28 มกราคม 2022 – ถือเป็นการเปิดปีของเหล่าเกมเมอร์ที่ยังไม่ค่อยหวือหวามาก เพราะเกมเด่นเกมดัง ตกไปอยู่ที่เดือนกุมภาพันธ์เสียมากกว่า แต่ในเดือนมกราคมนี้ ถือว่ามีเกมอินดี้ม้ามืดหลายเกม ที่สนุกอย่างเซอร์ไพรส์มาก ๆ และหนึ่งในนั้นคือ Warm Snow เกม Action Roguelike ที่นำเอาเรื่องราวสุดลี้ลับมาเป็นสตอรี่หลักในเกม ผู้เขียนเองก็ชื่นชอบเกมแนวจีนวิทยายุทธ์แบบนี้อยู่แล้ว ผสมกับที่มันเป็นเกมแนว Roguelike และมีกลิ่นอายการเล่นของ Hades แบบสุด ๆ จึงอดไม่ได้ที่จะหยิบมาแนะนำให้ได้รู้จักกันในวันนี้
หิมะมรณะคร่าชีวิต
อย่างแรกที่ผู้เขียนชอบเป็นพิเศษ คือเนื้อเรื่องของเกม ที่ไม่ได้ซับซ้อนอะไร แต่กลับน่าสนใจและน่าติดตามเป็นอย่างมาก ฉากหลังของเกมคือโลก Dark Fantasy ในยุคจีนโบราณ สมัยที่ผู้คนยังเคารพบูชาเทพเจ้ากันอยู่ แต่แล้วด้วยความเหิมเกริมของสี่ตระกูลใหญ่ฝั่งมนุษย์ ทำให้เทพเจ้าพิโรธและเสกให้มนุษย์พบกับภัยพิบัติธรรมชาติที่ชื่อว่า Warm Snow หรือแปลตรงตัวเลยก็คือ หิมะอุ่น
เจ้าหิมะอุ่นแห่งีน้เหมือนจะไม่มีอะไร ชาวบ้านรู้สึกประหลาดใจที่อยู่ดี ๆ หิมะก็อบอุ่นขึ้นมา จนกระทั่งพวกเขาหายใจเอามันเข้าไปในร่างกาย สติสัมปชัญญะก็สูญสิ้น และกลายร่างเป็นสัตว์ประหลาดดุร้าย เข่นฆ่าผู้คน โรคระบาดหิมะอุ่นนี้กระจายไปทั่วแผ่นดินหลงหวู่ และวิธีเดียวที่จะหยุดภัยพิบัตินี้ได้ คือการโค่นล้มสี่ตระกูลใหญ่ที่จับมือกับฝั่งปีศาจต่อต้านเทพ และนำความเคารพบูชาเทพกลับมาอีกครั้ง ผู้เล่นจะได้รับบทเป็น ปี้อัน จอมยุทธ์พเนจรที่ต้องเดินหน้าจัดการกลียุคนี้
นี่คือเรื่องราวในโลกดาร์คแฟนตาซีเกี่ยวกับเทพเซียนสไตล์จอมยุทธ์จีน ผสมเข้ากับเรื่องราวสุดแฟนตาซีที่มีทั้งสัตว์ประหลาด นิกาย อสูรกายต่าง ๆ ปรากฎตัวออกมาในเกม ซึ่งใครที่ชื่นชอบความเป็นวัฒนธรรมจีนจะชอบเกมนี้เป็นพิเศษ แต่สิ่งที่ทำให้เกมนี้โดดเด่นขึ้น คือระบบ Gameplay ของมันเอง ที่ให้ความรู้สึกคล้ายกับการเล่นเกมชื่อดังอย่าง Hades
Action จัดหนัก Roguelike จัดเต็ม
หัวใจหลักของความเป็นเกม Roguelike คือ การตายซ้ำ ๆ เพื่อเก่งขึ้นเรื่อย ๆ โดย Warm Snow เองก็ใช้หลักการเดียวกัน ส่วนระบบการต่อสู้หรือ Combat นั้น จากที่ได้ลองเล่นมา ผู้เขียนคิดว่ามันได้แรงบันดาลใจมาจาก Hades หลายส่วนเลยทีเดียว ด้วยการต่อสู้ที่ไม่มีอะไรมาจำกัดผู้เล่น ไม่มีค่า Stamina อยากบู๊แหลกแค่ไหน จัดเต็มได้เลย แต่สกิลบางสกิลจะมีคูลดาวน์เข้ามาเพียงเท่านั้น
