BY Aisoon Srikum
29 Jul 25 5:43 pm

รีวิว The Precinct

390 Views

ไม่บ่อยนักที่เราจะได้เล่นเกมที่เราต้องปฏิบัติสิ่งที่ถูกต้องอย่างการเป็นตำรวจ และไม่ได้ทำมาแบบเล่น ๆ แต่เป็นแบบจริงจังในระดับหนึ่งเลย เกมนี้จะถ่ายทอดการทำงานและเรื่องราวของสายอาชีพนี้มาได้ดีแค่ไหน เชิญพบกับ The Precinct Review

Story – เมืองแห่งอาชญากรรมและความลับของผู้เป็นพ่อ

Nick Cordell Jr. นายตำรวจหนุ่มหน้าใหม่ไฟแรงที่ถูกบรรจุเข้ามารับราชการที่สำนักงานตำรวจ ACPD ของเมือง Averno ที่นี่คือเมืองที่แม้ภายนอกจะดูดี แต่ภายในกลับเน่าเฟะไปด้วยอาชญากรรม ทั้งที่เกิดขึ้นตามท้องถนน และจากพวกแก๊งต่าง ๆ และที่สำคัญที่สุดเลยคือ หนอนบ่อนไส้หรือตำรวจกังฉินที่่ยังคงแฝงตัวทำงานอยู่ในสำนักงานตำรวจ

และนอกจากจะเข้ามารับหน้าที่ตำรวจใหม่แล้ว สิ่งที่เขายังต้องจัดการก็คือการตามสืบเรื่องราวการตายของพ่อตัวเองที่เกิดขึ้นในขณะที่ปฏิบัติหน้าที่ใน ACPD แห่งนี้ และมันอาจจะเกี่ยวพันกับเรื่องราวของสงครามแก๊งอาชญากรรมที่อาจสาวไปถึงเบื้องหลังอันดำมืดของกรมตำรวจอีกด้วย

การดำเนินเรื่องของ The Precinct นั้น ค่อนข้างน่าติดตาม ส่วนหนึ่งมาจากการเขียนบทที่ชวนให้เราอยากรู้อยากเห็น และสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับ Averno City บ้าง และอีกส่วนมาจากการที่มันถูกจับโยงเข้ากับระบบเกมเพลย์การเล่นอย่างแนบเนียน ผู้เล่นจะไต่เต้าจากนายตำรวจหน้าใหม่ และค่อย ๆ ทำภารกิจ ตรวจตรารักษาความสงบเรียบร้อยของพื้นที่ที่กำหนด และเมื่อได้รับการเลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง เราถึงจะมีสิทธิ์ มีอำนาจในการเข้าไปสอบสวนคดีระดับสูง แน่นอนว่าหนึ่งในนั้น ต้องมีคดีของพ่อตัวเองอยู่ด้วย และต้องร่วมงานกับสายสืบคนอื่น ๆ เพื่อติดตามคดี

ยิ่งเล่นไปมากเท่าไร เรื่่องราวที่ยิ่งเปิดเผยก็ชวนให้เราอยากติดตามต่อ อาจเป็นเพราะว่าไม่บ่อยนักที่เราจะได้เห็นเกมที่ตัวเราเป็นผู้พิทักษ์กฎหมายแบบเต็มตัวอย่างนี้ รวมไปถึงศัตรูที่ไม่ใช่แค่แก๊งนักเลง แต่อาจจะมีตั้งแต่คนทะเลาะกันไปจนถึงแก๊งอาชญากรรมที่เปิดฉากยิงกันสนั่นเมือง

และอีกจุดที่เกมนี้ทำได้ดี คือภาพสะท้อนของอาชีพตำรวจที่ถ่ายทอดออกมาได้ดี ทั้งในเวลาและนอกเวลาปฏิบัติหน้าที่ หลายฉาก หลายช่วง จะเป็นซีนที่เราได้เห็นกันบ่อย ๆ ตามหนังหรือซีรีส์ตำรวจ ใครที่ชอบเรื่องราวและกลิ่นอายของวงการนี้ มีไม่บ่อยนักที่เราจะได้เห็นมันในรูปแบบเกม ถ้าสะดวก ลองหาซื้อหาเล่นกันดูได้

