อีกเพียงไม่กี่เดือน แฟน ๆ ก็กำลังจะได้สัมผัสกับ “Elden Ring” มหากาพย์ RPG ลำดับล่าสุดของ FromSoftware ซึ่งเป็นผู้ที่เคยฝากผลงานเกมดังไว้มากมายทั้ง Dark Souls, Bloodborne และ Sekiro: Shadows Die Twice
ในระหว่างที่รอ เกมเมอร์บางส่วน รวมถึงทีมงาน GamingDose ก็มีโอกาสได้เข้าไปทดสอบในช่วง Closed Network Test กันมาแล้ว ซึ่งสำหรับใครที่กำลังสงสัยว่า Elden Ring จะยอดเยี่ยมสมการรอคอย หรือมีรายละเอียด Gameplay อะไรที่ดีขึ้นกว่าเดิมบ้าง ก็ขอเชิญพบกับคำตอบในบทความพรีวิวของเรากันได้เลย
สู่ดินแดนมัชฌิมา กับตำนานบทใหม่
![Elden Ring Preview 7](https://www.gamingdose.com/wp-content/uploads/2021/11/elden-ring-preview-7-1024x576.jpg)
ขอต้อนรับเหล่าผู้มัวหมอง สู่ “The Lands Between“
หรือในภาษาไทยว่าดินแดนมัชฌิมา, ฉากหลังของเกมนี้ อันเป็นสถานที่ที่ได้รับพรจากต้นไม้ขนาดยักษ์นาม Erdtree ซึ่งส่องสว่างทองอร่ามให้ผู้เล่นได้เห็นอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะอยู่มุมใดของแผนที่
ภายในเกมนี้ เรายังคงต้องเริ่มต้นจากสถานที่รกร้างแห่งหนึ่ง ซึ่งใช้เป็นจุดสอนระบบเกมเบื้องต้นแบบม้วนเดียวจบ แต่ที่น่าแปลกใจนิดหน่อยคือพาร์ทของการสอนเล่นนั้นดูจะเข้าถึงยากพอสมควร เพราะผู้เล่นจะต้องกระโดดลงไปที่เหวด้านล่าง หลังเริ่มเกมมาได้ไม่นาน
ซึ่งถ้าใครกลัวตาย, คิดว่ากระโดดลงไปไม่ได้ หรือไม่ทันสังเกตเหวดังกล่าว ก็อาจจะข้ามจุด Tutorial ของเกมแล้วออกไปเผชิญโลกกันแบบไม่มีพิธีรีตองอะไรทั้งสิ้น
ระบบการเล่นที่ถูกต่อยอดมาจากเกมก่อน ๆ
![Elden Ring Preview 11](https://www.gamingdose.com/wp-content/uploads/2021/11/elden-ring-preview-11-1024x576.jpg)
สำหรับใครที่เป็นแฟนเกมตระกูล Souls กันอยู่แล้ว ก็แทบจะไม่ต้องเรียนรู้หรือปรับตัวอะไรใหม่เลย เพราะลักษณะการควบคุมยังคงแบบเดิมไว้ทั้งหมด เซนส์การรับรู้จากเกมก่อนหน้านี้ยังคงนำกลับมาใช้ได้ทุกอย่าง ตั้งแต่จังหวะการกลิ้งหลบศัตรู ไปจนถึงระบบการต่อสู้ที่ต้องบริหารค่า Stamina ให้ดีตลอดเวลา
ถ้าพูดถึงข้อแตกต่างประการแรกที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดของ Elden Ring ก็เห็นจะหนีไม่พ้นเรื่องที่ตัวละครเราสามารถกระโดดลงจากที่สูงได้แล้วแบบไม่เจ็บไม่ปวด ทำให้ผู้เล่นมีความมั่นใจในการสำรวจที่ต่าง ๆ มากขึ้น
