนยิงเสียที

และสิ่งที่ Alan Wake 2 ทำได้โดดเด่นมาก คือการงัดเอาศิลปะแทบทุกแขนงออกมาปล่อยของในเกมนี้ เราได้เห็นการเล่นคอนเซ็ปต์กับแสง-เงา ที่เป็นจุดขายมาตั้งแต่เกมภาคแรก, การเลือกใช้สีสันที่สวยกระแทกตา, เพลงประกอบนับสิบ ที่ถูกแต่งเนื้อร้องมาเพื่อเกมนี้โดยเฉพาะ, เทคนิคพิเศษอย่างการซ้อนภาพ รวมไปถึงการเลือกใช้ Live Action เพื่อดึงเรื่องราวขึ้นมาให้ใกล้เคียงชีวิตจริงยิ่งขึ้น สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นผลลัพธ์จากการสั่งสมประสบการณ์ของทีมงาน Remedy ที่ทดลองทำเกมด้วยแนวทางใหม่ ๆ มากมาย ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน

และมันจะยิ่งระเบิดฟอร์มออกมาได้สุด ๆ ในพาร์ทมิวสิคัลของเกม ที่หลายคนอาจได้เห็นกันไปบ้างแล้วกับเพลง “Herald of Darkness” บนเวที The Game Awards 2023 ซึ่งต้องบอกว่านั่นยังเป็นแค่น้ำจิ้ม เพราะสำหรับฉบับเต็มในเกม มันคือการนำเอาทั้งงานดนตรี, งานออกแบบท่าเต้น, งานวิชวล และเกมเพลย์ มารวมกันจนกลายเป็นอีกหนึ่ง Sequence ที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์วงการเกม และยังสะท้อนว่าทีมงานมีความสุขกับการได้ทำให้สิ่งนี้เกิดขึ้นจริง โดยเฉพาะตัวผู้กำกับอย่างคุณ Sam Lake ที่ในเกมภาคนี้ แกทุ่มตัวทำหมดทั้งมาแสดงเอง, เต้นเอง รวมถึงคอยคุมทิศทางให้กับทุกเพลง ที่ถูกใช้เพื่อสื่ออารมณ์ของเนื้อเรื่องในแต่ละบท

ทั้งหมดทั้งมวล จึงเป็นเหตุผลว่าทำไม Alan Wake 2 ถึงเป็นสุดยอดงานศิลป์ ที่นำเสนอธีม Psychological horror ได้แบบสุดทางมาก ถึงจะมี Jump scare เยอะไปหน่อยจนทำอารมณ์ดร็อปไปบ้าง แต่ในภาพรวมแล้ว มันก็คือประสบการณ์อันยอดเยี่ยมที่นาน ๆ ทีจะมีแบบนี้มาสักครั้ง และสื่ออย่างภาพยนตร์หรือซีรีส์ก็มอบให้คุณไม่ได้ มีแต่วิดีโอเกมเท่านั้นที่จะทำได้เท่และถึงใจขนาดนี้ จนต้องยกให้จริง ๆ กับตำแหน่งเกมยอดเยี่ยมที่สุดแห่งปี 2023 สำหรับพวกเราทีมงาน GamingDose

SHARE

Satthathan Chanchartree

ฟ่าง - Content Writer

Back to top