BY StolenHeart
30 Nov 18 11:18 am

เทคนิคการใช้อาวุธพิเศษใน Fortnite

5 Views

หลังจากที่เราได้รู้จักกับอาวุธหลักทุกชนิดในเกม Fortnite กันไปแล้ว ก็ยังมีอาวุธอีกประเภทหนึ่งที่ช่วยการเล่นของ Fortnite มีความหลากหลายมากขึ้น ซึ่งเป็นอาวุธชนิดพิเศษที่แยกหมวดหมู่ออกมาก็คืออาวุธจำพวกปืนยิงระเบิดและปืนกลหนักนั่นเอง

ซึ่งอาวุธอย่างเช่นปืนกลหนักหรือ Gatling Gun และปืนยิงระเบิดทุกรุ่นนั้นจะถูกจัดอยู่ในหมวดหมู่นี้ทั้งหมด และรวมไปถึงปืนพิเศษอย่าง Grappler Gun ที่เอาไว้ใช้ดึงตัวเองขึ้นสู่ที่สูงด้วย ซึ่งในบทความนี้การนำเสนอของหัวข้อจะแตกต่างจากอาวุธชนิดอื่นเล็กน้อยเพื่อให้เพื่อน ๆ ทุกคนเข้าใจภาพรวมของมันมากขึ้นครับ

จุดประสงค์ของการใช้งาน

เครื่องยิงระเบิด – ไม่ว่าจะเป็น Rocket Launcher หรือ Grenade Launcher ทุกกระบอกล้วนสร้างความเสียหายให้กับ Build ที่ศัตรูสร้างขึ้นได้อย่างมาก แต่จะแตกต่างกันที่การพุ่งเข้าหาเป้าหมายเท่านั้น โดยปืน Rocket จะยิงแล้วพุ่งไปข้างหน้าเรื่อย ๆ (Quad Launcher จะมีระยะตกของจรวดด้วย แต่จะพุ่งหาเป้าหมายเร็วกว่าเล็กน้อย) ส่วน Grenade Launcher จะเด้งกับเป้าหมายชั่วระยะเวลาหนึ่งก่อนที่จะระเบิด การเล็งยิงแตกต่างกันเล็กน้อย

Minigun – เป็นปืนที่ยิงได้รัวที่สุดกระบอกหนึ่ง เหมาะแก่การใช้ยิงกดเป้าหมายให้อยู่กับที่หรือยิงพัง Build มากอีกหนึ่งกระบอก แม้จะมีความแรงมากพอที่จะยิงเก็บศัตรูได้ในแค่ไม่กี่นัด รวมไปถึงไม่ต้องบรรจุกระสุนด้วย แต่ก็แลกมาด้วยความแม่นยำที่ต่ำมาก และต้องใช้เวลาในการหมุนปากกระบอกปืนระยะหนึ่งเสียก่อนจึงจะยิงได้ จึงต้องระวังในจุดนี้ให้ดี

Grappler Gun – ปืนตะขอที่เอาไว้เกาะขึ้นที่สูงอย่างรวดเร็ว เหมาะเอาไว้ใช้ลอบโจมตีศัตรูที่สร้าง Build มาแอบอยู่ด้านในมาก แต่ใน Patch ช่วงหลังที่เสียงของปืนนั้นจะดังมากพอให้ศัตรูเริ่มระวังตัวได้แล้ว รวมไปถึงเสียงฝีเท้าที่ฟังแยกบนและล่างได้ง่ายขึ้นด้วย เวลาใช้จึงต้องเตรียมการเพื่อรับมือศัตรูที่แอบอยู่ให้ดีด้วย

ระยะหวังผล

เครื่องยิงระเบิด – จรวดของ Rocket Launcher จะยิงออกไปได้จนกว่าจะไปกระทบกับเป้าหมายข้างหน้า แต่จะมีความเร็วที่ไม่สูงมากนักทำให้หลบได้ง่าย มันจึงเหมาะกับการยิง Build ที่อยู่นิ่ง ๆ กับที่มากกว่า ส่วน Grenade Launcher จะยิงเป็นลูกระเบิดออกไป ซึ่งจะใช้เวลาเล็กน้อยก่อนที่จะระเบิดเหมือนระเบิดมือ ทำให้เหมาะกับการยิงหยอดเข้าไปในบ้านหรือ Build ที่พังได้ง่ายจนสามารถหวังผลในการฆ่าได้ แต่ถ้าไกลเกินไปก็จะระเบิดก่อนกลางทาง จึงต้องระวังเอาไว้นิดนึง

