BY BabeElena
27 Sep 18 1:52 pm

7 การเปลี่ยนแปลงของ Nintendo ที่ทำให้ภาพลักษณ์ของค่ายเกมไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

21 Views

เรียกได้ว่าเป็นค่ายเกมที่ค่อนข้างเป็นไม้เบื่อไม้เมากับเกมเมอร์ในบ้านเราพอสมควรสำหรับ Nintendo ที่ในสายตาหลาย ๆ คนมักมองว่าค่ายเกมใหญ่สัญชาติญี่ปุ่นค่ายนี้ เป็นพวกโลกสวย มุ้งมิ้ง หัวโบราณ จอมเผด็จการ และไม่ยอมเข้ากับใครง่าย ๆ ถึงแม้ Nintendo จะยังสามารถมอบความสนุกผ่านทางวีดีโอเกมได้อย่างยอดเยี่ยมก็ตาม

แต่ในพักหลัง ๆ Nintendo ก็ได้ทำการผ่อนคลายตัวเองและปรับนโยบายหลาย ๆ อย่างไปในทางที่ดีขึ้น และยุคนี้ก็ถือว่าเป็นยุคที่ Nintendo ได้ลองทำหลาย ๆ อย่างอะไรที่ไม่เคยทำในอดีตมาก่อน เพราะฉะนั้นเราจะมาดู 7 การเปลี่ยนแปลงของ Nintendo ที่ทำให้ภาพลักษณ์ของค่ายเกมไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ว่าในยุคปัจจุบันแล้ว Nintendo เขาได้ปรับตัวและปรับปรุงอะไรบ้าง

เครื่องเล่นเกมของ Nintendo จะไม่มีการล็อคโซนอีกต่อไป

เป็นสิ่งที่เป็นไม้เบื่อไม้เมาของเกมเมอร์มาอย่างยาวนานสำหรับเครื่องเล่นเกมของ Nintendo ที่จะมีการล็อคโซนเอาไว้ในเครื่อง ทำให้คุณจะต้องเล่นเกมที่ตรงกับโซนเครื่องของคุณเท่านั้น หากซื้อเกมนอกโซนมาก็จะไม่สามารถนำมาเล่นได้เลย และปู่ก็ทำแบบนี้มายาวนานนับยี่สิบปีจนหลายๆคนเรียกร้องให้ Nintendo เลิกนโยบายตกยุคแบบนี้เสียที

และในที่สุดสิ่งที่เกมเมอร์หลาย ๆ คนคาดหวังก็ได้เกิดขึ้นจริง เมื่อเครื่องเกมตัวล่าสุดของพวกเขาอย่าง Nintendo Switch มาพร้อมกับการที่ไม่มีนโยบายล็อคโซนอีกต่อไป และสามารถเล่นเกมของโซนอื่นได้อย่างอิสระ นอกจากนี้คุณยังสามารถบินไปซื้อเกมใน Nintendo Eshop ได้ทั่วโลก เพียงแค่เปลี่ยนโซนเท่านั่น เท่ากับว่าคุณสามารถหาเกมญี่ปุ่นมาเล่นหรือซื้อเกมจากโซนอื่นที่อาจจะมีราคาถูกกว่าได้อีกด้วย

ให้การสนับสนุนเกมอินดี้อย่างเต็มที่

เกมอินดี้หรือเกมนอกกระแสนั่นถือว่าเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมเกมใหม่ที่สบประมาทไม่ได้เลย เพราะสามารถทำเม็ดเงินได้จำนวนมาก บวกกับมีการนำเสนอสิ่งแปลกใหม่ ที่ค่ายเกมฟอร์มยักษ์อาจจะไม่สามารถมอบให้ได้ ซึ่ง Nintendo ในยุคใหม่ก็ได้เล็งเห็นคุณค่าในจุด ๆ นี้ จึงมีการไปดึงเกมอินดี้ที่มีไอเดียเจ๋งและนำมาเป็นเกม Exclusive ให้กับเครื่องตนเอง อย่าง Snipperclips และเกมอื่นๆ

