พูดถึงอีกหนึ่งแนวเกมยอดนิยมที่แฟนเกมชื่นชอบ คือเกมการต่อสู้แบบ 5vs5 ที่เราต้องเน้นการต่อสู้ การเชือดเฉือนกันด้วยกลยุทธ์ การใช้สกิล และทีมเวิร์ค นั่นคือเกมแนว MOBA แน่นอนว่าในบ้านเราก็มีเกม MOBA ระดับุคณภาพเปิดตัวให้เล่นกันอยู่ไม่น้อย นับตั้งแต่ยุคบุกเบิกอย่าง DotA, Heroes of Newerth หรือปัจจุบันอย่าง LoL, RoV แต่หากเกม MOBA ถูกเปลี่ยนรูปแบบการนำเสนอมาเป็นแบบ 3D และมุมมอง TPS จะเป็นยังไง ? และนี่คือเกมที่เราจะหยิบมาพูดถึงกันภายในวันนี้ อย่าง Overprime
รำลึกเกมดัง Paragon
ใครที่ติดตามค่าย Epic Games มาตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นจะรู้ว่า ก่อนการมาของ Fortnite นั้น ทาง Epic Games เคยมีผลงานเกม MOBA สุดแหวกแนวอยู่เกมหนึ่ง และมันก็โด่งดังและได้รับความนิยมในระดับนึง เกมนั้นมีชื่อว่า Paragon – Paragon คือเกมแนว MOBA ที่มาแปลกด้วยการนำเสนอมุมมอง TPS ราวกับว่าเรากำลังเล่นเกมแนว Action RPG แทน แต่กลไก รูปแบบการเล่น ยังคงยึดหลักเกม MOBA แต่ลดจำนวนเลนลงให้เหลือ 3 เลน แต่ยังมีมอนสเตอร์ในป่า และมอนสเตอร์บอสเอาไว้ช่วยกันแย่งชิงและนำชัยชนะมาสู่ทีม
แรกเริ่มเดิมที Paragon เปิดตัวในช่วงเบต้ามาตลอดระยะเวลาการทดลองเล่น ตอนนั้นรูปแบบการนำเสนอของเกมนี้ถือว่าแปลกใหม่มาก นอกจากมุมมอง TPS แล้ว การออกไอเทม (หรือบางคนเรียกว่าออกของ) ก็ยังเปลี่ยนมาเป็นระบบการใช้การ์ด โดยใช้แต้มสะสมแทน และการต่อสู้ที่ต้องใช้ทักษะและฝีมือมากขึ้น เพราะเป็นการเล็งยิง เล็งเป้าแบบสด ๆ เหมือนเกม Action RPG ไม่ใช่แบบเกม MOBA ทำให้เกมนี้มีความสนุกและมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง
แต่จุดพลิกผันของเกมนี้อยู่ที่การมาของ Fortnite เกม Battle Royale ฉบับแยกเดี่ยวออกมาจากเกมหลักหรือ Save the World ที่ตอนแรกมันอาจจะเป็นเพียงโปรเจกต์ภาคแยกเล่นฟรีขำ ๆ แต่ในตอนนั้น ใครจะไปรู้ว่า Fortnite จะโด่งดังจนกลายเป็นเกม Battle Royale แถวหน้าระดับโลกอย่างในตอนนี้ เพียงแต่ด้วยกระแสตอบรับที่ดีมาก ๆ ทาง Epic Games จำเป็นต้องเลือก และในที่สุดพวกเขาก็ตัดสินใจที่จะปลอ่ยมือ Paragon และหันมาเลี้ยงดูอุ้มชู Fortnite แทน ส่วนโปรเจกต์ Paragon นั้น ด้วยความเสียดาย ทาง Epic จึงปล่อยให้ใช้ Asset เกมนี้ได้แบบฟรี ๆ ซึ่งก็มีหลายเกมนำเอาไปปรับใช้ และ Overprime ก็คือหนึ่งในนั้น
Overprime – Netmarble ขอทำบ้าง
นอกเหนือจาก Paragon แล้ว ใช่ว่าจะไม่มีเกมอื่นที่เคยลองสร้างเกมแนวนี้ออกมา ยังเคยมี Fault ที่ตอนนี้ก็ยังวางขายอยู่บน Steam ในรูปแบบ Early Access แต่ก็กระแสตอบรับไม่ค่อยจะดีเท่าที่ควร และตอนนี้ก็เป็นการมาของ Overprime ซึ่งได้ Netmarble สาขา F&C ที่ทำเกมมือถืออย่าง Seven Deadly Sins มารับหน้าที่พัฒนาหลัก