Presentation – เมื่องานของตำรวจถูกดัดแปลงเป็นวิดีโอเกมแบบจริงจังที่สุด

เมืองที่ดูเหมือนจะปกติ แต่เกิดอาชญากรรมขึ้นทุกหัวมุมเมือง นี่คือสิ่งที่ Averno City เมืองหลักภายในเกมนี้นำเสนอ จริง ๆ เราสามารถมองว่า เพราะมันเป็นวิดีโอเกมได้ และเพราะเกมต้องการให้เราทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ มันเลยเกิดเหตุขึ้นบ่อย แต่ถ้าในชีวิตจริง เมืองเกิดเรื่องแบบนี้บ่อย ๆ ก็ไม่น่าจะมีใครอยากอยู่กันแล้ว

ตัวเมือง Averno City ของเกมนี้ไม่ได้มีขนาดใหญ่มากนัก แต่ก็กว้างพอจะให้เราเดินเล่น สำรวจ หรือเอาให้ถูกคือใช้คำว่าตรวจตรารักษาความสงบ เพราะเหตุการณ์ทุกอย่างมีโอกาสเกิดขึ้นได้ ก่อนเริ่มเล่นในแต่ละวัน ผู้เล่นจะได้เลือกพื้นที่ที่จะลงตรวจสอบ ซึ่งจะกำหนดระยะเวลาเอาไว้ว่าต้องปฏิบัติงานตอนไหนบ้าง และเมื่อเข้าไปยังพื้นที่จึงจะเกิดเหตุการณ์แบบสุ่มขึ้นมาตลอดให้เราคอยจัดการ ไม่ว่าจะเป็นโจรขโมยของ การลักลอบซื้อขายของผิดกฎหมายหรือยาเสพติด ไปจนถึงเหล่าคนเลือดร้อนต่อยกัน และยังมีคดีการจราจร การขับรถเกินความเร็วที่กำหนด หรือเมาแล้วขับ เกมนี้ก็ใส่เข้ามาทั้งหมด

การเข้าจับกุมในคดีต่าง ๆ จำเป็นจะต้องปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมายอย่างเคร่งครัดในฐานะตำรวจ ถ้าเป็นคดีเบา ๆ อย่างทะเลาะวิวาทเราก็อาจจะแค่สั่งปรับแล้วแยกย้าย แต่ถ้าเป็นคดีแรงกว่านี้หน่อย ทำให้เกมนี้เข้าถึงรสชาติความเป็นตำรวจได้อย่างเข้มข้นและทำถึงของจริง รวมไปถึงการตรวจตราประจำวันนั้น เรามีโอกาสที่จะเจอ Evidence หลักฐานสำคัญที่ใช้ในการสืบสาวหาต้นตอของเรื่องราวทั้งหมด ซึ่งผูกโยงไปกับระบบเนื้อเรื่องของเกมนี้

แต่ถึงอย่างไรความที่มันเป็นวิดีโอเกม การจะทำให้มันเหมือนจริงแบบสุดโต่งนั้นก็คงจะไม่ได้ ทำให้หลายพฤติกรรมของผู้เล่นในเกมนี้ยังคงไม่มีการลงโทษเหมือนกับเกมอื่น ๆ แม้ว่าเราจะไล่จับผู้คนที่ขับรถเร็วเกินกำหนดได้ แต่ตัวเราเองก็สามารถทำได้อย่างอิสระ แถมจะชนนั่นนี่แบบพังเละเทะก็ไม่มี Penalty หรือโทษใด ๆ เกิดขึ้น หรือต่อให้เกิดว่าเราแจ้งข้อหาผิด หรือจับกุมผิด อย่างมากก็โดนหักค่า EXP บางส่วน ไม่ได้ทำให้เกิดโทษร้ายแรงใด ๆ ดังนั้นแม้จะเป็นเกมที่เราได้เล่นเป็นตำรวจแบบจริงจัง แต่สุดท้ายเกมก็คือเกม ยังคงมีบางสิ่งที่ต้องละเว้นเอาไว้เพื่อให้มันยังสนุกในฐานะวิดีโอเกมอยู่เหมือนกัน