นอกเหนือจากนี้ Nintendo ยังจัดอีเวนต์ Livestream ที่จัดว่าอยู่ในส่วนนึงของ Nintendo Direct อย่าง “Nindie Showcase” ซึ่งจะมีการโฆษณา รวมถึงเปิดตัวเกมอินดี้ใหม่ ๆ ที่จะลงให้กับเครื่อง Nintendo Switch และด้วยวัฒนธรรมของผู้เล่น Nintendo Switch ที่ไม่เรื่องมากเรื่องกราฟิกสวย ๆ รวมถึงการสนับสนุนจากทางปู่นินเอง เหล่านักพัฒนาเกมอินดี้จึงมอง Nintendo Switch เหมือนเป็นบ่อเงินบ่อทองของพวกเขา และนั่นก็เป็นความจริง เพราะผลจากการสำรวจนักพัฒนาเกมอินดี้นั้น Nintendo Switch กลายเป็นตัวเลือกต้น ๆ ที่อยู่ควบคู่กับ Steam กันเลยทีเดียว

เกมเทพแต่ขายไม่ดีใช่ไหม งั้นเอาทุนไปทำภาคต่อจ้า

ในเรื่องของเจ้านายทุนจอมบุญทุ่มแห่งวงการคอนโซล หากเป็นเกมเมอร์ไทยอย่างเรา ๆ เราจะนึกถึงค่ายเกมคอนโซลยักษ์ใหญ่อย่าง Sony ที่มีการสนับสนุนทุนสร้างให้กับวีดีโอเกมต่าง ๆ เพื่อนำมาเป็นเกม Exclusives ให้กับเครื่องของตนเอง แต่หากมาพิจารณาจริง ๆ แล้ว เหล่าวีดีโอเกมที่ Sony ให้ทุนสร้างส่วนใหญ่ ล้วนจะเป็นเกมลูกหม้อของตัวเอง หรือไม่ก็เป็นเกมที่มีหลักประกันแล้วว่า “มันจะต้องประสบความสำเร็จ”

แน่นอนว่า Nintendo ไม่ใช่แบบนั้น ปู่นินไม่ได้ทุ่มทุนให้กับวีดีโอเกมเพราะว่ามันจะประสบความสำเร็จ แต่ปู่นินจะทุ่มทุนเกมเหล่านั่นก็ต่อเมื่อ “เกมนั้นสมควรที่จะได้รับโอกาส” หรือ “เกมนั้นมีคุณภาพสูงและไอเดียเจ๋งแต่ทำยอดขายได้ไม่ดี” อย่างเช่น Wonderful 101, Bayonetta 2, Xenoblade Chronicles X, Fatal Frame V ซึ่งถึงแม้เกมที่ปู่ทุ่มทุนให้บางเกมอาจจะไม่ประสบความสำเร็จในแง่ของยอดขาย แต่สุดท้ายเกมเหล่านั่นก็ได้ถูกสร้างภาคต่อมาอยู่ดี เช่น Xenoblade Chronicles 2 และ Bayonetta 3 โดยเฉพาะกับ Xenoblade Chronicles 2 ที่ในที่สุดก็สามารถทำยอดขายได้หลักล้านชุดได้สำเร็จ จากความตั้งใจของทีมสร้างรวมถึงความสำเร็จของ Nintendo Switch หลังจากที่สองภาคที่แล้วกลับทำยอดขายได้ไม่ดีมากนัก

ปฏิสัมพันธ์ระหว่างค่ายเกมกับผู้เล่นที่ใกล้ชิดมากขึ้น

ไม่รู้ว่าเกมเมอร์อย่างเรา ๆ ไปจำภาพเรื่อง Nintendo ว่าเป็นค่ายเกมหัวโบราณ หยิ่ง ยโส มาจากไหน ซึ่งทางผู้เขียนก็เห็นด้วย เพราะว่ากันตรง ๆ ยุคก่อนปู่ค่อนข้างเขี้ยวพอสมควร แต่สำหรับ ณ เวลานี้ Nintendo ถือว่าผ่อนคลายจากยุคก่อนพอสมควรครับ เพราะ Nintendo ในยุคนี้เรื่มรับฟังความเห็นของเกมเมอร์มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของระบบออนไลน์ ที่ถึงแม้อาจจะมีขาด ๆ เกิน ๆ ไปบ้าง หรือจะเป็นการนำเสียงเรียกร้องของผู้เล่นในการเป็นปัจจัยหลักเพื่อเพื่มตัวละครใหม่ๆเข้าไปใน Super Smash Bros. Ultimate