Overprime จะมีรูปแบบการเล่นเดียวกันกับ Paragon เป๊ะ ๆ แถมการออกแบบบางตัวละครก็ยังมีความคล้ายกันอีกด้วย เนื่องจากมีการใช้ Asset จากเกม Paragon นั่นเอง ตัวละครหรือฮีโร่ต่าง ๆ จะมีสกิลและความสามารถที่แตกต่างกันออกไป รวมไปถึงมีหน้าที่ที่ต่างกันด้วย เหมือนกับเกม MOBA ทั่วไป คือพวก Marksman, Fighter, Tank, Support แต่ถึงอย่างนั้น มันก็ไม่ได้ดึงระบบเกมของ Paragon มาทั้งหมด เพราะหลายอย่าง หลายระบบทาง Netmarble ก็ตัดสินใจกลับไปใช้ระบบในรูปแบบเดิม ไม่ว่าจะเป็นส่วนของการใช้เงินในการซื้อไอเทม หรือออกของตามปกติ ไม่จำเป็นต้องใช้ระบบการ์ดเหมือนตอน Paragon ให้ยุ่งยากแล้วแผนที่ภายในเกมจะถูกแบ่งออกเป็น 3 เลน รวมไปถึงตำแหน่ง Jungle หรือตำแหน่งป่าที่เกม MOBA ทุกเกมต้องมี เกมนี้ก็จะมีบทบาทในการฟาร์มป่าและออกช่วยเหลือเพื่อนในเลนต่าง ๆ มี Red Buff, Blue Buff และ Giant Monster ให้เราฆ่าเพื่อรับผลประโยชน์ทั้งทีมด้วยเหมือนเดิม กล่าวได้ว่านี่คือเกม MOBA ที่ทุกคนรู้จักกันดีอยู่แล้ว แต่ถูกเปลี่ยนรูปแบบการนำเสนอใหม่ ให้ดูกลายเป็นเกมแอ็คชั่นมากขึ้นเท่านั้น
ฮีโร่หรือตัวละครแต่ละตัวนั้น จะถูก Recommend หรือแนะนำเลนที่ควรจะไปตั้งแต่เริ่มเกมแล้ว เราสามารถศึกษาข้อมูลตัวละครได้ทั้งหมดก่อนเลือกเล่นเลย (แต่เชื่อเถอะว่าการมั่วเลนจะยังคงเกิดขึ้นเหมือนเดิม หลัก ๆ แล้วเกมนี้ ตำแหน่ง Marksman จะไปกับ Support / Mage จะไปตรงกลาง และอีกเลนจะเป็นพวก Fighter ที่เป็น Solo Lane เหมือนกับเกมทั่วไป
มอนสเตอร์ระดับสูงอย่าง Prime Guardian ในเกมนี้จะมีวิธีอัญเชิญที่ค่อนข้างแตกจากเกม MOBA เกมอื่น จากที่เราสังหารมอนสเตอร์ระดับบอสแล้ว บัฟทีมจะพร้อมใช้งานทันที แต่กับเกมนี้ เราจะต้องนำลูกแก้วไปวางไว้ยังแท่นบูชา เพื่อทำการอัญเชิญ Prime Guardian ออกมาที่เลนกลาง โดย Prime Guardian นี้ จะเป็นมอนสเตอร์ระดับยักษ์ที่ถล่มป้อมได้อย่างรวดเร็ว ถ้าอีกฝ่ายไม่รีบกลับมาป้องกัน รับรองว่าจบเกมได้อย่างแน่นอน
เมื่อรูปแบบมุมมองเปลี่ยนไป เกมเพลย์ก็เปลี่ยนตาม
ตามปกติแล้ว เกม MOBA จะเป็นมุมมองแบบ Top Down หรือมองจากด้านบนลงมา ส่วนการใช้สกิลต่าง ๆ ถ้าเป็นสกิลแบบล็อคเป้า เราก็แค่เอาเคอร์เซอร์เมาส์ไปวางไว้ แล้วก็ร่ายสกิล ต่อสู้กันไป แต่พอเกมกลายมาเป็นมุมมองแบบนี้ ทุกการโจมตี ทุกการใช้สกิล ทำให้เราต้องเล็งอย่างแม่นยำ เพราะพลาดมาที คูลดาวน์สกิลก็ไม่ใช่น้อย ๆ และอาจเป็นตัวพลิกเกมได้เลย ดังนั้นเกมนี้ผู้เล่นต้องคุมเมาส์อย่างประณีต และใช้ฝีมือในการเล็งสกิลเพิ่มเข้ามาด้วย ต่างจาก MOBA เกมอื่น ๆ อย่างเห็นได้ชัด
รวมไปถึงพอเป็นมุมมอง TPS เราจะมีจุดบอดเพิ่มมาอีกอย่างหนึ่งคือ ด้านหลัง ที่จะเป็นมุมกล้องอับ ที่เราไม่สามารถเห็นได้เลยว่าจะมีศัตรูหรือมีอะไรเกิดขึ้น เราเลยจำเป็นต้องปัก Ward ซึ่งเป็นไอเทมหลักประจำเกม MOBA แต่เกมนี้จะมีความสำคัญเพื่อปิดจุดอ่อนจากการที่เรามองไม่เห็นด้านหลัง รวมไปถึงพื้นที่จำพวกพุ่มหญ้า หรือทางเชื่อมจากเลนหลัก ไปยังพื้นที่ในป่า การรู้ตำแหน่งศัตรูของเกมนี้จะทำให้มันเป็นการปิดจุดอ่อนด้านมุมกล้องอับ และใช้ในการสื่อสารกับทีมเพื่อบุกโจมตีได้เช่นกัน
เนื่องจากตอนนี้ตัวเกมยังอยู่ในช่วงทดสอบเบต้า ทำให้คอนเทนต์และระบบของหลาย ๆ เกมยังคงถูกล็อคเอาไว้ แต่ภาพรวมความประทับใจของ Overprime ในตอนนี้ ก็ถือว่าเป็นการออกแบบเกมมาได้สนุก และเล่นเพลินมาก ตัวเกมมีความยาวในการเล่นต่อรอบในระดับเดียวกันกับเกม MOBA จริงจังเกมอื่น ๆ หากเจอคู่ต่อสู้ที่ขับเคี่ยวกันอย่างดุเดือด อาจใช้เวลาในการเล่น 30-45 นาทีต่อรอบเลยทีเดียว
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น หลังเปิดให้เล่นจริง Overprime จะประสบความสำเร็จขนาดไหน เราต้องรอ