BY Nuttawut Apiratwarakul
12 Sep 23 7:00 pm

ลองเล่นแล้วมาเล่า Assassin’s Creed Mirage

1,070 Views

ลองมาแล้วเลยมาเล่าให้ฟังกันครับ สำหรับ Assassin’s Creed Mirage ภาคใหม่ล่าสุดของซีรีส์ Assassin’s Creed ที่ห่างหายจากการวางจำหน่ายกันไปหลายปี โดยภาคล่าสุดของตัวเกมอย่าง Valhalla นั้นก็วางจำหน่ายกันไปตั้งแต่ตอนปี 2020 กันเลย

การกลับมาครั้งนี้ของ Assassin’s Creed จะเป็นยังไง รูปแบบการเล่นถูกเปลี่ยแปลงไปมากแค่ไหน แล้วแฟนเกมสไตล์ไหนที่น่าจะเป็นกลุ่มเป้าหมายของตัวเกมใหม่ภาคนี้ 

ไปดูกันได้ใน Assassin’s Creed Mirage ฉบับ preview ลองเล่นแล้วเลยมาเล่นกันเลยครับ

Introduction 

บอกกันก่อนตั้งแต่แรกเลยว่า Assassin’s Creed Mirage ไม่ใช่ภาคหลักภาคใหม่ของซีรีส์ Assassin’s Creed ดังนั้นขนาด ความยิ่งใหญ่ รวมไปจนถึงราคาขายของเกมก็จะไม่ได้ “แรง” เท่ากับภาคหลัก ๆ ที่ผ่านมา ที่ต้องเล่ากันแบบนีัตั้งแต่ต้นก็เผื่อให้ใครที่สนใจ จะได้ตั้งความคาดหวังกันได้ถูก 

ในแง่ของเนื้อหานั้นทีมงาน Ubisoft คาดว่าตัวเกมจะใช้เวลาในการเล่นอยู่ที่ราว ๆ 20 ชั่วโมงในการจบเกม หรืออาจจะมากกว่านั้นถ้าคุณเป็นสายสะสมไล่เก็บทุกอย่างในเกมให้ครบ ซึ่งความยาวและขนาดของเกมโดยรวมก็จะเทียบได้กับ Assassin’s Creed ในภาคที่เป็นเกมแอกชั่น ไม่ใช่พวกเกม RPG Open World 3 ภาคหลังที่ผ่านมานั่นเอง

เนื้อเรื่อง

เรื่องราวในเกมภาคนี้จะย้อนกลับไปก่อนเหตุการณ์ในเกมภาค Valhalla โดยเราจะรับบทเป็น “บาซิม” ตัวละครสำคัญในเกมภาค Valhalla ที่กลับมารับบทเป็นตัวเอกในเกมภาคแยกของตัวเอง

เนื้อหาในเกมจะบอกเล่าเรื่องราวการผจญภัยและการเติบโตของ บาซิม ตั้งแต่อย่างเป็นโจรหนุ่มข้างถนน สู่การเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของเหล่า Hidden One หรือสมาคมมือสังหารที่ซ่อนตัวในเงามืดนั่นเอง

ถ้าใครเคยเล่นตัวเกมภาค Valhalla ก็อาจจะมีความคิดเห็นเกี่ยวกับตัวละครตัวนี้กันมาบ้าง ข่าวดีก็คือไม่ว่าคุณจะชอบบาซิมจากภาค Valhalla หรือไม่ แต่ในภาค Mirage นี้ตัวตนของบาซิมได้ถูกหยิบจับมาขยายให้มีความสนใจมากยิ่งขึ้น  ลักษณะนิสัยของบาซิมเองก็น่าสนใจ ยิ่งการที่ตัวบาซิมย้อนกลับไปเป็น “มือสังหาร” แบบเต็มตัว ก็ทำให้บทบาทเรื่องราวในเกมนั้นมีความเข้มข้น ต่างจากตัวเกมในภาคหลัง ๆ แบบชัดเจน