และในขณะที่ Hades นำเสนอมุมมองแบบ Isometric ที่ดูเหมือนจะเป็น 2.5D แต่กับ Warm Snow จะเป็นแบบ 2D ที่เหมือนเกมเดินข้าง แต่ยังขึ้นบนลงล่างได้ตามปกติ ส่วนของอาวุธต่าง ๆ ในเกมนี้จะเรียกว่า Excalibur หรือดาบที่จะมีจำนวนมากมายหลายแบบและแบ่งเกรดกันต่างไป แต่ละแบบจะมีความสามารถที่ต่างกัน ทั้งค่าสเตตัส และค่าพลังพิเศษ เช่นบางอันตีเจาะเกราะได้ บางอันตีเร็วขึ้นเป็นต้น แต่แน่นอนว่ามันคือ Roguelike มันคือการสุ่มท้ังหมด ผู้เล่นไม่มีทางคาดเดาได้เลยว่าจะเจออะไรบ้างในการเล่นแต่ละรอบ
นอกจากอาวุธแล้ว ยังมีไอเทมประเภท Relics หรือของขลังที่จะช่วยเสริมพลังให้กับตัวละคร ที่เราสามารถถือได้สูงสุด 4 ชิ้น และระหว่างการเดินทางเราจะได้เจอบอสของ 4 ตระกูลฝั่งมนุษย์ที่มีฝั่งปีศาจมาเข้าร่วมด้วย และแน่นอนว่าถ้าเกิดเราตายขึ้นมา เราก็จะต้องย้อนกลับไปเริ่มเล่นใหม่ทั้งหมดตั้งแต่แรก แต่สิ่งที่เราจะได้คืออัญมณีโลหิตที่จะได้มาจากการกำจัดบอสแต่ละตัว อัญมณีโลหิตนี้จะช่วยให้เราอัปเกรดความสามารถถาวรได้ นั่นคือตัวละครของเราจะเก่งขึ้นทุกครั้งที่เราเล่น เป็นหัวใจหลักของระบบ Roguelike
แม้การออกแบบเกมจะเป็นแบบ 2D แต่เรื่องกราฟิก แสง สี เสียงก็ถือว่าทำออกมาได้ดีมาก โดยเฉพาะบอสบางตัวอย่างเช่นบอสพยัคฆ์ขาวและนกกระเรียน ที่ดีไซน์ให้ศัตรูหลุดออกมาจากภาพวาด เรื่องลายเส้น งานศิลป์ที่จีนนั้นโดดเด่นอยู่แล้ว เกมนี้เลยทำให้มันเป็นจุดขายชัดเจน บวกกับระบบ Combat ที่รวดเร็ว ฉับไว เน้นเอามันเข้าว่า แต่ก็มีความยากและความท้าทายในตัวของมันเอง ซึ่งเป็นฟีลเดียวกันกับที่ Hades เคยทำไว้ แต่ Hades จะมีจุดแข็งคือบทสนทนาและระบบที่ลงลึกกว่าเกมนี้
ด้วยความหลากหลายของทั้งอาวุธ และ Relics ที่เราถือได้ ทำให้ทุก ๆ การเล่น เราจะได้รับประสบการณ์แปลกใหม่ และแม้จะเป็นบอสตัวเดิม ศัตรูชุดเดิม แต่หากเราประมาท เล่นพลาดนิดเดียวก็อาจจะตายเอาได้ง่าย ๆ ความแตกต่างของไอเทมแต่ละชิ้นที่ถืออยู่ก็อาจจะเป็นตัวกำหนดความยากง่ายของเกมนั้นด้วยเช่นกัน ข้อดีอีกข้อของเกมนี้คือไม่ใช่แบบ Early Access ซื้อมาแล้วไม่ต้องมานั่งรออัปเดต ลุยหนัก ๆ จนจบไปเลยก็ได้ โดยยังมีทีมงานคอยพัฒนาและแก้ไขบั๊กอยู่เรื่อย ๆ
เอาเป็นว่าวันหยุดนี้ หากอยากหาเกมใหม่เล่น เน้นเอามันเข้าว่า และคุณไม่ใช่คนที่ยอมแพ้อะไรง่าย ๆ หรือชอบเกมแนว Roguelike ก็ลองไปซื้อ Warm Snow มาเล่นกันดู รับรองว่าอาจจะดุเดือด ติดใจจนไม่ได้หลับไม่ได้นอนกันเลยทีเดียว
