BY Aisoon Srikum
4 Aug 21 6:11 pm

ความรู้สึกหลังเล่น Apex Legends Season 10: Emergence

4 Views

อัปเดตเข้าสู่เซิร์ฟเวอร์เกมกันอย่างเป็นทางการแล้ว สำหรับแพทช์ใหม่ Emergence หรือ Season 10 ของ Apex Legends โดยในการอัปเดตรอบนี้ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ตามธรรมเนียมของการเข้าสู่ Season ใหม่ ซึ่งทางผู้เขียนเองก็ได้ไปสัมผัสประสบการณ์ Season 10 มาแล้ว ของใหม่แต่ละอย่างจะมีอะไรบ้าง วันนี้เรามาดูกันแบบเต็ม ๆ

Seer ที่ไม่ได้ทำให้ Bloodhound ตกงานอย่างที่คุณคิด

เมื่อมีการเปิดเผยตัวละครใหม่อย่าง Seer ที่เป็นตัวละครสาย Recon แถมยังดูจะโกงกว่าตัวอื่นซะด้วย เพราะสามารถเปิดเผยตำแหน่งศัตรู เปิดเผยหลอดพลังชีวิต และเกราะ รวมไปถึงขัดการทำงานของสกิลและการใช้ไอเทมทุกอย่าง (EMP ดี ๆ นี่เอง) จนหลายคนคิดว่ามันอาจจะทำให้ Recon ตัวเก่าอย่าง Bloodhound ตกกระป๋อง แต่หลังจากได้ลองเล่นแล้ว ก็พบว่าความจริงมันก็ไม่ได้โหดขนาดนั้น เนื่องจากการทำงานของ สกิล Q (Focus of Attention) Seer นั้น การปล่อยคลื่นพลังตรวจจับของเขา ไม่ได้สแกนเป็นวงกว้างหรือล็อกตัว แต่จะเป็นการปล่อยออกไปเป็นเส้นตรงมากกว่า

ซึ่งลักษณะสกิลแบบนี้ ทำให้เหมาะกับการใช้ในสถานการณ์เฉพาะหน้า เมื่อเจอไฟท์ที่ต้องปะทะมากกว่าที่จะใช้ตรวจจับพื้นที่โดยรวมก่อนเข้าไป Loot ของในพื้นที่ กล่าวง่าย ๆ คือ ความสามารถของ Seer ใช้ตอนปะทะอยู่จะเกิดผลสูงสุด ส่วน Passive อย่าง Hearttseeker เอง ก็มีจุดอ่อนที่เราเพิ่งได้ทดลองเล่นกันไปหลังแพทช์อัปเดต นั่นคือระหว่างที่เราเข้าสโคปหรือ Aim Down Sight เพื่อจับคลื่นหัวใจของศัตรู ฝั่งศัตรูที่เราโดนค้นหาตัวเจอ ก็จะมีเสียงแจ้งบอกที่ชัดเจนมากเช่นกัน โดยเสียงแจ้งเตือนนี้ จะได้ยินในระยะ 20-30m ก็ถือว่าเป็นความสามารถที่ทั้งดี แต่ก็เสี่ยงอันตรายไปในตัว

ส่วนของ Ultimate อย่าง Exhibit นั้น จะมีการทำงานคล้าย ๆ กับ Black Hole ของ Horizon นั่นคือเมื่อเรากดใช้ จะสามารถปา Heart Chamber ออกไปวาง แล้วมันจะสร้างอาณาเขตขึ้นมา ซึ่งในอาณาเขตนี้ ศัตรูที่วิ่ง หรือเคลื่อนที่ จะถูกระบุตำแหน่งและรอยเท้าชัดเจน และระบุเลยว่ามีศัตรูกี่คนที่อยู่ในอาณาเขต หากมีมากกว่า 3 ก็คิดไว้เลยว่า โดน Third Party วิ่งเข้ามาแจมอีกทีมแน่นอน แต่ฝั่งศัตรูสามารถยิง Heart Chamber ทิ้งได้ด้วย เวลาวางก็อาจจะต้องหามุมวางให้ดี จะได้ไม่โดนยิงทำลายก่อนการต่อสู้จะจบลง