และที่สำคัญที่สุดเลยคือ การกำเนิดรายการ Livestream ที่จะมาขายของเกมใหม่ ๆ ฟีเจอร์ใหม่ ๆ กันแบบตรง ๆ แบบกระชับรวดเร็วไม่ต้องพูดยึดยาว อย่าง Nintendo Direct ซึ่งปู่นินถือว่าเป็นค่ายใหญ่ค่ายแรก ๆ ที่ทำอะไรแบบนี้มายาวนานจนถึงปัจจุบัน

Cross-Platform ลบคำสบประมาทคำว่าหัวโบราณ

สุดยอดความสุดติ่งของ Nintendo ที่ไม่มีใครคาดคิดว่าปู่จะกล้ามาร่วมเคียงบ่าเคียงไหล่แบบนี้ สำหรับประเด็นที่ร้อนแรงพอสมควรอย่างการ “Cross-Platform” ซึ่งเป็นเรื่องที่เถียงและทะเลาะกันมาอย่างยาวนานตั้งแต่ยุคคอนโซล Generation 7 ที่ Microsoft พยายามจะผลักดันเรื่องนี้ แต่ Sony และ Nintendo กลับไม่ยอมเล่นด้วย ซึ่งเราก็ไม่แปลกใจ เพราะ Nintendo เป็นบริษัทที่ค่อนข้างหวงแหนตัวเองพอสมควร การที่จะไปร่วมวงอะไรแบบนี้มันย่อมเป็นสิ่งที่ไม่เวิร์คสำหรับตัว Nintendo เอง และนั่นทำให้หลาย ๆ คนมองว่า Nintendo ค่อนข้างจะหัวโบราณ

แต่แล้วเรื่องที่ไม่คาดคิดก็ได้เกิดขึ้นในยุคคอนโซล Generation 8 ที่ Microsoft ยังคงไม่ยอมแพ้ที่จะผลักดันเรื่องการ Cross-Platform นี้ ซึ่งสุดท้ายแล้วความพยายามของพวกเขาก็เป็นผล เมื่อในที่สุด Nintendo ได้เลือกที่จะเข้าร่วมเคียงบ่าเคียงไหล่กับ Microsoft ในการชูเรื่องระบบการ Cross-Platform ที่สามารถเล่นเกม Multiplayer แบบเจอกันข้ามค่ายกันได้ และทำการทำโฆษณาที่เป็นการจิกกัด Sony ซึ่งยังคงเป็นค่ายเกมคอนโซลเพียงค่ายเดียวในขณะนั่นที่ยังคงไม่ยอมให้ Cross-Platform ได้อย่างเจ็บแสบจนกลายเป็นประเด็นดราม่าไปพักนึงกันเลยทีเดียว

จนสุดท้ายแล้วจากการกดดันของ Nintendo กับ Microsoft และกระแสต่าง ๆ ส่งผลให้ทาง Sony ยอมที่จะร่วมเล่น Cross-Platform ในที่สุด โดยเรื่มต้นจากเกม Fortnite เป็นเกมแรก

เรียกได้ว่าการที่ Nintendo มาร่วมเล่นอะไรแบบนี้ ก็ทำให้เกมเมอร์หลาย ๆ คนถึงกับมีมุมมองใหม่ต่อ Nintendo กันเลย เพราะว่านี่คือครั้งแรกที่ค่ายเกมคอนโซลได้ทำการร่วมมือกันแบบเปิดเผย ซึ่งเมื่อก่อน Nintendo ถือว่าเป็นค่ายเกมที่มีภาพลักษณ์ค่อนข้างเข้ากับใครได้ยาก แต่สุดท้าย Nintendo ก็สามารถทำลายภาพลักษณ์เดิม ๆ ได้สำเร็จ

Nintendo

เรื่มหันมาสนับสนุน Third Party และผ่อนคลายเรื่องความรุนแรง

อีกหนึ่งภาพลักษณ์ของ Nintendo ที่ติดตาเหล่าเกมเมอร์ก็คือ ค่ายปู่นินมักจะเป็นค่ายเกมที่มุ้งมิ้ง  โลกสวย ไม่เอาเกมเนื้อหารุนแรง หากจะมีเนื้อหารุนแรงก็ต้องมีการเซนเซอร์ และไม่ค่อยถูกโฉลกกับค่ายเกม Third-Party สักเท่าไหร่ เพราะเน้นขายเกมที่พัฒนาด้วยตัวเองมากกว่า แต่ในที่สุด Nintendo ก็ยอมให้มีเกมเนื้อหารุนแรง มีเนื้อหาทางเพศ หรื่อมีเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมสำหรับเด็กลงขายบนเครื่องเกมของพวกเขาได้แล้ว นอกจากนี้ยังมีการไปจับมือค่ายเกม Third-Party อย่าง Bethesda, Ubisoft และ EA ในการลงเกมใหม่ ๆ ให้กับเครื่องเกมของ Nintendo