แต่ไม่ใช่ว่าสูงแค่ไหนก็กระโดดลงมาได้ เพราะถ้ามันสูงเกินไปจริง ๆ อย่างกรณีกระโดดลงมาจากหน้าผาริมทะเล ตัวเกมก็จะตัดเข้าฉาก ‘You Died’ โดยไม่ต้องรอให้เราร่วงไปถึงพื้นก่อนเหมือนเคย
![Elden Ring Preview 9](https://www.gamingdose.com/wp-content/uploads/2021/11/elden-ring-preview-9-1024x576.jpg)
สำหรับฉากการต่อสู้ เราจะต้องสังเกตรูปแบบการโจมตีของศัตรู และหาจังหวะเข้าโจมตีให้ดี ซึ่งหากเป็นศัตรูระดับบอส ก็จะยังคงหยิบยืมการแบ่งท่าโจมตีเป็นเฟส ๆ จาก Dark Souls 3 มาใช้ คือหากเลือดบอสลดลงไปครึ่งหนึ่ง หรือถึงจุดที่เกมกำหนดไว้ ก็จะมีท่าโจมตีแบบใหม่ ๆ เพิ่มเข้ามาสร้างความอันตรายยิ่งกว่าเดิม
อีกหนึ่งองค์ประกอบที่น่าสนใจ คือทีมงานเลือกจะใส่ระบบ Posture จาก Sekiro เข้ามาไว้ในเกมนี้ด้วย ซึ่งเป็นระบบที่ศัตรูจะมีค่าความทนทานอยู่ประมาณหนึ่ง หากเราโจมตีอย่างหนักหน่วงและต่อเนื่อง ก็จะทำให้ศัตรูเสียหลัก และเปิดช่องโหว่ให้เราเข้าไปเผด็จศึกได้
แต่สำหรับใน Elden Ring จะมีความแตกต่างตรงที่เราจะมองไม่เห็นเกจว่าตอนนี้ศัตรูใกล้จะเสียหลักแล้วหรือยัง ดังนั้นสิ่งที่ทำได้ก็คือต้องหมั่นโจมตีอย่างไม่ลดละ และรอฟังเสียงเอฟเฟคต์เอาเท่านั้น ว่าเมื่อไรที่จะถึงคราวได้สวนกลับศัตรูแบบหนัก ๆ ให้สาแก่ใจ
พื้นที่โลกเปิดอันเต็มไปด้วยความท้าทาย
![Elden Ring Preview 2](https://www.gamingdose.com/wp-content/uploads/2021/11/elden-ring-preview-2-1024x576.jpg)
ด้วยความที่ตัวเกมเป็นโลกเปิดอิสระ ทำให้เราสามารถเลือกผจญภัยส่วนไหนก่อนก็ได้ จะแวะไปลองสู้กับบอสตัวโหดตั้งแต่เนิ่น ๆ หรือไปลุยดันเจี้ยนสุสานใต้ดิน, เหมืองเก่าแก่ สำรวจหาความลับตามซอกหลืบต่าง ๆ ก็ทำได้ทั้งหมด
นอกเหนือจากการสำรวจเพื่อหาไอเท็ม ก็ยังมีวัตถุดิบตามธรรมชาติให้เราเก็บด้วย ทั้งผลไม้ ดอกไม้ เห็ด และผีเสื้อ ซึ่งจะนำมาสร้างเป็นไอเท็มแบบต่าง ๆ ได้ แต่ก็คาดว่าไม่น่าจะเป็นระดับที่ถึงกับต้องฟาร์มกันอย่างเอาเป็นเอาตาย ขอเพียงแค่หมั่นเก็บไว้ตอนที่ผ่านทางมาเห็น ก็น่าจะพอใช้ในยามที่ต้องการแล้ว
ส่วนศัตรูที่กระจัดกระจายอยู่ในพื้นที่ก็มีอยู่หลากดีไซน์ ไม่ว่าจะเป็นอัศวินบนหลังม้า, ยักษ์ที่ถือดาบเป็นอาวุธ รวมไปถึงสัตว์ร้ายที่มีหนวดมากมาย ซึ่งยังไม่ทราบแน่ชัดว่าบรรดาศัตรูเหล่านี้มีที่มาและความเกี่ยวข้องกันอย่างไรบ้าง ในแบบที่ George R. R. Martin วางโครงเรื่องราวเอาไว้
