“OG” คือทีมแรกของโลก ที่สามารถคว้าแชมป์ของการแข่งขันสูงสุดประจำ Dota 2 อย่าง “The International” ได้ถึงสองสมัยติด ซึ่งก็แน่ชัดแล้วว่าพวกเขาคือผู้เล่น Dota 2 ที่เก่งที่สุดในโลกอย่างไม่ต้องสงสัย และถือได้ว่าเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้เล่นเกมแนว MOBA ที่เก่งที่สุดแล้วก็ว่าได้
ซึ่งหลังจากที่สถิติและเรื่องราวต่าง ๆ ของทั้ง OG และงาน The International ได้แพร่ออกไป แน่นอนว่ามันจะต้องเป็นที่สนใจของทั้งแฟนเกม Dota 2 เอง และแฟนเกมแนว MOBA อื่น ๆ ด้วยกันที่ก็คอยติดตามข่าวสารที่เกิดขึ้นรอบโลกอยู่ไม่ห่าง แต่เนื่องจากว่าหลายคนอาจจะไม่เคยเล่น Dota 2 หรือ DotA มาก่อน จึงอาจมีบางเรื่องที่ยังไม่อาจเข้าใจได้
ตัวอย่างที่น่าจะนำมาพูดถึงได้ก็คือ ในการแข่งขันที่ผ่านมา ได้มี Meta หนึ่งที่ได้แจ้งเกิดอย่างเป็นทางการในศึกนี้ นั่นก็คือสูตร “IO Carry” หรือการหยิบ Hero ที่ชื่อ IO (ไอโอ) มาเล่นในตำแหน่งที่เกมไม่ได้ออกแบบเอาไว้ให้เป็น นั่นคือ Carry และผู้ที่ทำมันได้ก็คือ Anathan “ana” Pham ผู้เล่นจากทีม OG ที่ชนะในการแข่งนั่นเอง
![](https://www.gamingdose.com/wp-content/uploads/2019/08/TI-2019-Winner-7-e1567046880179.jpg)
Anathan “ana” Pham (คนที่สองจากทางซ้าย)
นี่จึงอาจทำให้เกิดความสงสัยในหมู่ของนักเล่นเกม MOBA ด้วยกันที่ได้รู้จักกับ Meta นี้เป็นครั้งแรก ว่าทำไมมันจึงเป็นที่กล่าวขวัญกันในหมู่ผู้เล่น Dota 2 กันอย่างอย่างแพร่หลาย วันนี้เราจึงจะพาทุกคนไปรู้จีกกับ “IO Carry” กัน แต่เราจะจะศัพท์และการอธิบายที่ให้คนอื่น ๆ ที่ไม่เคยเล่น Dota 2 เข้าใจด้วย (อย่างน้อยก็เคยเล่น MOBA เกมอื่น ๆ เกมไหนเกมหนึ่งมาก่อน)
IO – The Wisp
ก่อนอื่นก็ต้องทำความรู้จักกับ IO (ไอโอ) กันก่อน IO เป็น Hero สาย Support ประจำ Dota 2 โดยเป็นหนึ่งใน Hero ดั้งเดิมที่ติดมาจาก DotA All Stars จึงถือว่าไม่ใช่ Hero ใหม่ และแฟน ๆ MOBA รุ่นแรก ๆ หลายคนก็น่าจะรู้จัก Hero ตัวนี้กันเป็นอย่างดี
แม้จะดูเป็นเหมือน Hero สายซัพตัวบาง ๆ แล้ว แต่ที่จริง IO เป็น Hero สาย Strength ซึ่งเป็น 1 ใน 3 สายหลักของเกม Dota 2 อันได้แก่ Strength, Agility และ Intelligence (ถ้าจะเทียบง่าย ๆ คือ พละกำลัง, ความเร็ว และปัญญา) หลายคนที่เห็น Hero ตัวนี้เป็นครั้งจึงมักคิดว่าเป็นสาย Intelligence เนื่องจากทั้งรูปร่างรวมถึงความสามารถนั้นดูยังไง ๆ ก็เป็นสาย Intelligence ชัด ๆ
![](https://www.gamingdose.com/wp-content/uploads/2019/08/IO-Dota-1-3.jpg)
IO ใน DotA All Stars
โดยที่ Skill ถือว่าแปลกใหม่อยู่พอสมควรเมื่อเทียบกับ Hero ตัวอื่น ๆ ในตอนนั้น Skill แรกอย่าง Tether จะทำการ Link เขาและเพื่อรวมทีมเขาด้วยกัน ทำให้ทั้งคู่แชร์ความสเตตัสบางตัวร่วมกันและเป็นเงื่อนไงของการใช้สกิลที่เหลือ รวมถึงการ Heal ละ Regen Mana ด้วย
Skill 3 อย่าง Overcharge ก็มีไว้เพื่อความบัพตัวเองและเพื่อที่ Link อยู่ ท้ายที่สุดคือ Ultimate : Relocate ที่เอาไว้เทเลพอร์ตไปยังจุดต่าง ๆ ในแผนที่ นี่จึงทำให้ IO ถูกเล่นเป็น Support เรื่อยมาโดยที่ไม่มีการหยิบมาเล่นในหน้าที่อื่น ๆ มากนัก
แต่สิ่งที่สำคัญอย่างหนึ่งที่เราต้องรู้ก่อนคือ DotA ที่เป็นเกมที่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง ที่ไม่เหมือนกับ MOBA ยุคใหม่ ๆ เกมอื่น เพราะค่าพลังส่วนใหญ่ของ Skill ในเกมนั้นจะถูกล็อคเอาไว้และเปลี่ยนแปลงได้ค่อนข้างยาก ต่างกับเกมรุ่นใหม่ที่ใช้พื้นฐานของ LoL ทำให้ค่าพลังของ Skill สามารถเปลี่ยนแปลงไปมาได้ง่าย ซึ่งผลของเกมก็จะอยู่ที่ตรงนั้นเป็นสำคัญด้วย