สรุปภาพรวมของ Seer นั้น ไม่ได้มาทำให้ Bloodhound ตกงานแต่อย่างใด กลับกันถ้าเอามา 2 ตัว ทีมของพวกคุณอาจจะเป็นยอดนักล่าชั้นเลิศ แต่ก็จะขาดตัวเพิ่ม Mobility หรือความสามารถอื่น ๆ ไป ก็ลองไปสร้างสรรค์จัดแผนทีมกันให้ดี

อาวุธใหม่ Rampage กับดาเมจสุดจัดจ้าน

ในซีซั่นนี้ก็มีอาวุธใหม่เพิ่มเข้ามาด้วย นั่นคือปืนประเภท LMG อย่าง Rampage ที่มีความสามารถในการติดตั้งระเบิด Thermite Grenade เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการยิงได้ จากการที่ได้ลองปืนนี้ไปลองเล่นดูแล้ว Rampage ถือเป็นปืน LMG ที่ทำดาเมจได้น่าจะสูงที่สุดแล้ว แต่ปัญหาของมันคือ Fire Rate ที่ค่อนข้างต่ำ ข้อดีของมันคือ ยิงแรงและคุมปืนง่าย เพราะอัตราการยิงที่ต่ำ ซึ่งถ้าหากอยากยิงให้เร็วขึ้นก็จำเป็นจะต้องไปหา Thermite Grenade หรือระเบิดไฟมาใส่ นอกจากจะยิงได้ไวขึ้นแล้ว ยังมีพลังทำลายล้างสูงขึ้น ถึงขั้นยิงพังประตูที่ปิดอยู่ได้

สำหรับอุปกรณ์แต่งปืนก็สามารถติดตั้งได้แบบเดียวกับปืน LMG ทั่วไป ทั้งปากกระบอกปืน ต่อแม็กกาซีน พานท้าย และลำกล้อง ซึ่งลำกล้อง ติดตั้งได้ไกลสุดที่ x3 แต่จะเวิร์คหรือไม่เวิร์ค ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถและความถนัดของผู้เล่น อาจจะบอกไม่ได้ว่าเป็นปืนที่ดีหรือไม่ เพราะแต่ละคนอาจถนัดปืนไม่เหมือนกัน แต่การมาของ Rampage น่าจะทำให้เราได้เห็นทริค และเทคนิคการเล่นใหม่ ๆ ในซีซั่นนี้

การปรับปรุงแผนที่ World’s Edge ให้สว่างขึ้นและมีลูกเล่นใหม่ ๆ ในฉากมากขึ้น

ไฮไลท์ของการอัปเดตนี้ อยู่ที่การปรับปรุงแผนที่ World’s Edge ครั้งใหญ่ นอกจากจะเป็นการปรับปรุงเพิ่ม POI (Point of Interest) ใหม่ทั้ง 3 จุดแล้ว หลายจุดในแผนที่ก็โดนปรับปรุง เช่น Train Yard ที่ถูกเปลี่ยนเป็น Landslide หรือ Sorting Factory ที่หายไปเลย กลายเป็นเศษซากโรงงานพร้อมลาวาไหลผ่าน หรือ Epicenter ที่มีรอยแตกลุกลามจนมีลาวาไหลผ่านเช่นกัน

สำหรับผู้ที่ไม่ชอบโทนร้อน หรือโทนอึมครึมที่เป็นบรรยากาศของ World’s Edge ซีซั่นก่อนหน้า ในซีซั่นนี้คุณจะสบายตาขึ้น เพราะบรรยากาศบนท้องฟ้าดูสว่างไสว และถูกเปลี่ยนให้เป็นโทนเย็นสบายตามากขึ้น ที่สำคัญคือในบางจุดได้เพิ่มฟีเจอร์ลูกเล่นใหม่ของฉากเข้ามา นั่นคือ Gondolas กระเช้าลอยฟ้าที่จะบินไป-กลับ ระหว่างจุดสองจุด ทำให้การเล่นมีความหลากหลายมากขึ้นอีกในพื้นที่ที่มีกระเช้าลอยฟ้า