สิ่งที่น่าประทับใจอีกข้อคือเรื่องของเสียงพากย์ นี่คือเกมที่ลงทุนกับเสียงพากย์พอสมควร ในด้านของเสียงพากย์แต่ละตัวละครอาจจะแตะระดับมาตรฐาน แต่เกือบทั้งเกม ไม่ว่าจะเป็นตัวละครเล็กน้อย ตัวประกอบ หรือฉากคัทซีนคั่นขนาดไหน ตัวเกมจะมีเสียงพากย์แทรกเข้ามาเสริมอรรถรสอยู่เสมอ ผิดกับเกมอินดี้เกมอื่นที่เลือกจะนำเสนอเป็นหนังใบ้กันไปเลย ทำให้ตลอดช่วงเวลาการดำเนินเรื่องของเกมนี้เป็นอะไรที่น่าติดตามตั้งแต่ต้นจนจบ

การออกแบบตัวละครหรือ Character Design ก็ถือว่ามีมาตรฐานกว่าเกมทั่วไป เราจะได้เห็นตั้งตัวละครชายหญิงในบทบาทของเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมไปถึงเหล่าแก๊งอาชญากรรม ก็ถือว่าตัวเกมดีไซน์ตัวละครเหล่านี้ออกมาได้ดีเหมือนกัน

ด้านคอนเทนต์ของเกมนั้น The Precinct เป็นเกมแบบเนื้อเรื่องเพียว ๆ เป็นเส้นตรง หากเราเล่นต่อเนื่อง เนื่องจากเกมไม่ค่อยมีอะไรให้สำรวจมาก เต็มที่ก็คือมินิเกมแข่งรถและอื่น ๆ ใช้เวลาเพียงไม่นานก็สามารถจบเกมได้ แต่จากงานออกแบบและคุณภาพของเกมในราคา 590 บาท ก็ถือว่าเป็นราคาที่ไม่เลวร้ายเลย สำหรับคุรภาพและแนวเกมที่ได้มา

Gameplay – แจกใบสั่ง จับเป่าแอล ตรวจตราความสงบสุข ทำทุกอย่าง!

The Precinct แทบจะใช้รูปแบบของเกมแอ็คชันผจญภัยเข้ามา แต่จะตีกรอบบางอย่างและเปลี่ยนดีไซน์ภารกิจไปให้เป็นในรูปแบบของตำรวจแทน และการปฏิบัติงานแบบตำรวจคือหัวใจสำคัญของเกมนี้ ในเกมเราจะมีสิ่งที่เรียกว่า Handbook หรือสมุดคู่มือเจ้าหน้าที่ตำรวจที่บอกเราทุกอย่างว่าการทำผิดแต่ละประเภทต้องใช้การจับกุมแบบไหน ตั้งแต่จับกุมแบบใช้กำลัง ไม่ใช้กำลัง ใช้อาวุธข่มขู่ และที่สำคัญคือก่อนเข้าจับต้องทำการแจ้งสิทธิ์ หรือตรวจบัตรประจำตัวก่อนเป็นสิ่งสำคัญมาก

การตรวจบัตรประจำตัวก่อนนั้น แม้ประชาชนคนนั้นจะไม่มีประวัติน่าสงสัยใด ๆ แต่หากเราทำการค้นตัวแล้วพบเจออาวุธผิดกฎหมายไว้ในครอบครอง อย่างมีของมีคม ยาเสพติด หรืออื่น ๆ ก็ต้องถูกจับโดยไม่มีข้อยกเว้น

