หลังจาก PUBG จุดกระแสเกมแนว Battel Royale มาตั้งแต่ปี 2017 แล้วนั้น เรียกได้ว่าแทบจะไม่มีเกมไหนที่เปิดแนวเกมมาเป็น Battle Royale แล้วเจริญรุ่งเรืองอีกเลย อย่างมากก็แค่พอเป็นกระแสให้พูดถึงได้ขำ ๆ บวกกับ Fortnite ที่เป็นอีกหนึ่งราชาเกมแนวนี้คอยแย่งพื้นที่อยู่อีก ทำให้ใครหลายคนอาจจะคิดว่า คงไม่มี Battle Royale เกมไหนจะเกิดแบบปัง ๆ ได้อีกแล้ว
แต่ Respawn Entertainment ก็ได้สร้าง Apex Legends ขึ้นมา และเปิดตัวขึ้นมาเมื่อช่วงต้นปี 2019 และมันก็ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง หลายคนก็ว่ามันดังเพราะกินบารมีเก่าจากการนำเกมเพลย์ของ Titanfall มาใช้ แต่มันจะใช่สาเหตุนี้ทั้งหมดจริงหรือไม่ ?
ทำไมเกม Battle Royale ยุคหลังถึงไม่ประสบความสำเร็จ ?
แม้จะมีคอนเซปต์ที่น่าสนใจแค่ไหน แต่ทำไมเกม Battle Royale ยุคหลังถึงไม่ประสบความสำเร็จ ?
- เรามี Battle Royale ใต้ทะเลที่ต้องหนีฉลามไปด้วย ไล่ฆ่าคนอื่นไปด้วยอย่าง Last Tide
- เรามี Battle Royale ในเขตโรงงานเชอร์โนบิลอย่าง Fear the Wolves
- เรามี Battle Royale ที่ผสมผสานกลิ่นอายแบบ Crysis อย่าง Island of Nyne
แม้คอนเซปต์จะดีแค่ไหน แต่กลับไม่รอด นั่นเพราะเกมเหล่านี้ ขาดคุณภาพ
ทุกเกมที่กล่าวมาด้านบน แม้จะนำเสนอมุมมองการเล่นสุดแหวกแนว และต้องร้องว้าว แต่เพราะพวกเขารีบเกินไป รีบที่จะนำมันออกมาสู่ตลาด ด้วยการนำมันออกวางจำหน่ายด้วยคำว่า “Early Access” และผู้เล่นยุคนี้ ต้องการเกมที่สมบูรณ์มากกว่าเกมที่ขาดคุณภาพ เกมเหล่านี้จึงล้มหายตายจากอย่างรวดเร็ว และไปไม่ถึงฝั่งฝัน
กินบารมีเก่า แต่ก็ทำมันออกมาให้มีคุณภาพ
ก่อนอื่นเราต้องบอกกันก่อนว่า คำว่า คุณภาพ ของเรานี้ จะมองภาพรวมไว้ก่อน ระบบเกมเพลย์การเล่น กราฟิก การอัพเดทที่สม่ำเสมอ และจำนวนผู้เล่นที่ยังเหนียวแน่นเสมอมา (อย่าลืมว่า Battle Royale เป็นเกมที่ต้องใช้คนเล่นอย่างต่ำ 50-100 คน ไม่งั้นหาห้องไม่เจอ เล่นไม่ได้ หมดความสนุก) และ Apex Legends ทำได้ แต่ตัวเกมก็ยังมีสิ่งที่เรียกว่าบัค เซิร์ฟเวอร์เน่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่มันอยู่ใต้ชายคา EA ที่พอคนนึกถึงภาพค่ายนี้ทีไร มักจะถูกมองข้ามคำว่าคุณภาพไป ดังนั้นให้เรามองภาพรวมของคำว่าคุณภาพไว้ที่ตัวเกมก็พอ