ใครที่คิดถึงตัวเอกมาดเข้ม และการเล่าเนื้อหาที่ชัดเจน ไม่ยืดเยื้อก็น่าจะดีใจกับการนำเสนอด้านเนื้อเรื่องของเกมในภาคนี้ 

จากที่เราได้สัมผัสมาส่วนหนึ่ง บาซิม เป็นตัวเอกที่น่าสนใจกว่าที่เราคาดคิดเอาไว้มาก ก็หวังว่าเกมเต็ม ๆ จะไม่ทำให้เราผิดหวังกัน 

ส่วนด้านเนื้อเรื่องหลักนั้น แกนหลักก็ยังคงเดิมนั้นก็คือการต่อสู้กันระหว่างฝ่าย Hidden One และเหล่า The Order นั่นเอง 

ระบบการเล่นหลัก 

ส่วนที่สำคัญและแตกต่างที่สุดของภาคใหม่นี้ก็คือการที่ตัวเกมโยนระบบ RPG ทิ้งและย้อนกลับไปเป็นเกมลอบเร้นเช่นเดิม 

ไม่มีอีกแล้วกับระบบการเก็บเลเวล ไม่มีระบบ Item แบบ Loot ไม่มีตัวเลือกเหตุการ์ณที่ส่งผลกระทบต่อเรื่องราว และก็ไม่มีการขับเรือสู้กับชาวบ้านอีกต่อไป

ตัวบาซิมจะค่อย ๆ ปลดล็อกความสามารถใหม่ ๆ ไปเรื่อย ๆ ตามการเล่น ซึ่งเรายังสามารถเลือกสายการพัฒนา Skill ได้ตามต้องการ แต่จะไม่ได้แบ่งออกเป็นสายการต่อสู้แบบชัดเจนเหมือนภาคก่อน ๆ แล้ว เป็นแค่ตัวเลือกในการใส่แต้ม และทุกสายก็มีความสำคัญเท่ากันหมด ตัวอย่าง Skill ใหม่ ๆ ของ บาซิมก็อย่างเช่น ท่า Chain Assassination ลอบฆ่าแล้วปามีดใส่ศัตรูอีกตัว  หรือการปลดล็อกท่าโจมตีรูปแบบใหม่ หรือการเพิ่มความสามารถให้กับ Eagle Vision นั่นเอง

ในด้านการพัฒนาตัวละครที่เพิ่มเข้ามาก็คือการอัพเกรดอุปกรณ์และอาวุธชุดเกราะของตัวบาซิม โดยจะต้องใช้ทรัพยากรที่เราหามาได้ในเกมนำมาใช้อัพเกรดอุปกรณ์เสริม

ตัวอย่างเช่นมีดบินก็สามารถอัพเกรดให้โจมตีได้รุนแรงยิ่งขึ้น แม่นยำขึ้น แบบนี้เป็นต้น 

ด้านอาวุธและชุดเกราะจะไม่ใช่สไตล์การอัพเกรดหรือมี Tier เป็นของ Rare ของ Legendary เข้ามาเกี่ยวข้องแบบในภาคก่อน ๆ แล้ว  แต่จะเป็นระบบอัพเกรดได้ 3 ระดับ และเมื่ออัพเกรดจะเพิ่มความสามารถแบบ Passive ใหม่ ๆ ให้กับของชิ้นนั้น เช่นเคลื่อนที่ได้เบาขึ้น โจมตีหนักได้รุนแรงขึ้น 

asassassins creed mirage

การสำรวจและตัวเมืองในเกม

เหตุการณ์สำคัญทั้งหมดในเกมภาคนี้จะเกิดขึ้นในเมือง “แบกแดด” ซึ่งตัวเมืองก็มีขนาดใหญ่โตพอสมควรเลยทีเดียว ใครที่เบื่อเมืองเล็ก ๆ ที่ไม่ค่อยมีผู้คนหรือรายละเอียดในเกมภาคที่ผ่านมา ๆ ก็คงจะดีใจที่ภาคนี้ทีมงานกลับมาใส่ใจกับเมืองในเกมและใส่รายละเอียดเข้าไปแบบเน้น ๆ เหมือนภาค Unity หรือ Syndicate อีกครั้ง