ซึ่งแต่ละเกมที่ถูกนำมาลงเครื่องเกมของ Nintendo ช่วงหลัง ๆ ก็ไม่ได้มีแต่เกมที่มีภาพลักษณ์ดูมุ้งมิ้งหรือโลกสวยอีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็น Bayonetta ที่มีการนำเสนอเนื้อหาเชิงเซ็กซี่อย่างชัดเจน หรือจะเป็น Doom, Doom Eternal ที่จะไม่มีการลดทอนเนื้อหาในด้านความรุนแรง และให้ประสบการณ์เหมือนแพลตฟอร์มอื่น ๆ นอกจากนี้ยังมีเกมที่เรียกได้ว่า “ผ่านการตรวจสอบ Nintendo มาได้ไงเนี่ย” อย่าง Nekopara, Senran Kagura ก็ถูกนำมาวางขายในเครื่องเกมของตนเองเช่นเดียวกัน

ไม่กั๊กเฟรนไชส์หรือซีรี่ส์เกมของตนเองอีกต่อไป

แต่ในที่นี่ผมไม่ได้หมายถึงว่า Nintendo จะเอาเกมของตนเองไปลงโทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ หรือคอนโซลอื่น ๆ แต่อย่างใด

แต่ถึงจะบอกว่า Nintendo จะไม่เอาเกมของตัวเองลงโทรศัพท์มือถือ นั่นก็หมายถึงในแง่ของตัวเกมเต็ม ๆ เท่านั่น เพราะในยุคหลัง ๆ Nintendo ได้เรื่มเจาะตลาดเกมมือถือแล้วโดยร่วมมือกับทางบริษัทยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่นอย่าง DeNA ไม่ว่าจะเป็น Miitomo, Super Mario Run, Animal Crossing : Pocket Camp, Pokémon GO, Fire Emblem Heroes และล่าสุดกับเกมมือถือเกมใหม่จากการร่วมมือของ Nintendo และ Cygames อย่าง Dragalia Lost ซึ่งเกมเหล่านี้ก็ถูกปรับปรุงให้ยังคงรักษาความเป็นต้นฉบับเอาไว้ แต่ถูกปรับแต่งให้สามารถเล่นได้คล่องตัวและมีขนาดเล็กมากขึ้น

นอกจากนี้แล้ว Nintendo ก็ให้ความไว้วางใจกับค่าย Third-Party ในการให้ IP ของตนเองไปพัฒนาเกมให้ทางปู่ ไม่ว่าจะเป็น Tecmo Koei ที่มีผลงานมาแล้วอย่าง Fire Emblem Warriors, Hyrule Warriors และ Bandai Namco ที่มีผลงานในการร่วมสร้าง Super Smash Bros. for Nintendo 3DS & Wii U ตลอดจนค่ายเกมฝั่งตะวันตกอย่าง Ubisoft ที่ได้มีผลงานอย่าง Mario & Rabbids : Kingdom Battle และคอนเทนต์ Exclusive สำหรับ Nintendo Switch ที่จะมีการเพื่มเนื้อเรื่องของ Star Fox เข้าไปในเกม Starlink : Battle for Atlas

Nintendo

เรียกได้ว่าในช่วงหลัง ๆ มานี้ Nintendo ค่อนข้างจะเปิดอิสระและสร้างพันธมิตรมากกว่าที่เคย ซึ่งเราก็คงต้องดูในระยะยาวต่อไปว่า Nintendo จะยังคงรักษาอะไรดี ๆ แบบนี้อีกไหม หรือจะถอยหลังไปแบบในยุคก่อนหน้านี้ เราก็ต้องมาดูกันต่อไปครับ ส่วนทางผู้เขียนก็ได้แต่หวังว่า Nintendo จะยังคงใช้แนวทางนี้ในการพัฒนาและการประชาสัมพันธ์ค่ายเกมของตนเองต่อไปครับ เพราะเรียกได้ว่าตอนนี้ปู่ได้เดินทางมาถูกทางแล้วจริง ๆ

SHARE

BabeElena

Back to top