BY Aisoon Srikum
24 Jun 21 5:50 pm

Far Cry 3: Blood Dragon จุดเริ่มต้นของเกมภาคแยกสุดกาว อัดตัวชั่ว ควงสาวสวย แล้วกู้โลก

45 Views

เกมซีรีส์ Far Cry ที่ปัจจุบัน เดินทางกันมาถึงภาคที่ 6 แล้ว หากใครที่เล่นเกมนี้กันเป็นประจำทุกภาค จะรู้ว่าซีรีส์เกมนี้ นับตั้งแต่ภาค 3 เป็นต้นมา จะมีเนื้อหาเสริม หรือตัวเกมสปินออฟสุดกาวให้เราได้เล่นกันมาตลอด แต่สปินออฟที่น่าสนใจของ Far Cry และกำลังจะได้รับการรีมาสเตอร์ใหม่ แถมมาใน Season Pass Far Cry 6 ก็คือภาค Blood Dragon ซึ่งเป็นตัวเกมแยกมาจากภาค 3 นั่นเอง เชื่อว่าทุกคนมีเกมนี้ดองไว้ในคลังแน่ ๆ แต่ตัวเกมเป็นยังไง วันนี้มาทำความรู้จักกับสปินออฟสุดกาวตัวนี้กัน

สวมบทวีรบุรุษราวกับหนังเก่าคลาสสิก

เนื้อเรื่องของ Far Cry 3: Blood Dragon เป็นโลกดิสโทเปียในจินตนาการยุคปี 2007 โลกกำลังประสบปัญหากับวิกฤติสงครามนิวเคลียร์ ทาง Ubisoft เผยว่า นี่เป็นจินตนาการของผู้คนในโลกยุค VHS ปี 80 ที่มองข้ามอนาคตมาอีกประมาณ 30 ปีข้างหน้า แต่ยังคงนำหลักความคิดแบบปี 80 มาใช้ ด้วยคอนเซปต์ง่าย ๆ อัดตัวชั่ว ควงสาวสวยกลับบ้าน แถมกู้โลกได้อีกต่างหาก (ในเกมเราก็ได้ซัดสาวสวยจริง ๆ ซะด้วย) เราจะได้รับบทเป็นทหารอเมริกาที่เป็นจักรกลไซเบอร์เนติก Rex ‘Power’ Colt ที่ต้องร่วมมือกับ T.T. ‘Spider’ Brown ในการเข้าไปยังเกาะปริศนาเพื่อสืบสาวเรื่องราวของพันเอก Sloan ถึงแผนชั่วร้ายของเขา แถมยังทิ้งท้ายตอนจบไว้น่าสนใจมาก แต่มันก็ไม่ได้รับการสานต่อใด ๆ เลย

จากคาแรคเตอร์ทั้งหมดทั้งมวลที่ว่ามา รวมไปถึงสิ่งที่เกมนำเสนอ มันจะได้บรรยากาศและกลิ่นอายของหนังเทปหรือม้วนวิดีโอ แถมเนื้อเรื่องก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไรมาก แค่ปกป้องโลกจากพวกคนชั่ว กับตัวเอกสุดยียวนกวนประสาทเท่านั้น แต่สาเหตุที่มันประสบความสำเร็จ เพราะตอนนั้น Far Cry 3 กำลังได้รับความนิยมอย่างมหาศาล และสปินออฟตัวนี้ก็ไม่ได้ทำออกมาส่ง ๆ แต่กลับเป็นอีกเกมที่เล่นสนุกไม่แพ้เกมหลัก

Far Cry 3: Blood Dragon เปิดตัวในวันที่ 1 เมษายน 2013 ทำให้ตอนนั้นหลายคนเชื่อว่าเป็นเพียงการอำกันเล่นของทาง Ubisoft แต่ก็มีภาพหน้าจอเกมจริง ๆ รั่วไหลออกมาอีก และ 7 เมษายน 2013 Uplay ที่ตอนนั้นยังงใหม่ ๆ อยู่ ก็เลยเกิดการรั่วไหลขึ้นอีกครั้ง และสุดท้ายทาง Ubisoft ก็ยืนยันการเปิดตัวเกมนี้ด้วยตัวเอง พร้อมกับมีตัวอย่างแบบไลฟ์แอ็คชั่นในชื่อ Blood Dragon: The Cyber War มาโปรโมท ท้ายที่สุดเกมจึงวางขายในวันที่ 30 เมษายน 2013

เกมเพลย์และโลกของเกมสุดกาว

หากคุณเคยเล่น Far Cry 3 มาก่อนก็จะเข้าใจระบบการเล่นของ Blood Dragon ได้ไม่ยากเลย บวกกับเนื้อหาของเกมที่เป็นสแตนด์อโลน ไม่ต้องเล่นภาคหลักมาก่อนก็ได้ แต่ตัวเกมภาค Blood Dragon นี้จะมีความเป็นเส้นตรงมากกว่าเกมหลักที่มีความเป็น Open World และออกสำรวจได้  (แต่ก็ยังมีฉากให้เราวิ่งสำรวจอยู่บ้าง) ส่วนสกิล ทักษะต่าง ๆ จะปลดล็อคให้โดยอัตโตนมัติ และตัดระบบคราฟท์ไอเทมทิ้งไปเลย แต่ยังคงมีเหล่า Collectibles หรือไอเทมให้เราได้เก็บสะสมกันอยู่