Dota 2 ซึ่งเป็นเกมรุ่นต่อมาจึงกลายเป็นเกมที่ผู้เล่นจะต้องฝึกเล่น Hero ที่เลือกจนชำนาญ (ต้องชำนาญจริง ๆ ) เพื่อดึงเอาความสามารถที่ Hero ตัวนั้น ๆ มีออกมาได้ให้มากที่สุด ซึ่งนั้นก็ทำให้เกิดวิธีการเล่นประหลาด ๆ มากมายตลอดระยะเวลาที่เกมเปิดให้เล่นมา และ IO Carry ก็เป็นหนึ่งในวิธีที่ว่ามานั้น
![](https://www.gamingdose.com/wp-content/uploads/2019/08/DotA-Guide-Io-The-Guardian-Wisp-Introduction-3.jpg)
เรื่องราวของ IO Carry เริ่มจากตรงนี้
IO Carry
แนวคิดของ IO Carry เริ่มจากตรงไหน ? มันก็เริ่มจาก Skill พื้นฐานของเขานั่นเอง ก็คือ Spirits ที่จะสร้างลูกพลังออกมาบินรอบ ๆ ตัว ใช้สร้างความเสียหายและเคลียเวฟ Creep ได้เป็นอย่างดี (ใครที่เคยเล่น LoL ขอให้นึกถึง Aurelion Sol หรือจะดูไปที่ภาพด้านบนก็ได้)
ทำให้บางคนหยิบ IO มาเล่นในบทบาทที่ก้าวร้าวมากขึ้น นั่นคือ Aggressive-Support ทำให้แทนที่จะเป็นตัวที่เดินตามเพื่อนอย่างเดียว IO จะทำหน้าที่เหมือน Carry อีกหนึ่งคนด้วย (เพราะไหน ๆ ก็ต้องเดินตามเพื่อนตลอดอยู่แล้ว)
![](https://www.gamingdose.com/wp-content/uploads/2019/08/Cosmetic_icon_Benevolent_Companion.jpg)
หนึ่งใน Equipment หรือก็คือ Skin ของ IO ใน Dota 2
และเมื่อมาใน Dota 2 แนวคิดนี้ก็ได้รับการต่อยอดมากขึ้น จากระบบ Talent ที่เพิ่มเข้ามา ทำให้ IO Carry กลายเป็นหนึ่งสายที่เล่นได้อย่างแท้จริง โดยที่ Spirits จากเดิมที่แค่ทำความเสียหาย มันก็จะ Slow Hero ที่โดนไปด้วย (Spirits จะระเบิดออกถ้าโดน Hero) และใน Lv. 25 ก็จะมี Talent ที่ทำให้ IO ยิงไปยังเป้าหมายเดียวกับที่เพื่อน (ที่ Link ) โจมตีอยู่ด้วยความเร็วการโจมตีที่เท่ากัน
![](https://www.gamingdose.com/wp-content/uploads/2019/08/geroi-dota-2-visp-dota-2-kak-igrat-za-vispa_6.jpg)
ใน Patch 7.22 IO ได้รับบัพจาก Aghanim’s Scepter ทำให้ Spirits กลายเป็น Passive แทน
สำหรับใครที่ไม่เคยเล่น Dota 2 มาก่อน ขอให้นึกภาพว่าเรามี Hero ที่ไม่จำเป็นต้องซื้อไอเทม Attack Speed แต่ก็ยังโจมตีได้เร็วเท่ากับเพื่อที่โจมตีเร็วที่สุด แถมยังไม่ต้องซื้อรองเท้าเพราะความเร็วในการเคลื่อนที่จะเท่ากับคนที่ Link อยู่เสมอ
อีกทั้ง เรายังสามารถออกของที่เสริมการโจมตีได้ทั้ง 6 ช่องหากต้องการ ก็ลองคิดดูเล่น ๆ ว่ามันจะเป็น Hero ที่เก่งขนาดไหน ซึ่งนี่เป็นแนวคิดที่ ana ใช้ในการเล่นใน The International ที่ผ่านมา
แต่เนื่องจาก IO Carry เป็นแผนที่ต้องใช้ความเข้าใจในการเล่นเป็นอย่างมาก จึงมีน้อยคนที่กล้าหยิบมาเล่นในเกมจริง ๆ ทำให้เราไม่พบเห็น IO Carry มากนัก จะเห็นได้ว่าผู้บรรยายในคลิปด้านบนเองก็แปลกใจที่เห็นทีม OG หยิบ IO ขึ้นมาใน Pick สุดท้าย ซึ่งก็คงไม่มีใครคิดว่ามันจะได้ผลอย่างดีเยี่ยมจนกระทั่งเกมดำเนินไปอย่างที่เราเห็นกัน
ก็ครบกันแล้วสำหรับเรื่อง IO Carry ที่นำมาฝากกันในวันนี้ ก็หวังว่าทุกคนจะได้รับความรู้และคิดใหม่ ๆ ในการเล่นเกมแนว MOBA กันมากขึ้น เพราะความสนุกของเกมแนวนี้แบบหนึ่ง คือการเล่นในแบบแปลก ๆ ที่จะทำให้คนอื่นตะลึงได้ทุกครั้งที่เห็น แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ต้องฝึกให้ชำนาญ เและต้องนัดแนะกับเพื่อนร่วมทีมคนอื่น ๆ ให้ดี (โดยเฉพาะใน Rank Game) เพราะไม่งั้นก็อาจจะโดนเพื่อนร่วมทีมรุม Report เอาได้ล่ะนะ 😀