BY Nattapit Arsirawatvanit
7 Oct 18 5:38 pm

เพราะสมาร์ทโฟนไม่ได้มีไว้แค่ “เล่นเกม”

1 Views

ยินดีต้อนรับเข้าสู่โลกยุคอนาคตครับ หลายปีที่ผ่านมาโลกของเราพัฒนาไปไกลมาก จากจุดที่เราไม่คิดว่าจะมีอะไรแบบนี้ จนสุดท้ายเรายอมรับเรื่องแบบนี้กันเป็นชีวิตประจำวันไปเสียแล้ว ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยว่า ผู้เขียนเป็นคน Gen Z เหมือนผู้อ่านนี่แหละ (ถ้าคุณไม่ได้อายุมากกว่าผม ก็ตามนั้น) แต่ก็พอเข้าใจในวัฒนธรรมโลกก่อนยุคมิลเลเนี่ยมอยู่พอสมควร เข้าใจว่าเราอาศัยอยู่กับคำว่าเป็นไปไม่ได้มาอยู่ตลอด แต่เชื่อไหมครับ คำว่าเป็นไปไม่ได้มันดันเป็นไปได้ทุกครั้งเลย ก็งงเหมือนกันว่ามันเกิดอะไรขึ้น

ถ้าย้อนไปสมัย 15 ปีที่แล้ว การเดินถือโทรศัพท์ไปทั่วคงไม่ใช่เรื่องที่คนปกติเขากระทำกัน เพราะโทรศัพท์ในยุคนั้นมันมีค่าแค่เอาไว้โทรเข้าโทรออกเท่านั้น ความบันเทิงก็พอหาได้จากเกมประเภท เอ่อ…. ก็พวกเกมงู เกมเบสบอลอะไรพวกนี้ แต่ก็ไม่ถึงขนาดที่ว่าจะเอาหน้าไปติดจอเป็นชั่วโมง ๆ ได้ ถ้าเอาคนสมัยก่อนมาพบปะกับคนสมัยนี้ เขาก็คงจะรู้สึกงงเอามาก ๆ ที่พวกเราเอาแต่จ้องหน้าจอโทรศัพท์กันอยู่ตลอดเวลา ถ้าไม่เชื่อก็ลองคิดตามก็ได้ว่าคุณใช้สมาร์ทโฟนเวลาไหนบ้าง หลังตื่นนอน กินข้าว เข้าห้องน้ำ เวลาทำงาน เห็นไหม ? คุณใช้มันทุกเวลาจริง ๆ

คำว่าสมาร์ทโฟนถูกจำกัดขึ้นมาเพราะ “โทรศัพท์” ที่เราใช้มันทำอะไรได้หลายต่อหลายอย่างมากเกินไป มันน่ากลัวจนบางครั้งสามารถแทนที่คอมพิวเตอร์ได้ สามารถแทนที่เครื่องเล่นเกมได้ สามารถแทนที่เครื่องคิดเลขได้ คือเอาตรง ๆ มันแทบจะแทนที่ได้ทุกอย่างในชีวิตประจำวันของคุณ โดยเฉพาะเรื่อง “เกม” ที่เราจะหยิบยกออกมาเป็นประเด็นสำคัญ แต่ไม่ใช่เพราะมันสำคัญที่สุด แต่เพราะเว็บไซต์เรามันเกี่ยวกับเกมต่างหาก (ฮา)

ตอนนี้ตลาดเกมมือถือนับเป็นตลาดอันดับต้น ๆ ของวงการ เผลอ ๆ ถ้านับกันจริง ๆ อาจเป็นอันดับ 1 เลยก็ได้ เพราะความเข้าถึงง่ายของมัน ขอแค่มีมือถือ คุณก็สามารถเข้าถึงมันได้แล้ว ทำให้แบรนด์มือถือต่างก็พยายามพัฒนามือถือสำหรับเล่นเกมออกมา เน้นจุดเด่นที่ CPU และ GPU กับราคาถูก ทำให้ ณ ปัจจุบันหลาย ๆ คนก็สามารถเล่นเกมระดับ High-End บนมือถือได้แม้ว่าจะไม่ได้จ่ายแพงก็ตาม

คือเท้าความก่อน ธรรมชาติของมนุษย์เรามันก็จะมีการอวดกันในหมู่คณะสังคมอยู่แล้ว เมื่อก่อนก็จะเป็นประมาณว่า สงครามระหว่าง iPhone กับ Android ฟาดฟันกันด้วย OS และราคา แต่ ณ ปัจจุบันเราเน้นหยิบสเป็กของสมาร์ทโฟนมาฟาดฟันกันแทน ประมาณว่าแบบ “หูย iPhone XS สามหมื่นกว่า เล่นเกมเท่า Mi8 ราคาหมื่นต้น ๆ เลยอ่ะ” คือไม่เน้นอวดแบรนด์ อวดราคากันแล้ว แต่เป็นการอวดความคุ้มค่ากันแทน

“ถ้าคุณย้อนกลับไปตั้งแต่จุดกำเนิดของมือถือ แล็ปท็อป หรืออะไรก็แล้วแต่ที่เป็นเทคโนโลยีใหม่ ๆ มันไม่เคยถูก มันแพงอยู่เสมอ” – Elon Musk