ทางด้านตัวเอกก็เปลี่ยนมาเป็นทหารไซเบอร์เนติกทรงพลังที่มีอาวุธไฮเทครอบตัว ยิ่งเลเวลสูง ยิ่งโอเวอร์พาวเวอร์ และการผจญภัยในโลกของเกมก็ยิ่งโลดโผนมากขึ้น อาจจะไม่ได้มีท่าสวย ๆ แบบ Far Cry 4 แต่การวิ่งยิงยับไปทั่วเกาะแค่นี้ก็ถือว่าหลุดโลกไปพอสมควรแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหล่าศัตรูในเกมที่เต็มไปด้วยหุ่นไซบอร์ก ไปจนถึงไดโนเสาร์ดัดแปลงสายพันธุ์ที่ทำเอาเล่นครั้งแรกไม่อาจรู้ได้เลยว่านี่คือ Far Cry หรือเกม Sci-Fi อะไรกันแน่

ที่ขาดไม่ได้เลยคือวิธีการรักษาตัวเองสุดล้ำ ที่ภาคหลักดูไม่น่าจะเป็นไปได้แค่ไหน ภาคสปินออฟนี้ก็ยิ่งทวีคูณเข้าไปอีก เช่น เอานิ้วควักไปในรูแผลแล้วควักกระสุนออกมา เอาที่บีบมาบีบฟื้นคืนพลัง ต้องไม่ลืมว่าในภาคนี้

นอกจากโลกและเกมเพลย์สุดเพี้ยนนี้แล้ว การนำเสนอของเกมก็นำเสนอเหมือนอนิเมชั่นยุคเก่า เพราะคัทซีนจะเป็นภาพนิ่งตัดสลับฉากไปมาเท่านั้น พร้อมกับซับไตเติลคำบรรยาย ทำให้เหมือนดูการ์ตูนที่มีสเกลความเป็นหนังเกรดบี และที่ฮาที่สุดคือมุกตลกของแต่ละตัวละคร รวมไปถึงการกระทำ และเกมนตั้งใจนำเสนอให้เองบางฉาก เช่นฉาก Tutorial ที่ยัดใส่ข้อความพื้นฐานมาเป็ฯจำนวนมาก ก่อนจะยั่วผู้เล่นว่า รำคาญใช่ไหมล่ะ ? ซึ่งไม่ใช่แค่ผู้เล่นที่รำคาญเท่านั้น แต่ตัวละครหลักในเกมก็ยังรำคาญ จนต้องสบถออกมากันในเกมแบบสด ๆ ตรงนั้นเลย และยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่การกระทำของเกมชวนให้เราต้องกุมขมับปนหัวเราะแห้ง ๆ แต่คาดว่าเป็นสิ่งที่ทีมพัฒนาต้องการนำเสนอแบบนี้อยู่แล้ว

ภาพรวมของ Far Cry 3: Blood Dragon จึงเป็นเหมือนกับเกมคัลท์ แต่ดันทำออกมาได้กาวจัดจนน่าจดจำ และเป็นอีกภาคที่หากใครเบื่อ ๆ หรือกำลังรอคอยภาค 6 ในตอนนี้ ก็ย้อนกลับไปเล่นกันได้ สาเหตุเพราะ

กำลังจะได้รับการรีมาสเตอร์และสานต่อเป็นอนิเมชั่นทาง Netflix

Far Cyr 3: Blood Dragon กำลังจะได้รับการสานต่ออีกครั้ง โดยอย่างแรก อาจจะเป็นการรีมาสเตอร์ตัวเกม เพราะในงาน Ubisoft Forward เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา มีการปล่อยตัวอย่าง Season Pass ของ Far Cry 6 ที่เราจะได้รับบทเป็นตัวร้ายของ Far Cry 3-5 และช่วงท้ายตัวอย่างมีการเปิดเผยว่าใน Season Pass เราจะได้รับ Far Cry 3: Blood Dragon อีกด้วย แม้ตัวอย่างจะไม่ได้บอกว่าเป็นการรีมาสเตอร์ที่ชัดเจน แต่กับเกมเก่าอายุ 7 ปีขึ้นแบบนี้ ก็น่าจะได้รับการปรับปรุงอัปเกรดขึ้นเสียหน่อย ดีไม่ดี อาจเพิ่มเนื้อเรื่องหรือฉากจบแบบใหม่ก็ได้ เพราะตอนจบต้นฉบับนั้น ค่อนข้างค้างคาพอสมควรเลยทีเดียว

ในส่วนของการสร้างเป็นอนิเมชั่นก็มีการประกาศออกมาแล้วว่า จะร่วมมือกับ Adi Shankar พัฒนาซีรีส์อนิเมชั่นที่ชื่อว่า Captain Laserhawk: A Blood Dragon Remix โดยจะฉายทาง Netflix และจะต่อยอดเรื่องราวจากภาค Blood Dragon มาเล่าต่อ โดยมีกำหนดฉายในช่วงปี 2022

ทั้งหมดนี้เห็นได้ว่า Ubisoft เล็งเห็นอะไรบางอย่างใน Far Cry 3: Blood Dragon จนตัดสินใจหยิบมาสานต่อทั้งรูปแบบของซีรีส์ ไม่แน่ว่า Far Cry ภาคหลักในอนาคตอาจจะพาเราไปยังดินแดนไซไฟดิสโทเปียแบบนี้เข้าจริง ๆ สักภาคก็เป็นได้

 

SHARE

Aisoon Srikum

Back to top