ภายในเมืองก็มีกิจกรรมต่าง ๆ ให้เราได้ทำ ตามสไตล์เกม Assassin’s Creed ทั้งภารกิจหลัก ภารกิจรองที่วิ่งไปเจอตามทาง รวมไปจนถึงงานที่เราได้รับมอบหมายจากเหล่ามือสังหารให้ไปจัดการ  

Parkour เป็นจุดที่ทีมงาน Ubisoft เน้นย้ำว่าได้รับการพัฒนาขัดเกลาให้ดียิ่งขึ้น หลังเป็นส่วนที่ถูกมองข้ามไปในภาคหลัง ๆ ในแง่ของอนิเมชั่นนั้นก็บอกได้ว่าบาซิมมีการเคลื่อนที่ซึ่งคล่องตัวกว่าตัวเอกอื่น ๆ แบบชัดเจนเวลาออกโจนทะยานในเมือง แต่ก็ยังไม่ได้พริ้วไหวหรือสวยงามเหมือนในภาค Unity แต่อย่างใด 

จุดที่เราสังเกตเห็นก็คือตัวเมืองแบกแดดถูกออกแบบมาให้ Parkour ได้สนุกกว่าเมืองอื่น ๆ ในภาคล่าสุด และภาคนี้เราจะไม่สามารถปีนไปไหนก็ได้ทุกที่อีกแล้ว การปีนตึกปีนกำแพงจะย้อนไปใช้ระบบจากภาคดั้งเดิมนั่นก็คือต้องเป็นจุดที่มีพื้นที่ให้บาซิมจับถึง จึงจะสามารถไต่ขึ้นไปได้ ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะการออกแบบฉากจะเน้นให้ผู้เล่นสำรวจหาช่องทางในการเข้าทำภารกิจนั่นเอง 

อีกอย่างที่เราสัมผัสได้จากการเล่นในช่วงทดสอบก็คือเงินรวมไปถึงทรัพยากรต่าง ๆ นั้นมีคุณค่าและหาได้ค่อนข้างยาก ดังนั้นการล้วงกระเป๋าหรือการแอบเข้าไปขโมยของเปิดหีบในฐานทัพก็เลยดูมีประโยชน์จริง ๆ เสียที

Assassins Creed Mirage Artwork4

ระบบลอบเร้นและการต่อสู้

อย่าที่เล่ากันไปตั้งแต่ตอนแรกนะครับ รูปแบบการเล่นของ Assassin’s Creed ในภาค Mirage นั้นจะไม่ใช่เกม Action RPG อีกต่อไป 

ในภาคนี้กิจกรรมและระบบการเล่นต่าง ๆ ก็จะใช้ความเป็น “มือสังหาร” มาเป็นหัวใจหลัก บาซิมก็จะต้องทำตั้งแต่การรวบรวมข้อมูล สืบหาเป้าหมาย และจัดการลงมือสังหารเป้าหมายให้สำเร็จ 

ระบบการเล่นจะเน้นไปที่การลอบเร้นเป็นแกนหลักสำคัญแบบ Assassin’s Creed ภาคเก่า ๆ เราจะต้องค่อย ๆ ย่องเข้าไปให้ถึงเป้าหมายโดยอาศัยการซ่อนตัว การสำรวจเส้นทาง และใช้ความสามารถพิเศษต่าง ๆ ที่มี 

ใครที่คุ้นเคยกับ Assassin’s Creed แบบดั้งเดิมก็เรียกได้ว่าจับจอยปั๊บก็เข้ามือกันทันที ย่องเข้าพงหญ้า ผิวปากเรียกยามมาส่องและก็จ้วงให้ดิ้นซะ  

