ขึ้นชื่อว่า คนติดเกม ไม่มีใครอยากถูกเรียกด้วยคำคำนี้ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าคนที่เล่นเกมแบบไม่ควบคุมตัวเองจนเลยเถิดไปไกลนั้น ก็มีให้เห็นอยู่มากมาย ดังนั้นหลายฝ่าย หลายประเทศจึงจำเป็นจะต้องมีการควบคุมเหล่าผู้ติดเกมในรูปแบบและวิธีต่าง ๆ ซึ่งก็ได้ผลบ้าง หรือไม่ได้ผลบ้าง ต่างกันไป วันนี้มาดูกันกับ 5 วิธีการป้องกันที่ถูกนำเสนอมาเพื่อใช้ควบคุมอาการติดเกม และจัดการเหล่าผู้ติดเกมกันบ้าง
โดยบางข้อมันก็ไม่ใช่การจัดการ แต่เป็นมาตรการป้องกันด้วย
1.จำกัดการเล่นต่อรอบ
เกมที่ใช้รูปแบบการเล่นจบเป็นรอบ ๆ ไป เป็นสิ่งที่ดึงดูดใจอย่างมากทำให้เราเล่นมันต่อไปได้เรื่อย ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ยุคที่เกมอย่าง Battle Royale, MOBA, เป็นที่นิยม คำว่า “เกมไวไม่นับ” ที่ทำให้ผู้คนเสียการเสียงานมานักต่อนักแล้ว
เคยมีบางประเทศเสนอนโยบายจำกัดการเล่นต่อรอบ แต่โชคดีที่ยังไม่มีใครนำไปใช้จริง ๆ เพราะถูกคัดค้านอย่างมาก ซึ่งหากนำมาใช้จริงก็คงไม่เวิร์คเท่าไรแน่ ๆ
2.จำกัดเวลาเล่นของเกมนั้น ๆ
หากคิดว่าจำกัดการเล่นต่อรอบว่าแย่แล้ว การจำกัดเวลาการเล่นของเกมนั้น ๆ อาจแย่ยิ่งกว่า มันไม่น่าใช่ปัญหา หากเป็นเกมทั่วไป แต่เกมยุคนี้ที่เน้นออนไลน์เป็นส่วนมาก การถูกจำกัดเวลาการเล่นเกมจะทำให้เราควบคุมอะไรได้ลำบากมาก ๆ
เช่นเกมการแข่งขันที่อาจจะกินเวลาเกินเหตุ หรือแม้แต่เกม RPG ที่อาจจะมีการลงดันเจี้ยนขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะแนวเกมอะไร การจำกัดเวลาการเล่นเกมนั้น ๆ อาจไม่ใช่ทางออกที่ดีเลย ทำให้เราต้องมาควบคุมเวลาการเล่นของตัวเองกันมากกว่า
3.ให้ยืนยันอายุและชื่อจริง
ปกติแล้วคนเล่นเกมในยุคนี้ ไม่ค่อยมีใครมานั่งเฟคข้อมูลกันแล้ว เพราะมันยุ่งยาก แถมยังอาจก่อให้เกิดปัญหาตามมาในภายหลัง เช่นถ้า Account หรือบัญชีของเกมมีปัญหา เราจะไม่สามารถยื่นเรื่องให้ทางผู้ให้บริการตรวจสอบข้อมูลได้เลย
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ใช่ว่าคนที่ปลอมข้อมูลจะไม่มีเอาซะเลย เพราะในบางประะเทศที่มีการกำหนดข้อจำกัดในการเล่นเกมที่เข้มงวด ก็ยังมีคนลักลอบใช้ชื่อปลอม หรืออายุปลอมกันอยู่ดี บอกไมไ่ด้เหมือนกันว่าวิธีนี้จะแก้ปัญหานี้ได้มากน้อยแค่ไหน แต่ที่แน่ ๆ คือในบางประเทศนั้น มีนโยบายนี้มากันมานานแล้ว
4.ใช้การลงโทษรูปแบบต่าง ๆ ในการจัดการ
อาจจะฟังดูโหดร้ายไปเสียหน่อย แต่การมีบทลงโทษนั้น สามารถส่งผลดีได้ทั้งในเกม หรือปัญหานอกเกม ยกตัวอย่างเช่นเหล่าผู้เล่น Toxic ที่อาจจะถูกแบนตั้งแต่ไม่กี่นาที ไปจนถึงถาวรได้เลย หากยังประพฤติตัวไม่ดีต่อไปเรื่อย ๆ
หากเป็นปัญหาในเกมมันไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่หากเชื่อมโยงมาถึงปัญหาการลงโทษนอกเกมนั้น ในไทยเรามีตัวอย่างให้เห็นอยู่บ่อย ๆ ถึงการลงโทษเด็กติดเกมที่เกินกว่าเหตุ นำไปสู่ดราม่าแบบไม่จบไม่สิ้นบนโลกอินเทอร์เน็ตในภายหลัง
การมีบทลงโทษนั้น บ้างก็ว่าดี บ้างว่าก็เป็นเรื่องที่ทำร้ายกันเกินไป ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับการจัดการของเจ้าของกรณีทั้งหลาย แต่หากเป็นไปได้ เราควรควบคุมพฤติกรรมการเล่นเกม หรือสิ่งใดก็ตามไม่ให้เกินเลยแต่แรก เพื่อจะได้ไม่เกิดปัญหาที่ต้องใช้การลงโทษเป็นทางออกตามมาจะดีกว่า
ปัญหาการติดเกมถือเป็นปัญหาที่เป็นที่ถกเถียงกันมานาน และยังหาทางออกที่ลงตัวทั้งสองฝ่ายไม่ได้ ก็ต้องรอดูกันต่อไปในอนาคตว่า เราจะสามารถหาจุดลงตัวกันได้อย่างไร ระหว่างผู้ใหญ่ พ่อแม่ ผู้ปกครอง กับเด็ก ๆ ที่เกมเข้ามามีอิทธิพล และบทบาทเป็นอย่างมากในยุคนี้