![Elden Ring Preview 13](https://www.gamingdose.com/wp-content/uploads/2021/11/elden-ring-preview-13-1024x576.jpg)
และเมื่อนี่เป็นเกมโลกเปิด, ก็ทำให้ถึงคราวที่ผู้เล่นจะมีแผนที่ไว้ดูได้เสียที ซึ่งก็ไม่ได้มาเปล่า ๆ เพียงอย่างเดียว แต่ยังมาพร้อมระบบ Fast Travel ให้วาร์ปไปมาได้แล้วระหว่างแต่ละจุดเซฟ ซึ่งแม้ว่ามันจะฟังดูเป็นสิ่งใหม่สำหรับเกมของ FromSoftware แต่จริง ๆ ระบบดังกล่าวก็เป็นอะไรที่ควรจะต้องมีอยู่แล้วเป็นธรรมดาสำหรับเกมแนวนี้
ในระหว่างสำรวจ ตัวละครผู้เล่นจะพกขวดน้ำอมฤตติดตัวเอาไว้ เพื่อใช้ฟื้นฟูเลือดและค่าโฟกัส (มานา) ซึ่งจะมีจำนวนจำกัด ตรงนี้ผู้เล่นก็ไม่ต้องกังวลว่าจะทำให้ต้องย้อนกลับมาเติมยาที่จุดเซฟบ่อย ๆ เพราะทีมงานจะออกแบบให้มีศัตรูอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม ๆ ประมาณกลุ่มละ 3-4 ตัว โดยหากผู้เล่นสามารถจัดการพวกมันได้ทั้งหมด ก็จะได้รับจำนวนการใช้ยาฟื้นฟูกลับคืนมา ช่วยให้อุ่นใจ สำรวจได้นานขึ้นกว่าเดิมนั่นเอง
ระบบอัญเชิญภูต, สกิลติดอาวุธ และการขี่ม้า
![Elden Ring Preview 8](https://www.gamingdose.com/wp-content/uploads/2021/11/elden-ring-preview-8-1024x576.jpg)
เมื่อถึงจังหวะที่ต้องรับมือกับศัตรูจำนวนมาก คราวนี้เราไม่จำเป็นจะต้องหลอกล่อมันออกมาทีละตัวอีกแล้ว เพราะใน Elden Ring มีตัวช่วยให้ Gameplay ง่ายขึ้นอยู่มากมายเลยทีเดียว
อย่างแรกคือระบบอัญเชิญภูตมาร่วมต่อสู้ ซึ่งถ้าศัตรูไม่ได้แข็งแกร่งมากจนเกินไปนัก ระบบนี้ก็จะช่วยชีวิตเราได้เยอะมากจริง ๆ เพราะมันดึงดูดความสนใจให้ศัตรูไม่เล็งมาที่เราตลอดเวลา แต่หันไปสู้กับภูตพวกนี้ด้วย
ภูตในเกมมีให้เลือกใช้หลากหลาย บ้างก็เป็นนักเวทย์สุดแข็งแกร่งเพียงตนเดียว บ้างก็มากันเป็นหมู่คณะ ซึ่งถ้าอัญเชิญพวกมันออกไปสู้กับศัตรูในจำนวนพอ ๆ กัน ก็จะเป็นภาพที่ดูวุ่นวายและแปลกตาอยู่ไม่น้อย
อีกหนึ่งตัวช่วยสำคัญ ก็คือระบบ “เถ้าสงคราม” (Ash of War) ที่ผู้เล่นสามารถติดตั้งสกิลลงไปในอาวุธได้เอง ทำให้เกมมีลูกเล่นการต่อสู้เยอะขึ้น ขณะเดียวกันก็ทำให้เราไม่ต้องมาคอยชั่งใจว่าจะเลือกใช้อาวุธชิ้นไหนดี เพราะคราวนี้ขอแค่ดูอาวุธที่มี Moveset ถูกใจ และดูค่าสเตตัสอาวุธไว้ก็เพียงพอแล้ว จากนั้นก็ตามหาสกิลที่น่าสนใจมาติดตั้งลงไป