สิ่งที่ Apex Legends ทำออกมาได้ดีมาก คือระบบ Gunplay ที่สนุกมาก ๆ โดยมันอิงพื้นฐานมาจาก Titanfall ตามที่กล่าวไว้ แต่ลดความไซไฟ ยอดมนุษย์ยิงกันแบบเกมต้นฉบับลง ให้กลายเป็นเกมยิงเดือด ๆ ที่เน้นความสามารถในการเคลื่อนไหว ปฏิกิริยาในการโต้ตอบ และอื่น ๆ ที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว
หากให้ผู้เขียนพูดถึงความคล้ายกันของเกม Apex Legends แรงดีดปืนที่นิ่งแบบนี้ทำให้ผู้เขียนนึกไปถึงเกมอย่าง Call of Duty ส่วนระบบการเคลื่อนที่ ก็อาจจะหยิบยกจากเกมต้นฉบับมาบ้าง แต่โดยรวมแล้วสิ่งที่เกมนี้มอบให้ผู้เล่นคือคุณภาพ (อย่างที่บอก ถ้าไม่นับบัค ปัญหาต่าง ๆ ที่เกมทั่วไปยังไงก็ต้องเจอ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โปรแกรมช่วยเล่นที่จัดการยังไงก็ไม่หมด)
อีกส่วนหนึ่งที่ทำให้เกมนี้สนุก คือการยิงปะทะกันที่พอดี มันไม่ตายเร็วเกินไป หรือช้าเกินไปจนน่ารำคาญ หากเป็นเกมอื่นอย่าง PUBG เราอาจจะมีโมเมนท์ที่ฟาร์มมาทั้งเกมแต่โดนสไนเปอร์ยิงดอกเดียวร่วง สร้างความเซ็งให้กับผู้เล่นไม่มากก็น้อย แต่กับ Apex Legends ผู้เล่นจะได้ยิงปะทะกันราวกับเกมแอ็คชั่นมัลติเพลเยอร์ทั่วไป แค่ตายแล้วตายเลย ต้องไปเริ่มใหม่เท่านั้น ซึ่งเกมเมอร์หลายคนน่าจะชอบระบบการยิงแบบนี้แน่นอน
การปรับตัวให้เร็วของทีมผู้พัฒนา
ในช่วงที่เกมเปิดให้บริการ ตัวเกมได้รับฟีดแบ็คจากผู้เล่นว่าคอนเทนต์เกมที่น้อยเกินไป รวมไปถึงปัญหาเซิร์ฟเวอร์และโปรแกรมช่วยเล่นอีกมาก ซึ่งทีมงานก็ออกมายอมรับโดยดีว่า การที่คอนเทนต์ตัวเกมมีน้อยเกินไปนั้น เป็นเพราะพวกเขาไม่คาดคิดว่าตัวเกมมันจะประสบความสำเร็จมากขนาดนี้ แต่หลังจากออกมาแถลงการณ์นี้ และตัวเกมในอัพเดทเข้าสู่ซีซั่น 2 ในช่วงกลางปี ด้วยคอนเทนต์ที่เพิ่มขึ้น ตัวเกมจึงมีแนวโน้มที่ดีขึ้น และมาจัดเต็มครั้งใหญ่ในซีซั่น 3 ช่วงเดือนตุลาคม
นอกจากนั้นตัวเกมยังจัดกิจกรรมต่าง ๆ แพทช์แก้สมดุลอื่น ๆ อีกมากมายหลายหน ทำให้ตัวเกมออกมาดีขึ้นเรื่อย ๆ เรียกได้ว่าในเวลาไม่ถึงปีนั้น ทีมพัฒนารับฟีดแบ็คของผู้เล่นมาปรับปรุงแก้ไขให้ตัวเกมดีขึ้น จนมียอดผู้เล่นสูงขึ้น และแย่งส่วนแบ่งเกมอย่าง PUBG และ Fortnite ได้ ถือว่าไม่ธรรมดา
