Two Point Museum กลับมาอีกครั้งใน DLC ล่าสุด กับ Two Point Museum: Zooseum คราวนี้ไม่ได้จัดแสดงฟอสซิล ของเก่า หรือวัตถุโบราณอีกต่อไป แต่เป็นการพา “สารพัดสัตว์สุดฮา” เข้ามาอยู่ในพื้นที่ที่ปกติควรเป็นพิพิธภัณฑ์เงียบ ๆ ผลลัพธ์จึงกลายเป็นสวนสัตว์ในร่มที่เต็มไปด้วยความฮาและความวุ่นวาย สไตล์ Two Point ที่แฟน ๆ คุ้นเคย และบอกเลยว่านี่จะเป็น DLC ที่ยกระดับเกมหลักที่ยอดเยี่ยมอยู่แล้วขึ้นไปอีกขั้น
ใน DLC นี้ผู้เล่นจะได้ออกสำรวจพื้นที่ใหม่ Farflung Isles ออกสำรวจเพื่อนำสัตว์กลับมาสร้างนิทรรศการแบบสด ๆ ใน Silverbottom Park Museum พื้นที่พิพิธภัณฑ์ใหม่ของ DLC
โดยรวมแล้วบรรยากาศความฮา ความสนุกยังอยู่ครบ เครื่องมือการบริหารจัดการยังดูดเวลาชวนให้เล่นแบบเพลิน ๆ เหมือนเคย และความปั่นป่วนอลเวงก็ยิ่งทวีคูณเพราะคราวนี้เราต้องดูแลเหล่าสารพัดสัตว์ไม่ใช่แค่ดูแลของเก่าของหายากอีกต่อไป
Gameplay ระบบจัดแสดงสัตว์ที่น่ารักสุด ๆ
Zooseum ยังมี Gameplay การเล่นหลักเหมือนเดิม ผู้เล่นต้องดูแลพิพิธภัณฑ์ (ซึ่งครั้งนี้กลายเป็นสวนสัตว์) ในทุกภาคส่วน ออกแบบการจัดแสดง ดูแลความพอใจของคนที่มาเยี่ยมชม จัดการพนักงานของเรา และครั้งนี้ที่เพิ่มเข้ามาก็คือการดูแลเหล่า “สัตว์” ที่ต้องเข้ามาอยู่ในพิพิธภัณฑ์
ซึ่งการได้มาของสัตว์ต่าง ๆ จะใช้รูปแบบเดิมคือการออกสำรวจ Farflung Isles ซึ่งแทนที่จะได้ของเก่าแต่คราวนี้เราจะได้สัตว์ต่าง ๆ กลับมาดูแล
ใน DLC นี้เราจะได้ใช้พื้นที่ในพิพิธภัณฑ์ใหม่ที่หลายคนรอคอยกันมานาน โดยตัวระบบใหม่จริง ๆ ในภาคนี้คือการจัดแสดงสัตว์ที่เหล่าช่วยเหลือมา ตัวเกมแบ่งพื้นที่จัดแสดงออกเป็นสองแบบหลัก ได้แก่ Terrariums สำหรับสัตว์ขนาดเล็ก และ Habitats สำหรับสัตว์ขนาดใหญ่

สัตว์แต่ละชนิดจะมาพร้อมนิสัยเฉพาะตัว ต้องการสภาพแวดล้อมแบบเฉพาะ เช่น ป่าดิบ หรือ ทะเลทราย เราต้องจัดการความ ความหนาแน่นของพุ่มไม้ ปรับการออกแบบพื้นที่ให้เหล่าสัตว์นั้นพอใจ
สัตว์จาก Farflung Isles มักมีปัญหาเฉพาะตัว บางตัวติดโรค Farflung Flu ทำให้ไม่พร้อมจัดแสดงและต้องส่งไปรักษาก่อน บางตัวต้องการพื้นที่เฉพาะเจาะจง ทำให้ผู้เล่นต้องปรับแต่งพื้นที่เพื่อรองรับพฤติกรรมของสัตว์แต่ละชนิด
(คำเตือน !! อย่าเอาสัตว์กินพืชกับกินเนื้อไปอยู่ด้วยกัน)
ตัวเกมยังมีระบบการรับดูแลสัตว์และปล่อยพวกมันกลับคืนสู่พื้นที่ในธรรมชาติ ซึ่งการดูแลสัตว์จนแข็งแรงและปล่อยมันกลับสู่ป่าจะทำให้เราได้แต้มเพื่อใช้ไปรับสัตว์ที่เราเลือกมาเลี้ยงในสวนสัตว์ของเรา
เรายังสามารถมีส่วนช่วยสัตว์สายพันธุ์หายากใกล้สูญพันธ์ด้วยการ รับมันมาดูแล ช่วยขยายพันธุ์และปล่อยกลับคืนสู่ธรรมชาติเพื่อทำให้สถานะใกล้สูญพันธ์ุนั้นหายไป

