BY Nattapit Arsirawatvanit
9 Apr 19 2:06 pm

เชิญมาร่วมการต่อสู้เพื่อดี.ซี.ใน “Tidal Basin” อัปเดตคอนเทนต์ตัวแรกหลักวางจำหน่ายของเกม Tom Clancy’s The Division® 2 ที่พร้อมให้เล่นแล้ววันนี้

5 Views

การรุกรานครั้งใหม่เริ่มต้นด้วย “Tidal Basin” ซึ่งเป็นอัปเดตแรกหลังวางจำหน่ายของเกม Tom Clancy’s The Division® 2 บนเครื่องตระกูล Xbox One รวมถึง Xbox One X, PlayStation®4 และ Windows PC  โดย “Tidal Basin” เป็นส่วนหนึ่งของ Invasion: Battle for D.C.” ที่จะเป็นอัปเดตตัวแรกหลังวางจำหน่ายเกมและเปิดให้เล่นกันฟรี ๆ และยังมาพร้อม “Operation Dark Hours” (ปฏิบัติการชั่วโมงทมิฬ) โหมด raid แบบ 8 ผู้เล่นเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของ The Division และยังมี Specialization (ทักษะพิเศษ) ใหม่ล่าสุดด้วย

ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายสร้างเกมแบบคำนึงถึงคอนเทนต์หลังจบเกมมาเป็นอันดับแรกใน Tom Clancy’s The Division 2 นี่เอง จึงทำให้ ”Invasion: Battle for D.C.” ส่งมอบความท้าทายและคอนเทนต์ใหม่ ๆ ให้คุณ:

  • ผู้เล่นจะได้พบความท้าทายใหม่ใน Tidal Basin อันเป็นฐานที่มั่นใหม่ของขุมกำลัง Black Tusk โดยที่ Tidal Basin ได้กลายเป็นสถานที่ซึ่งเต็มไปด้วยศัตรูที่แข็งแกร่งที่สุดของเกม และพวกมันจะไม่ยอมตายง่าย ๆ แน่นอน
  • ภายหลังจากเคลียร์ฐานที่มั่นอย่าง Tidal Basin ได้แล้ว ผู้เล่นจะได้ขยับไปยัง World Tier 5 และปลดล็อกค่าอุปกรณ์ให้สูงถึงระดับ 450-500 ได้เลย
  • “Invasion: Battle for D.C.” ยังมีการเพิ่มเติมระดับความยาก Heroic เข้ามาด้วย ทำให้เกมเพลย์ท้าทายที่สุดเท่าที่เคยมีมา
  • เมื่อไปถึง World Tier 5 แล้ว จะเกิดเหตุการณ์รุกรานรายสัปดาห์ขึ้น ที่ซึ่งเหล่า Black Tusk จะเข้ามาควบคุมพื้นที่ในภารกิจหลักและฐานที่มั่นต่าง ๆ ในเมือง แน่นอนว่ากิจกรรมต่าง ๆ เหล่านี้จะยากขึ้นแต่รางวัลที่จะได้ก็จะดีขึ้นเช่นกัน
  • ผู้เล่นจะสามารถเพลิดเพลินไปกับอาวุธใหม่ระดับ exotic สองชนิดนั่นคือ Pestilence และ Nemesis รวมถึงเซ็ตอุปกรณ์ใหม่สามเซ็ต: True Patriot, Hardwired และ Ongoing Directive.
  • ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของอัปเดตนี้ ผู้เล่นทุกคนจะได้เข้าถึงฉาก PVP ใหม่ที่ชื่อ Fort McNair
  • อีเวนต์ใหม่ Invasion Apparel ที่จะให้ผู้เล่นได้เก็บสะสมชุดต่าง ๆ ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากขุมกำลังของศัตรู รวมถึงหน้ากากใหม่และลวดลายอาวุธใหม่ ๆ
  • Operation Dark Hours (ปฏิบัติการชั่วโมงทมิฬ) จะเป็นความท้าทายที่โหดหินที่สุด: เพราะนี่คือโหมด raid แบบ 8 ผู้เล่นที่จะทดสอบทีมเวิร์คแม้ว่าคุณจะเป็นเอเย่นต์มากประสบการณ์ก็ตาม พร้อมให้เล่น 25 เมษายนนี้
  • ในอัปเดตต่อ ๆ ไป เอเย่นต์จะมีโอกาสได้ปลดล็อกทักษะพิเศษใหม่ด้วย