การแจ้งสิทธิ์ แจ้งข้อหาและจับกุมตัวนั้น เมื่อทำสำเร็จทุกขั้นตอนเราจะได้รับค่า EXP และระบบเกมจะแจ้งว่าเราทำถูกต้องทั้งหมดหรือไม่ หากมีข้อไหนที่ผิดพลาดไป ระบบจะหักค่า EXP ของเราออก ณ ตอนนั้นเลย แต่ไม่มีโทษอื่นใดเพิ่มเติม ในตอนแรกระบบนี้อาจจะดูยุ่งยาก แต่พอเล่นจริงไปสักพัก เราจะสังเกตได้ว่า ทุกคดี ทุกอาชญากรรมที่เกิดขึ้น ส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องเดิม ๆ เล่นไม่นานก็จำได้แล้วว่าต้องจับกุมแบบใด ใช้ข้อหาใด จะมีข้อตินิดหน่อยตรงที่ระหว่างช่วงภารกิจ บางทีมันเกิดเหตุถี่เกินไป ซึ่งน่าจะเป็นผลมาจากระบบสุ่มของตัวเกม

เมื่อเราสะสมค่าประสบการณ์ได้มากพอแล้ว เราจะได้แต้มสกิลรวมไปถึงการเลื่อนยศ แต่แม้จะมีระบบสกิล แต่ระบบจะไม่ได้เยอะถึงขั้นเป็นเกม RPG เพราะระบบสกิลของเกมนี้ เป็นเหมือนการเพิ่มสมรรถนะของตัวละครเราให้เก่งขึ้น เช่น พกกระสุนได้เยอะขึ้น วิ่งได้ไกลขึ้น หรือมีความสามารถพิเศษในการบูสท์ความเร็วเคลื่อนที่ชั่วคราวตอนวิ่ง เป็นต้น รวมไปถึงการเลื่อนยศยังทำให้เราปลดล็อคอุปกรณ์ใหม่ ๆ รถตำรวจรูปแบบต่าง ๆ ที่เหมาะกับการตามจับคนร้ายหรือสืบคดีแต่ละประเภท ที่สำคัญเลยคือพอยศสูงขึ้น เราจะสามารถเลือกสำรวจแบบ Free Roam ได้ โดยไม่ต้องสนใจคำสั่งของผู้บังคับบัญชา

ส่วนของการยิงปะทะกันก็ต้องมีอยู่แล้ว ไม่ใช่คนร้ายทุกคนจะยอมยกธงขาวให้จับแต่โดยดี หากเป็นคดีเบา ๆ ก็อาจจะเป็นแบบนั้น แต่ถ้าเป็นการขโมย ซื้อขายยาเสพติด สิ่งผิดกฎหมาย คนร้ายอาจวิ่งหนี ซึ่งถ้าเราวิ่งตามรวบไดทันก็ดีไป แต่ถ้าอีกฝั่งขัดขืนเข้าสู้ก็ต้องมีการปะทะกันเกิดขึ้น ถ้าผู้ร้ายไม่มีอาวุธยังพอว่า เรามีทางเลือกในการกดรัวปุ่มเพื่อคว่ำคนร้ายลง หรือถ้าอีกฝั่งวิ่งหนีก็มีอาวุธอย่างกระบองตำรวจหรือปืนช็อตไฟฟ้าที่ใช้ในการรวบผู้ต้องหาได้อีกด้วย

ในแง่ของเกมเพลย์ความเป็นตำรวจก็ถือว่าเกมนี้ทำออกมาได้ดีมาก เพียงแต่ในแง่ของความหลากหลายในด้านงานสายตรวจ หรือเป็นตำรวจก็มีอยู่เพียงเท่านี้ เมื่อเล่นไปเรื่อย ๆ เราจะเริ่มเห็นว่ารูปแบบภารกิจมันก็ไม่ได้หลากหลายอะไร แต่ละเคสหรือคดีที่เกิดขึ้นก็จะเริ่มมาเป็นแนวเดิมมากขึ้น ถ้าเรายังอินอยู่ จะไล่เล่นต่อ เก็บจนครบ ปลดทุกสกิลมันก็ทำได้ แต่จะไปไถเนื้อเรื่องต่อให้จบเลยก็ทำได้เหมือนกัน