ทั้งหมดนี้ทำให้เกมเพลย์เข้มข้นขึ้นในระดับนึง เนื่องจากผู้เล่นต้องจัดการทั้งสัตว์ ทีมงานผู้เชี่ยวชาญระบบ Workshop การสร้างตู้จัดแสดง และปริมาณผู้เข้าชมไปพร้อมกัน
การสร้าง Terrarium หรือ Habitat ต้องใช้เวลาและทรัพยากรที่ Workshop ซึ่งกลายเป็นส่วนสำคัญใน DLC ใหม่นี้ เมื่อสัตว์เพิ่มจำนวนมากขึ้น เมื่อคุณขยายสวนสัตว์ของคุณให้ใหญ่ยิ่งขึ้น คุณจะพบว่า อาหารไม่เพียงพอ พื้นที่แสดงไม่พอ หรือผู้ชมบ่นเพราะไม่ได้เห็นสัตว์ที่อยากดู
การย้ายสัตว์หรือปรับพื้นที่จัดแสดงยังอาจทำให้เกิดปัญหาลูกโซ่อื่น ๆ ตามมา ทำให้ Zooseum เป็น DLC ที่ผู้เล่นต้องดูแลจับตาดูรายละเอียดอย่างใกล้ชิดมากกว่าที่ผ่านมา แน่นอนว่าตัวเกมก็ไม่ได้เน้นความยากถึงขั้นเกมบริหารเต็มสูตรแต่ก็ท้าทายมากขึ้นแน่ ๆ
ถ้าจะมีจุดสังเกตให้พูดถึงก็น่าจะเป็นเรื่องการบริหารจัดการสัตว์ ซึ่งใครที่คาดหวังว่าจะได้เห็นการดูแลสัตว์ที่ลึกซึ้งก็อาจจะผิดหวังในส่วนนี้ ต้องบอกก่อนว่ารูปแบบการเล่นและการนำเสนอของ Zooseum เน้นไปที่ความเรียบง่าย พวกความต้องการของสัตว์แม้จะเป็นระบบใหม่ที่ถูกเพิ่มเข้ามาแต่ก็ไม่ได้ลึกหรือมีรายละเอียดเทียบเท่ากับเกมบริหารจัดการสวนสัตว์เต็ม ๆ ได้โดยตรง

PRESENTATION เนื้อเรื่องหลักสั้นไปนิดแต่ความฮายังเหมือนเดิม
แคมเปญเนื้อเรื่องหลักของ Zooseum จะดำเนินไปอย่างรวดเร็ว เนื่องจากหลายภารกิจเกี่ยวข้องกับการดูแลสัตว์ และสัตว์ส่วนใหญ่ถูกส่งมาแบบพร้อมใช้งานโดยไม่ต้องค้นหาเพิ่มเติมหลายรอบ (แม้จะต้องการการดูแลภายหลัง)
อย่างไรก็ตามตัวเกมก็มีบางช่วงที่ชะลอจังหวะลงเมื่อบังคับให้ผู้เล่นย้อนกลับไปเก็บดาวในพิพิธภัณฑ์เดิมเพื่อปลดล็อกภารกิจใหม่ ซึ่งจุดนี้อาจทำให้อารมณ์สนุกของผู้เล่นบางคนสะดุดได้เล็กน้อย
เสียงประกาศและมุกตลกในสไตล์ Two Point ยังคงกลับมาสร้างสีสันได้ดี ความฮาหลัก ๆ ใน DLC นี้ก็จะเกี่ยวกับเหล่าสารพัดสัตว์ที่ถูกออกแบบมาอย่างดี มีทั้งที่เป็นสัตว์จริง ๆ กับเหล่าสัตว์สุดฮา การที่เหล่าสัตว์มีอนิเมชั่นการเคลื่อนไหว ก็ทำให้พวกมัน “ดูสนุก” มีความน่ารักดูมีชีวิตชีวาและสร้างรอยยิ้มได้ตลอดการเล่น
แม้ความสนุกแบบชิล ๆ อาจถูกกลบไปโดยความเข้มข้นของระบบบริหารที่เพิ่มขึ้น แต่โทนโดยรวมของเกมยังคงเน้นความสนุกและความฮาเป็นหลักเหมือนเดิม

