อีกหนึ่งผลการศึกษาจากมหาวิทยาลัย Steton ชี้ความรุนแรงในวิดีโอเกมส์ไม่มีผลต่อการเพิ่มขึ้นของความรุนแรงและอาชญากรรม
Grand Theft Auto V
เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Villanova และ Rutgers ประเทศสหรัฐอเมริกาได้เปิดเผยข้อมูลการศึกษาเชิงลึกว่าความรุนแรงในวิดีโอเกมส์ไม่ได้ส่งผลต่อพฤติกรรมความรุนแรง มาวันนี้ Christopher Ferguson นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Steton ได้ให้ข้อมูลที่สรุปไปในทิศทางเดียวกัน โดยเขาได้ให้เหตุผลว่าไม่พบหลักฐานในการเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกันระหว่างความรุนแรงในวิดีโอเกมส์หรือภาพยนตร์กับพฤติกรรมความรุนแรง
แต่จากรายงานที่เขาได้สรุปออกมาทำให้เราได้เห็นข้อมูลเพิ่มเติมว่าการเพิ่มขึ้นของความรุนแรงในวิดีโอเกมส์นั้นเกี่ยวข้องกับการลดจำนวนลงของพฤติกรรมก้าวร้าวของเยาวชนอีกด้วย
จากการศึกษาข้อมูลชุดแรก Ferguson ได้เปรียบเทียบข้อมูลการฆาตกรรมในปี 1920 ถึง 2005 โดยนำมาเทียบกับจำนวนและการเจริญเติบโตของความรุนแรงในภาพยนตร์ เขาพบว่ามีการเชื่อมโยงเพียงเล็กน้อยโดยในช่วงยุค 90 นั้นภาพยนตร์ยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับอัตราการเกิดอาชญากรรมแต่ก็ลดลงตามลำดับ
ในส่วนของการศึกษาข้อมูลชุดที่สอง Ferguson ได้นำข้อมูลจาก ESRB ตั้งแต่ในช่วง 1996 – 2011 มาเปรียบเทียบกับข้อมูลอาชญากรรมของเยาวชนจากรัฐบาลกลางในช่วงระยะเวลาเดียวกัน สิ่งที่เขาค้นพบคือการที่เด็กได้รับและเสพสื่อเกมส์ที่มีความรุนแรงเพิ่มขึ้นนั้นกลับทำให้การเกิดอาชญากรรมหรือความรุนแรงของเด็กลดลง
แต่ถึงอย่างไรก็ตามตัว Ferguson เองก็ได้ย้ำอีกครั้งว่าการศึกษาข้อมูลครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงโอกาสที่จะก่ออาชญากรรมที่ลดลงเท่านั้น ไม่ได้หมายความว่าการสร้างเกมที่มีความรุนแรงมากขึ้นจะทำให้โลกปลอดภัยมากขึ้นแต่อย่างใด
“การที่เรามองตัวการของปัญหาแบบผิดๆนั้นถือเป็นความเสี่ยงรูปแบบหนึ่ง เช่นการมองว่าสื่อบันเทิงเป็นตัวการของการเกิดอาชญากรรมทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วยังมีตัวแปรที่สำคัญกว่าอย่างเช่นความยากจน , การศึกษา , ความไม่เท่าเทียมและปัญหาทางจิต การศึกษาข้อมูลในครั้งนี้อาจช่วยให้สังคมพุ่งเป้าไปที่ตัวการของปัญหาอาชญากรรมได้ดียิ่งขึ้นและเป็นการลดการใช้ทรัพยากรในการแก้ปัญหาอย่างไร้ประโยชน์”
– Christopher Ferguson นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Steton
อย่างไรก็ตามการศึกษาข้อมูลนี้ไม่สามารถนำมาใช้เป็นบทสรุปของปัญหาความรุนแรงได้นะครับ ทาง GamingDose เองก็ขอให้เกมเมอร์อ่านแบบมีวิจารณญานในการรับชมนะครับผมเพราะในต่างประเทศเองก็มักจะมีนักวิจัยไม่น้อยที่ออกมาแสดงผลการศึกษาที่ไปในทิศทางที่ตรงกันข้ามซึ่งก็อาจเป็นไปได้ว่าแต่ละฝ่ายมีการตั้งธงผลสำรวจในแบบที่ตัวเองต้องการและนำสิ่งต่างๆมาประกอบกันเพื่อสนับสนุนเหตุผลของตนครับผม