Minigun – ระยะกลางคือระยะที่เหมาะสมในการยิง Minigun ด้วยอัตราการลั่นกระสุนที่รัวสุด ๆ Build ที่อยู่ตรงหน้าจะพังลงมาอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะถ้าเป็นไม้จะยิงพังได้เร็วมาก แต่ก็ต้องเผื่อเวลาในการยิงแต่ละชุดด้วยเพราะต้องรอให้ตัวปืนเริ่มหมุนก่อน

Grappler Gun – ระยะการเกาะของปืน Grappler จะไม่ไกลมากนัก อยู่ที่ประมาณ 50 – 60 เมตร ถ้าเกินจากระยะตัวเกาะนั้นจะเด้งกลับมาเอง และจะมีดีเลย์ในการยิงแต่ละนัดห่างกันเล็กน้อย จึงต้องระวังในจุดนี้ให้ดี

ข้อควรรู้ทั่วไป

  • ปืนจำพวก Minigun และเครื่องยิงระเบิดนั้นเป็นปืนที่เหมาะกับงานพัง Build มากกว่า และ Minigun จะฉายแสงได้อย่างมากถ้าหากเอาไปยิง Build ที่ไม่แกร่งนักอย่างไม้หรืออิฐในบางจังหวะ แต่ถ้าเป็น Build ที่หนาขึ้นมาอย่างเหล็กก็จำเป็นที่ต้องยิงอย่างระมัดระวังหรือใช้หลายนัดเสียหน่อย พยายามใช้ในจังหวะที่ศัตรูเริ่มตั้งป้อมหรือใช้เปิดเกมบุกเป็นทีมจะได้ผลอย่างมาก
  • พยายามยิงกระสุน Rocket เข้าไปในใจกลางของฐานเพื่อความเสียหายสูงสุด เพราะใช้ทั้งตัด Build ที่ขึ้นไปสูงมากให้พังลงมาได้ และเปิดพื้นที่ระหว่างกลางให้เราสามารถบุกเข้าไปได้ง่ายขึ้น

  • อย่าใช้ปืนยิงลูกระเบิดในระยะใกล้เด็ดขาด เพราะมันสามารถสร้างความเสียหายให้กับฝ่ายเราได้ด้วย เล็งให้ดีก่อนยิงและต้องมั่นใจว่าจะไม่มีอะไรมาขวางระยะการยิงของเราจนเกิดความเสียหายไปด้วย
  • Minigun จะให้ผู้ใช้งานเคลื่อนที่ช้าลงกว่าปกติพอสมควร จนทำให้กลายเป็นเป้านิ่งของปืนสไนเปอร์ได้ ให้พยายามยิงออกมาจากที่กำบังแล้วหลบฉากออกมา แล้วคอยเก็บ Build หรือศัตรูที่หลงกลุ่มออกมาจะดีที่สุด
  • ปืน Grappler Gun นอกจากจะเอาไว้ใช้ปีนขึ้นที่สูงได้แล้ว ยังใช้เพื่อพุ่งตัวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วได้ด้วย แต่จำนวนที่ใช้ได้ค่อนข้างจำกัดจึงควรใช้ในช่วงจำเป็นอย่างเช่นเปิดเกมบุก มากกว่าที่จะเอาไว้ใช้เดินทางไกล ๆ ซึ่งเป็นหน้าที่ของอุปกรณ์เสริมอย่าง Launch Pad มากกว่า

อาวุธพิเศษเหล่านี้ถือว่ามีความสำคัญมากในการเล่นทุกรูปแบบ เพราะเป็นส่วนหลังที่ทำให้แผนของศัตรูพังลงมาอย่างรวดเร็ว และยังทำให้พวกชอบตั้งป้อมนั้นเกรงกลัวในระดับหนึ่งอีกด้วย ถ้าหากรู้จักประยุกต์ใช้ดี ๆ อาวุธเหล่านี้จะกลายเป็นกุญแจสำคัญแห่งชัยชนะเลยทีเดียวครับ

SHARE

Putinart Wongprajan

เค้ก - Content Writer

Back to top