![Elden Ring Preview 14](https://www.gamingdose.com/wp-content/uploads/2021/11/elden-ring-preview-14-1024x576.jpg)
สกิลติดอาวุธเหล่านี้มีความเฉพาะตัวสูงมาก แต่ละแบบมีเอฟเฟคต์เป็นเวทมนตร์นานาชนิด บางท่าจะทำให้ผู้เล่นสามารถเสกสายฟ้าฟาดจากดาบได้ บางท่าก็เป็นบัฟธาตุให้ตัวดาบ ซึ่งเราสามารถเลือกใช้ให้เหมาะสม เพื่อเสริมจุดอ่อนให้กับอาวุธที่ใช้ได้ตามสถานการณ์
ปิดท้ายกันด้วยไฮไลต์สำคัญที่เปลี่ยนโฉม Gameplay ของ Elden Ring ให้สนุกขึ้นยิ่งกว่าเดิม ก็คือการขี่เจ้า “Torrent”, ม้าคู่ใจออกตระเวณไปทั่วดินแดนด้วยความรวดเร็ว ซึ่งตัวม้าสามารถพุ่งหลบการโจมตีได้ (แทนการกลิ้งหลบปกติ), กระโดดได้สองจังหวะ และยังช่วยให้ต่อสู้ได้อย่างทรงประสิทธิภาพขึ้นด้วย
![Elden Ring Preview 6](https://www.gamingdose.com/wp-content/uploads/2021/11/elden-ring-preview-6-1024x576.jpg)
ขณะที่ผู้เล่นขี่ม้า จะทำให้การสู้กับศัตรูจำนวนมาก ๆ กลายเป็นของง่ายไปเลย จากการเคลื่อนที่อันรวดเร็ว เปิดโอกาสให้ ‘Hit and Run’ ไล่เก็บศัตรูได้เรื่อย ๆ โดยไม่ต้องกังวลว่าจะเจ็บตัวมากนัก เนื่องจากส่วนใหญ่แล้วถ้าโดนอะไร ก็จะโดนที่ตัวม้าก่อน ยกเว้นบางท่าการโจมตีที่ต้องระวังเอาไว้นิดหนึ่ง เพราะจะกระแทกให้ตัวเราตกจากหลังม้าได้
ไม่เพียงแค่ทำให้ Gameplay สนุกขึ้น, แต่สำหรับบอสบางตัวก็จะสู้จากบนหลังม้าแล้วสะดวกกว่า ทั้งยังได้ความรู้สึกร่วมมากกว่าอีกด้วย เพราะคราวนี้เราไม่ได้เป็นแค่คนเดินดิน กลิ้งหลบท่าโจมตีบอสไปแบบเปื่อย ๆ อีกต่อไปแล้ว
ทั้งนี้ก็มีข้อจำกัดนิดหน่อย คือผู้เล่นสามารถขี่ม้าได้เฉพาะพื้นที่ด้านนอกเท่านั้น ในดันเจี้ยนก็ยังบังคับให้เราต้องเดินเท้าเหมือนเดิม ซึ่งตรงนี้ก็เชื่อว่าหลายคนน่าจะเข้าใจได้ เพราะไม่อย่างนั้นแล้วทีมงานก็คงจะออกแบบบอสไฟต์มาได้ไม่หลากหลายเท่าไร และจะกลายเป็น ‘เกมจังหวะเร็ว’ ที่ผู้เล่นต้องสู้แบบพึ่งพาม้าในทุก ๆ ครั้งไปโดยใช่เหตุ
นอกเหนือจาก 3 ระบบดังกล่าว, ใน Elden Ring ก็ยังมีอีกหลายตัวช่วยอันยิบย่อย ทั้งระบบเสริมพลังให้โล่, ขวดน้ำอมฤตที่สามารถนำมาใส่เอฟเฟคต์พิเศษได้ (เช่น เพิ่มค่า Stamina สูงสุดชั่วคราว) ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็จะส่งผลให้เกิดเป็น Build ตัวละครได้หลากหลายยิ่งขึ้นกว่าเดิม
ปรับปรุงประสบการณ์ให้ดีขึ้น
