แม้จะไม่ใช่ภาคสามอย่างเป็นทางการ แต่ทีมงานและผู้กำกับเกมรู้สึกกับตัวเกมราวกับเป็นภาคต่ออย่างแท้จริง
Tymon Smektała ผู้กำกับเกม Dying Light: The Beast เปิดเผยกับทาง Gamesradar+ เกี่ยวกับการพัฒนาเกมและการสร้างภาคต่อ โดยเขามองว่า Dying Light ภาคแรกคือเกมที่เป็นแก่นของชุมชนผู้เล่น ด้วยความที่มันเป็นเกม Hardcore Survival Horror แบบ Open World ที่ต้องอาศัยทักษะการเอาตัวรอดขั้นสูง ส่วน Dying Light 2 เขามองว่า แม้มันจะประสบความสำเร็จในแง่ของการตลาด แต่มันก็สูญเสียตัวตนที่เคยมีไปในหลาย ๆ ด้านเช่นกัน
และสำหรับ Dying Light: The Beast นั้น ถึงจะเป็นเกมแบบ Standalone แต่ก็เป็นแค่ส่วนเสริมที่ไม่ใช่ภาคต่อแต่อย่างใด ถึงกระนั้น คุณ Tymon ก็ยังรู้สึกว่านี่คือเกมภาคสามสำหรับเขาและทีมงาน
“สำหรับพวกเรา มันเหมือนกับเป็น Dying Light 3” เขากล่าว “ถึงมันจะไม่ได้นำเสนออะไรใหม่ ๆ มากพอที่จะเป็นเกมภาคต่อสำหรับซีรีส์นี้ได้เลย แต่มันก็มีเนื้อหาในเกมเยอะมากพอที่จะเป็นเกม AAA ได้ก็ตาม”
อีกเรื่องที่น่าสนใจจากการสัมภาษณ์ก็คือการคานสมดุลของอาวุธปืนในเกม ซึ่งทางทีมงานได้รับ Feedback จากผู้เล่นมากมายเกี่ยวกับการใช้อาวุธปืน ซึ่งคุณ Tymon กล่าวติดตลกในเรื่องนี้ว่า ถ้าหากตัวเกมกับการใช้อาวุธปืนเป็นผู้ใช้งานบน Facebook ความสัมพันธ์ของทั้งสองอย่างนี้คงเป็นประเภทแบบ “ค่อนข้างซับซ้อน: แน่นอน
คุณ Tymon บอกว่า ในภาคแรกนั้นผู้เล่นบอกว่าจะใส่อาวุธปืนเข้ามาทำไมกัน นี่มันเกมเน้นการต่อสู้ในระยะประชิดนะ แต่พอเป็นเกมภาคที่สองที่มีการปรับเปลี่ยนเอาอาวุธปืนออก ก็มีผู้เล่นบอกว่า “อ้าว ไม่เห็นมีปืนให้ใช้เลย” ซึ่งในอนาคต Dying Light 2 จะมีการอัปเดตเพิ่มอาวุธปืนเข้าไปในเกมด้วย
และสำหรับ Dying Light: The Beast คุณ Tymon มองว่า เกมนี้คงเป็นจุดลงตัวสำหรับอาวุธทั้งสองฝั่งแล้ว ซึ่งก็จะมีอาวุธปืนให้ใช้งาน แต่ก็ไม่ลืมใส่ใจในระบบการต่อสู้ระยะประชิดด้วย และทั้งสองอย่างต้องมีการปรับสมดุลเพื่อไม่ให้มันทรงพลังจนเกินไปด้วย
Dying Light: The Beast วางจำหน่ายในวันที่ 22 สิงหาคมนี้ บนระบบ PS4, PS5, Xbox One, Xbox Series X|S และ PC