ส่วนของ AI ศัตรูนั้นมีการอัพเกรดในเรื่องของการตรวจจับผู้เล่นแบบเห็นได้ชัด ภาคนี้เราจะสามารถกดดูเส้นทางการเดินตรวจตราและมุมมองการมองเห็นของเหล่าศัตรูในเกมได้ด้วย หรืออย่างการใช้นกอินทรีคู่ใจบินเป็น Drone เพื่อสำรวจเส้นทางหรือทำการ Mark จุดศัตรูก็จะไม่สามารถทำได้อย่างอิสระแล้ว เพราะจะมีศัตรูที่ใช้อาวุธธนูคอยยิงไล่นกอินทรีของเรา ทำให้เราต้องวางแผนลอบเข้าไปจัดการจิ้มศัตรูที่ใช้ธนูเสียก่อน 

และหากถูกตรวจพบและการต่อสู้ซึ่งหน้าเริ่มต้นขึ้น บาซิมของเราก็สามารถพอจะป้องกันตัวได้ระดับหนึ่งถ้ารับมือกับศัตรูทหารยามทั่ว ๆ ไปไม่เกิน 3 คน แต่พอศัตรูมีจำนวนมากหรือเป็นพวกมีฝีมือหน่อยเราก็ยากที่จะสู้ได้โดยตรง เพราะระบบการต่อสู้นั้นไม่ได้พริ้วไหวแบบเกมภาคหลัง ตัวเกมบีบให้เราอาศัยการลอบสังหารหรือการหลบหนีไปตั้งตัวใหม่แทน

พูดถึงการหลบหนีภาคนี้ระบบชื่อ “เสีย” กลับมาอีกครั้ง ถ้าเกจชื่อเสียเยอะศัตรูก็จะเพ่งเล็งเราเป็นพิเศษ เราก็ต้องไปทำกิจกรรมอย่างการไล่ฉีกป้ายประกาศจับหรือติดสินบนคนประกาศข่าวลือ 

Assassins Creed Mirage Artwork5

สรุป

จากที่เราได้สัมผัสมา Assassin’s Creed Mirage ดูจะเป็นจดหมายรักสำคัญสำหรับแฟนเกมตระกูลนี้ที่โหยหาตัวเกมในแบบฉบับดั้งเดิม แม้เกมการเล่นโดยรวมอาจจะไม่ได้พัฒนาแบบก้าวกระโดด แต่ด้วยตัวเอกที่น่าสนใจและการปรับตัวเกมให้มีความกระชับเข้มข้นมากขึ้น Mirage ถือเป็นโอกาสที่ดีที่สุดสำหรับคนที่อยากสวมบทเป็นมือสังหารของจริงกันอีกรอบ

ถ้าจะข้อเสียจากที่เราได้เห็นมาก็คงเป็นเรื่องของกราฟฟิกที่ถึงแม้งานศิลป์และการออกแบบจะสวยงาม แต่ด้วยอายุของเอนจิ้นก็ทำให้งานภาพของเกมดูเริ่มจะตกยุคกันแล้ว อีกจุดก็คือระบบการต่อสู้ที่แม้จะไม่ใช่จุดเด่นสำคัญแต่ก็ยังดูมีความติดขัดในแง่ของการบังคับอยู่บ้าง 

ในฐานะของแฟน Assassin’s Creed ฉบับดั้งเดิม Mirage ถือเป็นภาคใหม่ที่น่าตื่นเต้นและชวนให้คิดถึง และเราก็อยากจะสัมผัสกับตัวเกมแบบเต็ม ๆ กันแล้ว

Assassin’s Creed Mirage วางจำหน่ายจริงวันที่ 5 ตุลาคม บนระบบ PlayStation 4-5, Xbox One, Xbox Series S/X และ PC 

SHARE

Nuttawut Apiratwarakul

โน้ต - Co-Founder / Editor-in-chief

Back to top