แม้ว่า “Invasion: Battle for D.C.” จะเป็นคอนเทนต์ฟรีชุดแรกที่ส่งมอบให้แก่ผู้เล่นในฐานะที่เป็นอัปเดตปี 1 หลังเกมวางจำหน่ายก็ตาม แต่เอเย่นต์สามารถรอคอยคอนเทนต์ดังกล่าวต่อไปนี้ได้ภายในปีนี้:

  • บทที่ 1, D.C. Outskirts: Expeditions, พร้อมให้เล่นในฤดูร้อนปี 2562 นี้ ซึ่งจะพาผู้เล่นไปยังบริเวณพื้นที่ใกล้เคียงของวอชิงตันเพื่อต่อสู้และปลดปล่อยเมืองให้เป็นอิสระในภารกิจหลักอีก 2 ภารกิจ และยังมีโหมดเกมใหม่ให้คุณได้ออกค้นหาชะตากรรมของขบวนรถที่สาบสูญ และจะได้พบกับภัยที่คาดไม่ถึงในระหว่างทาง;
  • บทที่ 2: Pentagon: The Last Castle, พร้อมให้เล่นในฤดูใบไม้ร่วง 2562 นี้ จะมีภารกิจหลักให้เล่นเพิ่ม โดยผู้เล่นจะได้บุกตะลุย Pentagon เพื่อเปิดโปงความลับที่ซุกซ่อนอยู่ภายใต้หนึ่งในสถานที่อันเป็นเอกลักษณ์ที่สุดของอเมริกา;
  • บทที่ 3, พร้อมให้เล่นในฤดูหนาว 2562 อันจะเป็นการปิดฉากเนื้อหาชุดแรกของ The Division 2 และเปิดทางให้แก่คอนเทนต์ใหม่ ๆ ต่อไปในอนาคต

Tom Clancy’s The Division 2 ถูกพัฒนาโดยมี Massive Entertainment เป็นผู้นำ ร่วมมือกับสตูดิโออีก 7 แห่ง ทั่วโลก* และเป็นอีกขั้นหนึ่งของวิวัฒนาการเกมยิงแนวสวมบทบาทออนไลน์แบบโอเพนเวิลด์ที่เกมภาคแรกได้สถาปนาไว้ ฉากในภาคนี้เกิดขึ้นเจ็ดเดือนหลังจากไวรัสอันตรายได้แพร่ระบาดในกรุงนิวยอร์ก Tom Clancy’s The Division 2 จะนำพาผู้เล่นเข้าไปสู่วอชิงตัน ดี.ซี. ที่ล่มสลายและแตกแยก โลกได้อยู่บนขอบเหวหายนะ ผู้คนได้เผชิญหน้ากับวิกฤติครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ ในฐานะเอเย่นต์ผู้มีประสบการณ์ ผู้เล่นคือความหวังสุดท้ายที่จะเผชิญหน้ากับความแตกสลายโดยสิ้นเชิงของสังคม เมื่อเหล่าศัตรูฝ่ายต่าง ๆ พยายามจะยึดครองเมือง หากสูญเสียวอชิงตัน ดี.ซี. แล้ว ทั้งประเทศก็จะพบความวิบัติ นี่คือเกมที่ใช้เวลาสร้างกว่าสองปีโดยการฟังเสียงและเรียนรู้จากชุมชนผู้เล่นของ The Division ซึ่ง Tom Clancy’s The Division 2 จะมีโหมดเนื้อเรื่องที่ดำเนินเรื่องลื่นไหลไปสู่ช่วงจบเกมอย่างเป็นธรรมชาติ เพื่อสร้างประสบการณ์อันสอดคล้องและมีความหมายให้ผู้เล่นทุกประเภท

Nattapit Arsirawatvanit

มาร์ค - Senior Content Writer

Back to top