PERFORMANCE ประสิทธิภาพยังคงลื่นไหล
โดยรวมแล้ว Zooseum ยังคงลื่นไหลเหมือนเดิมในเกมหลัก แม้ในช่วงท้ายที่ผู้ชมหนาแน่น สวนสัตว์เรามีขนาดใหญ่ขึ้น ผู้คนแห่มาชมกันจำนวนมาก การโหลดแผนที่ใหม่ค่อนข้างใช้เวลามากขึ้นแบบชัดเจน เนื่องจากเกมต้องโหลดพื้นที่ทั้งพิพิธภัณฑ์
ในเวอร์ชันสำหรับรีวิว ผมเจอบั๊กเล็ก ๆ อยู่บ้างเช่นของตกแต่งที่ถูกวางไว้ขยับหรือหายไปหรือขึ้นเตือนว่าถูกวางไว้ผิดตำแหน่ง แต่ก็เป็นปัญหาเล็กน้อยซึ่งน่าจะถูกแก้ไขก่อน DLC นี้วางจำหน่ายจริง
นอกจากนั้นตัวเกมหลักก็มีส่วนที่ถูกปรับปรุงให้ดีขึ้นด้วย ที่เห็นได้ชัดเจนก็คือตัว AI ถูกปรับปรุงใหม่ การจัดการเรื่องเส้นทางการเดิน การทำงานของทีมงาน และการตอบโต้กับสิ่งที่เกิดขึ้นในเกมมีความรวดเร็ว ทำให้การบริหารจัดการลื่นไหลขึ้นเช่นกัน

สรุป
Two Point Museum: Zooseum เป็น DLC ที่ยอดเยี่ยม มันเพิ่มระบบใหม่ที่น่าสนใจให้เกมหลัก การนำสัตว์มีชีวิตเข้ามาสร้างนิทรรศการเปิดช่องให้ผู้เล่นได้ออกแบบพื้นที่รูปแบบใหม่ พร้อมกับรับมือความวุ่นวายที่มากขึ้นเป็นเท่าตัว
จุดเด่นของ Zooseum ก็คงเป็นเหล่าสัตว์ที่มีความน่ารัก ช่วยเพิ่มชีวิตชีวาให้กับโลกของ Two Point ไปอีกขั้น
แม้แคมเปญจะสั้นกว่าที่ผมหวังไว้ แต่โดยรวม Two Point ถือว่าเป็น DLC ที่สนุก สดใหม่ และเต็มไปด้วยเอกลักษณ์ประจำซีรีส์ Two Point
ใครที่ชื่นชอบและสนุกกับเกมการเล่นของ Two Point Museum อยู่แล้ว Zooseum ก็ถือว่าเป็นหนึ่งใน DLC ที่คุณไม่ควรพลาด มันสนุกจนเราอยากให้ทีมงานพัฒนาภาคใหม่เป็นเกมบริหารสวนสัตว์แบบเต็มรูปแบบกันไปเลย
Two Point Museum: Zooseum วางจำหน่ายแล้ววันนี้บนระบบ PC, PlayStation 5, Xbox Series S/X และจะลงให้กับเครื่อง Nintendo Switch 2 ในปี 2026 ครับ