พูดตรง ๆ มันก็ดีนะ ที่คนหันมาสนใจความประหยัดมากกว่าแบรนด์ดิ้ง ประมาณว่ารู้ตัวแล้วว่าไม่จำเป็นจะต้องซื้อของเกินราคา ซื้อของใช้ที่พอเอื้อมถึงก็มีประสิทธิภาพดีได้ แต่มันจะไม่ดีก็ตรงที่ไปก่อสงครามกับชาวบ้านเขานี่แหละ ก่อนอื่นทั้งสองฝ่ายต้องทำความเข้าใจในคำว่า “กลุ่มลูกค้า” เสียก่อน โทรศัพท์ไม่ได้มีแค่แบรนด์เดียว และทุกคนไม่ได้เกิดมาเพื่อซื้อโทรศัพท์แบรนด์เดียวกัน ทุกคนมีอิสระภาพในการซื้อตามกำลังทรัพย์ของตัวเอง

ทุกอย่างมีจุดเด่นของตัวมันเองทั้งนั้น ราคาถูกที่ได้มาได้มาจากการทำ PR อีกรูปแบบที่ไม่ได้เน้นถึงความเป็นแบรนด์ดิ้งเท่าที่ควร ทำให้โทรศัพท์เครื่องนั้นสามารถขายได้ในราคาที่ชนชั้นกลางไปถึงล่างพอซื้อได้ ถ้าถูกกว่านั้นก็คงจะมาจากการลดคุณภาพของฮาร์ดแวร์ อย่างที่บอกไปตั้งแต่แรกว่า มือถือมันไม่ได้มีไว้แค่เล่นเกมเท่านั้น มันยังมีชนิดของหน้าจอที่ส่งผลต่อความเร็วในการทัช มีวัสดุที่ส่งผลต่อระบบระบายความร้อน มีแบรนด์ดิ้งที่ส่งผลต่อความเป็นตัวตนของเรา และยังมีอะไร ๆ อีกมากมายที่คุณยังไม่ทราบ

คำถามที่ได้ยินมาตลอดคือ ทำไมคนถึงโหยหาความเป็น Apple นัก ? ถ้าจะว่ากันตามตรง iPhone มันก้าวข้ามความเป็นมือถือไปแล้ว พูดง่าย ๆ ก็เหมือนนาฬิกา Rolex ที่แพงมาก ๆ ทั้ง ๆ ที่ทำได้แค่ดูเวลาเท่านั้น iPhone ก็เหมือนกัน มันคือสมาร์ทโฟนที่เป็นเครื่องประดับได้จากการทำแบรนด์ดิ้งที่ประสบความสำเร็จ ถามว่าไอ้พวกนี้มีไปแล้วได้อะไร ทำให้เล่นเกมเร็วขึ้นไหม ก็ไม่ ! แต่สุดท้ายคนอื่นที่เดินผ่านไปผ่านมาก็จะมองออกว่าคุณเป็นคนแบบไหน คุณรายได้เท่าไหร่ พูดง่าย ๆ มันก็คือกระจกสะท้อนตัวตนรูปแบบนึง

“ถ้าคุณมองว่า iPhone เป็นแค่โทรศัพท์เครื่องหนึ่ง มันจะดูแพง แต่ถ้าคุณมองว่า iPhone เป็นเครื่องบ่งชี้สถานะ ภาพที่คุณมอง iPhone ก็จะไม่แพงทันที” – ธันยวัชร์ ไชยตระกูลชัย นักการตลาดชื่อดัง

สุดท้ายแล้วไม่มีสมาร์ทโฟนเครื่องไหนที่สมบูรณ์ที่สุด และทำได้ทุกอย่าง Oneplus สมบูรณ์แบบในเรื่องราคา แบรนด์ดิ้ง การเล่นเกม และวัสดุที่หรูหราก็จริง แต่มันก็ไม่เด่นซักด้าน, Xiaomi ที่เด่นในด้านราคาถูก แต่ด้วยลักษณะของวัสดุที่ทำจากพลาสติก แถมตัวแบรนด์ดิ้งยังทำออกมาสื่อให้คนใช้เป็น “คนที่ใช้ของจีน และไม่มีเงิน” ทำให้การถือออกไปไหนมาไหนอย่างภูมิใจทำได้ยากมาก, iPhone ที่เด่นในทุก ๆ ด้าน เล่นเกมก็โหดที่สุดในโลก ถือไปก็ไม่อายใคร ปล่อยมือสองราคาก็ไม่ตกพรวดพราดเหมือนแอนดรอยด์ แต่มันก็ยังแพ้ด้านราคาให้กับมือถือรุ่นอื่น ๆ อยู่ดี (แถมกล้องให้ด้วยนะ ที่ยังสู้ Huawei ไม่ได้)

ทำให้ในท้ายที่สุด “ความเป็นตัวเรา” สำคัญที่สุดแล้ว ไม่ว่าคุณจะใช้อะไร ขอให้คุณเลือกที่มันเหมาะกับตัวคุณ สะท้อนความเป็นตัวคุณออกมาได้มากที่สุด เอาเป็นว่าใช้แล้วไม่รู้สึกว่าของที่เราใช้แย่กว่าคนนั้นคนนี้หรือเปล่า คุณไม่จำเป็นจะต้องอายหากคุณใช้โทรศัพท์ที่คุณคิดมาอย่างดีแล้วว่ามันเหมาะกับคุณ คนที่ซื้อสมาร์ทโฟนมาไม่ตรงกับความต้องการของตัวเองเพราะเชื่อในกระแสสังคมมากกว่า…ที่ต้องอาย

SHARE

Nattapit Arsirawatvanit

มาร์ค - Senior Content Writer

Back to top