![Elden Ring Preview 15 1](https://www.gamingdose.com/wp-content/uploads/2021/11/elden-ring-preview-15-1-1024x541.jpg)
แม้ว่าองค์ประกอบพื้นฐานหลาย ๆ อย่างของเกมนี้ จะถูกยกมาจากเกมตระกูล Souls เป็นส่วนใหญ่ แต่มันก็คือระบบที่ถูกปรับปรุงให้เป็นมิตร ทันสมัย และทำให้ได้รับประสบการณ์การเล่นที่ดียิ่งกว่าทุก ๆ ครั้งที่ผ่านมา
อย่างแรกที่เห็นได้ชัดเจนเลยว่าดีขึ้นกว่าเก่า ก็หนีไม่พ้นระบบจุดเซฟ (Bonfire) ซึ่งใน Elden Ring จะใช้ชื่อว่า “Lost Grace” และเพิ่มฟังก์ชันที่ทำให้ตัวจุดเซฟสามารถ “บอกทาง” แบบอ้อม ๆ ได้ ว่าผู้เล่นควรจะต้องมุ่งไปในทิศใดเพื่อทำให้เนื้อเรื่องหลักดำเนินต่อ
![Elden Ring Preview 12](https://www.gamingdose.com/wp-content/uploads/2021/11/elden-ring-preview-12-1024x576.jpg)
นอกจากนี้ ตัวเกมก็ยังปลดล็อคการต่อสู้ ให้มีโอกาสเจอกับสถานการณ์ที่หลากหลาย อันสืบเนื่องจากที่เราจะได้สู้บอสในฉากโลกเปิดขนาดใหญ่ จึงสามารถใช้ภูมิประเทศให้เป็นประโยชน์ได้
ตัวอย่างเช่นในตอนที่ต้องปะทะกับบอส Flying Dragon Agheel ก็มีอิสระในการต่อสู้อยู่มากพอสมควร บางคนอาจจะลองหลอกล่อบอสไปสู้บนพื้นที่ต่างระดับ จะได้หลบท่าพ่นไฟง่าย ๆ, ล่อไปใกล้ ๆ กลุ่มศัตรูตัวเล็กตัวน้อย ให้มังกรช่วยฆ่าพวกมันเพื่อเอาจำนวนยาฟื้นฟูมาเพิ่มฟรี ๆ หรือแม้กระทั่งบางคนก็ถึงขนาดว่าเจอบั๊ก ทำให้ลากบอสมังกรมาตกเหวตายเองก็ยังมี
![Elden Ring Preview 16](https://www.gamingdose.com/wp-content/uploads/2021/11/elden-ring-preview-16-1024x541.jpg)
ซึ่งจุดนี้เองก็เป็นจุดที่ผู้เขียนคิดผิดถนัด เพราะเคยเดาว่ามังกรตัวนี้จะมีความสำคัญแค่เป็นมินิบอสประดับฉาก ที่จะสู้หรือข้ามไปก่อนก็ได้เหมือนอย่าง Hellkite Dragon ใน Dark Souls หรือ Red Dragon ใน Demon’s Souls แต่พอเอาเข้าจริงแล้วมันดันกลายมาเป็นไฟต์ที่สนุกที่สุดสำหรับช่วงทดสอบไปเลย ในซีนขี่ม้าต่อสู้เท่ ๆ แหกกรอบบอสไฟต์แบบเดิม ๆ ไปไกลจากที่เคยเป็น
ในด้านประสิทธิภาพ, ด้วยความที่มันยังไม่ใช่ตัวเกมฉบับเต็ม จึงพบจังหวะที่มีอาการเฟรมตกอยู่บ่อยครั้งมากจากการทดลองเล่นบน PlayStation 5 (โดยเฉพาะในตอนที่สู้กับบอส) แต่สำหรับความเร็วการโหลดแผนที่ก็ยังต้องบอกว่าน่าประทับใจ เพราะการ Fast Travel แต่ละครั้งจะใช้เวลาเพียงไม่ถึง 10 วินาที ดึงประสิทธิภาพตัวเครื่องคอนโซลมาใช้ได้ดีเยี่ยมทีเดียวสำหรับเกมแนวโลกเปิดแบบนี้