ระบบการเล่นที่เข้าใจง่ายและเป็นมิตรกับผู้เล่นทุกระดับ
อีกหนึ่งระบบสำคัญของเกมนี้เลยคือ การทำระบบที่เกมอื่นไม่ทำ นั่นคือระบบการ Ping นั่นทำให้การเล่นเกมนี้นั้น แม้จะบังคับเล่นแบบทีม แต่ก็ตัดปัญหาเรื่องการสื่อสารทิ้งไปได้เลย เพราะระบบการ Ping จะทำให้เราบอกได้ทุกอย่างทั้งตำแหน่งศัตรู ไอเทมที่เก็บได้ นั่นทำให้เกมนี้ไม่มีปัญหาแม้จะต้องเล่นเป็นทีมเท่านั้น
เป็นเกมเต็มเลย ไม่ใช่ Early Access
ความดีงามของเกมนี้คือการไม่วางขายแบบ Early Access สาเหตุก็เพราะพวกเขามี EA หนุนหลังให้อยู่แล้ว ดังนั้นจึงสามารถพัฒนาเป็นเกมเต็มออกมาได้ ซึ่งแน่นอนว่าความสมบูรณ์ของตัวเกมนั้นสามารถเบียดเอาชนะเกมอื่นที่เปิดตัวมาในรูปแบบ Early Access ได้สบาย ๆ อยู่แล้ว บวกกับคุณภาพของคอนเทนต์ตัวเกมอีก ยิ่งทำให้เกมนี้ได้เปรียบเกมอื่น ๆ ไปไกลโข
และนี่ก็คือคำตอบว่า ถ้าเกมมันออกมามีคุณภาพ แม้แนวทางจะซ้ำ ๆ กันไปบ้าง แต่มันก็คือสิ่งที่ผู้เล่นอยากจะได้ในการเล่นเกมสักเกมนึงอยู่แล้ว ดูเหมือนว่าเหล่าผู้พัฒนาเกมทั้งหลายอาจจะต้องหันมาใส่ใจเรื่องคุณภาพตัวเกมให้มากขึ้นแล้ว (ทั้ง ๆ ที่มันควรจะเป็นสิ่งที่น่าใส่ใจมากที่สุดอยู่แล้วด้วยซ้ำไป)
เกมที่ทำให้ศรัทธาของ Respawn (และ EA) ถูกกอบกู้อีกครั้ง
แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ความบังเอิญหรือโชคช่วยใด ๆ การที่ผลงานออกมาดีแบบนี้ ก็ต้องมอบให้ความดีความชอบให้กับทาง Respawn เลยที่ทำเกมออกมาได้สนุก และเป็นที่นิยมขนาดนี้ แต่ถึงอย่างไรก็อย่าลืมว่า EA ก็ยังมีส่วนในการสนับสนุน และเพราะเกมนี้นี่แหละ ทาง EA เลยเริ่มกลับมาเข้าที่เข้าทางอีกครั้ง แน่นอนว่าผลงานล่าสุดอย่าง Respawn อย่าง Star Wars Jedi : Fallen Order ก็ยังคงยืนยันว่าพวกเขามีฝีมือจริง ๆ งานนี้ทาง EA จะเลี้ยงดูค่ายนี้ให้ผลิตผลงานดี ๆ ออกมาเพิ่มให้ได้อีกหรือไม่
Apex Legends อาจไม่ใช่เกมที่ทุกคนชอบ แต่หากมองในภาพรวมแล้ว มันคือเกม Battle Royale ที่เปิดตัวในยุคที่คนกำลังเบื่อเกมแนวนี้ แต่ก็ประสบความสำเร็จอย่างสูง และยังเป็ฯคำตอบที่ชัดเจนว่า สุดท้ายแล้ว สิ่งที่เกมเมอร์อย่างเรา ๆ ต้องการ ก็คือคุณภาพนี่ล่ะ