แต่หลังจากเริ่มซีซั่นมาได้ไม่นาน เมือง Fragment ก็ยังคงเป็นพื้นที่โดดยอดนิยมของแฟน ๆ ที่เล่น World’s Edge อยู่ดี ในบางครั้ง การเพิ่ม POI เข้ามาใหม่ อาจไม่ได้ช่วยอะไรมากนักก็เป็นได้

Alternator + Spitfire 2 ปืนโหดที่ถูกย้ายเข้าไปอยู่ใน Supply Drop

ใครที่ติดตามข่าวสารหรือ Patch Note ของตัวเกมมาตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว จะทราบกันดีแล้วว่าในซีซั่นนี้ Prowler จะถูกนำออกมาดรอปตามพื้นเหมือนเดิม และปืนที่จะย้ายเข้าไปอยู่ใน Supply Drop คือสองปืนอย่าง Alternator และ Spitfire

มาเริ่มกันที่ Spitfire กันก่อน ปืนนี้เป็นปืนเดียวที่ผู้เขียนได้มีโอกาสหยิบมาใช้ โดยความโหดของมันนั้นจะอยู่ในขั้นก่อนที่มันจะโดนเนิร์ฟลดจำนวนกระสุนลง แต่ที่น่ากลัวจริง ๆ คือ Fire Rate หรืออัตราการยิงที่ดูเหมือนจะสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และ Recoil ยังนิ่งจนกดยิงค้าง ลากตามได้อย่างสบาย ๆ กลายเป็นปืนโหดขึ้นมาทันที ยิ่งถ้าไปอยู่ในมือคนที่คุมปืนเก่ง ๆ ส่วนของ Alternator นั้น เมื่อนำกลับเข้าไปอยู่ใน Supply Drop ใครที่เล่นเกมนี้มาตั้งแต่ซีซั่น 2 ซึ่งมี Hop-up Disrupt Round แล้วล่ะก็ ความสนุกแบบนั้นกำลังจะกลับมาอีกครั้ง เพราะ Alternator ใน Supply Drop จะมาพร้อม Disrupt Round หรือ Hop-up ละลายเกราะในตำนาน ที่จะทำให้เรายิงโจมตีศัตรูที่ใส่เกราะอยู่ได้อย่างรุนแรงมาก ๆ แต่ทำดาเมจได้ปกติเมื่อยิงเข้าพลังชีวิตโดยตรง

โดยรวมสองปืนนี้ทำให้เกมการเล่นในการไล่ล่า Supply Drop กลับมาสนุกขึ้นอย่างมาก จากที่ลองเล่นมา อาจเป็นเพราะเป็นของใหม่ ใน Supply Drop จึงมากจะเป็นจุดปะทะสุดมัน เพราะอยากแย่งปืนดีมาเล่นกันนั่นเอง ช่วงนี้ใครจะออกล่าคน เจอ Supply Drop ตรงไหน ไปหาตรงนั้นแหละ ยังไงก็เจอ

ภาพรวมของ Apex Legends Season 10

นอกเหนือจากที่กล่าวมา ยังมีการปรับตัวละคร ปรับฉาก และประสิทธิภาพของเกม ที่แม้ว่าหลายคนจะบอกว่าเซิร์ฟเวอร์เกมยังคงห่วยอยู่ดี แต่สิ่งที่หลายคนลงความเห็นตรงกันคือ เหมือนว่าเกมมี Performance ที่ดีขึ้น จนตัวเกมได้เฟรมเรทที่ค่อนข้างลื่นไหลมากขึ้น ส่วนของปัญหาอื่น ๆ ก็อาจจะต้องทยอยแก้ไขกันต่อไปเรื่อย ๆ

แม้ว่าคอนเทนต์อาจจะไม่ได้ยิ่งใหญ่เหมือนตอนการมาของ Legacy แต่เชื่อว่า Apex Legends Season 10: Emergence นั้น ยังคงสร้างความสนุกให้ผู้เล่นได้อย่างแน่นอน อย่างน้อย ๆ ก็ต่อไปอีก 3 เดือน จนกว่า Season 11 จะมา

SHARE

Aisoon Srikum

Back to top