ส่วนสภาพแวดล้อมที่ปรากฏใน Elden Ring ตรงนี้เราบอกได้เพียงแค่ว่าจะไม่มีส่วนไหนที่ทำให้คุณผิดหวัง เพราะทีมงานให้ความใส่ใจกับทุก ๆ องค์ประกอบ ขนาดแค่น้ำที่หยดจากเพดานถ้ำ ก็ตั้งใจทำให้มันมีการกระเพื่อมที่สมจริง รวมถึงบรรดากล่องไม้ ไหดินเผา และพร็อพฯ ประกอบฉาก ก็ยังเก็บงานละเอียดในทุกด้านทุกมุม (และแน่นอนว่ากลิ้งทับให้พังราบได้เหมือนเดิม)
ปิดท้ายด้วยระบบที่ขาดไปไม่ได้เลย ก็คือข้อความที่เขียนอยู่ตามพื้น ซึ่งใครที่เล่นเกมตระกูล Souls มาก่อนจะทราบดีว่ามันเป็นข้อความที่ผู้เล่นจะต้องแต่งประโยคจากชุดคำที่มีให้เลือกใช้เท่านั้น (พิมพ์เองไม่ได้)
แต่ที่ล้ำกว่าคือใน Elden Ring, ข้อความพวกนี้จะถูกแปลเป็นภาษาไทยด้วย แบบที่ยังอ่านแล้วเข้าใจ มีการผสมคำ เชื่อมคำได้ไม่น่าเกลียดอย่างที่คิด ซึ่งก็ถือว่าทีมงานทำการบ้านมาดี และชวนให้เราอยากปรับเป็นภาษาไทยไปตลอดทั้งการเล่นเลยอย่างไม่ต้องกังวลอะไรมากนัก
และนี่คืออีกหนึ่งเกมฟอร์มยักษ์ ที่น่าจับตามองในปี 2022
![Elden Ring Preview 5](https://www.gamingdose.com/wp-content/uploads/2021/11/elden-ring-preview-5-1024x576.jpg)
เห็นว่าเนื้อหาอัดแน่น แกรนด์โอเพ่นนิ่งกันขนาดนี้ แต่จริง ๆ แล้วพื้นที่ที่เปิดมาให้ได้ทดสอบก็เป็นแค่ส่วนเล็ก ๆ ส่วนเดียวเท่านั้นจากทั้งหมด 6 อาณาเขตในดินแดนมัชฌิมา
โดยแฟน ๆ บางกลุ่มก็ตั้งข้อสงสัยว่าลักษณะแผนที่ในเกม อาจจะเป็นรูปวงแหวนห้อมล้อมต้นไม้ Erdtree อยู่ ซึ่งหากทฤษฎีนี้เป็นจริงก็รับรองเลยว่าได้ควบม้ากันจนเหนื่อยแน่นอน กว่าจะสำรวจจนทั่วถึง
ณ จุดนี้ – ไม่มีคำไหนจะอธิบาย Elden Ring ได้ดีไปกว่าคำว่า “หมดห่วง” แล้วจริง ๆ เพราะจากเนื้อหา, ความประณีต และงานออกแบบที่ได้เห็นในช่วงทดสอบ ทำให้มั่นใจมากขึ้นเยอะแล้วว่าเมื่อถึงเวลาวางจำหน่าย เหล่าเกมเมอร์ก็จะได้รับความสนุกสมอย่างที่รอคอยกันมานานหลายปี
Elden Ring จะวางจำหน่ายในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2022 ลงให้ทั้ง PlayStation 5, PlayStation 4, Xbox Series X|S, Xbox One และ PC ซึ่งก็จะรองรับทั้งซับไตเติลภาษาไทย และเมนูภาษาไทยอย่างเต็มรูปแบบ
สำหรับตัวเกมบนหน้าร้านค้า Steam เปิดราคาเริ่มต้นมาที่ 1,490 บาท ผู้ที่สนใจก็สามารถเข้าไปสั่งจองล่วงหน้ากันได้ที่ : https://store.steampowered.com/app/1245620/ELDEN_RING