และเพราะมันเป็นระบบแบบสุ่มเกิดเหตุการณ์ขึ้นมา บ่อยครั้งมันจะมีหลายคดีเกิดขึ้นพร้อมกันจนเกินไป และการเริ่มขั้นตอนการจับก็ค่อนข้างกินเวลา แจ้งสิทธิ์ ตรวจบัตร ตรวจของ ทำติดกันบางทีก็เบื่อ หลายครั้งเราเลยปล่อยให้ที่เกิดเหตุมันมีเรื่องกันต่อไป เพราะจะขับรถกลับไปสำนักงานแล้ว อันนี้เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีสักเท่าไร แต่ในบางช่วงมันเยอะจริงจนต้องปล่อยไป

แต่ก็มีไม่บ่อยจริง ๆ ที่เราจะได้เล่นเกมเพลย์ที่เราเป็นตำรวจ และภาพรวมมันก็ออกมาดูดีกว่าที่คิดไว้ น่าสนใจเหมือนกันว่าถ้ามันขยับไปอยู่ในมือค่ายเกมใหญ่ ๆ จะทำออกมายังไง หรือแบบไหน ดังนั้นตอนนี้ใครสนใจก็ไปหามาเล่นกันก่อนได้เลย

Performance – แตะมาตรฐานการ Optimize และการปรับแต่งเกมยุคปัจจุบัน

แม้จะเป็นตัวเกมอินดี้ แต่ในด้านของสเปคและประสิทธิภาพของตัวเกมก็ถูกขัดเกลามาอย่างดี ถึงแม้ตัวเกมขั้นเบื้องต้นจะต้องการสเปคเพียงแค่ GTX 660Ti แต่เราก็ไม่แนะนำเท่าไรนัก กับการที่เปิดเกมได้ แต่จะเล่นจนได้ประสบการณ์ที่ดีหรือไม่ก็ไม่รู้ ส่วนของขั้นแนะนำนั้น เกมใช้ RTX 2060 หรือ RX6600 XT ก็ถือว่าเป็นระดับมาตรฐานสำหรับใครที่เป็นแฟนเกมก็คงจะมีสเปคคอมพิวเตอร์ในระดับนี้กันอยู่แล้ว

สิ่งที่ยังคงบ่งบอกว่านี่คือเกมที่ไม่ได้มีทุนหนาอะไรนัก ก็ยังคงเป็นเรื่องส่วนของเมนู Setting ต่าง ๆ ที่เป็นเมนูแบบโล้น ๆ ให้เลือกเลย ไม่มีตัวอย่างให้ดูก่อนปรับ แต่ก็ยังสามารถปรับแต่งหลายอย่างได้ตามใจชอบ ตั้งแต่งานภาพ การปรับปุ่มสำหรับเมาส์ คีย์บอร์ด และจอยคอนโทรลเลอร์ วึ่งตรงนี้ยังไงก็ถือว่าเป็นมาตรฐานที่ทุกเกมควรทำตามได้ แต่ภาพรวมของเกมนี้ก็ถือว่าหายห่วง ระหว่างเล่นก็ไม่ได้เจอบั๊ก หรือ Error ใด ๆ ระหว่างเล่น แถมทีมงานก็ไม่ได้ทิ้งเกมไปไหน เพราะยังคงอัปเดตแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เพียงแต่ Major Content อาจไม่มีแล้วเท่านั้น

The Precinct อาจไม่ใช่เกมระดับมาสเตอร์พีซชนิดต้องห้ามพลาด แต่เป็นอีกหนึ่งสีสันของวงการเกม และเป็นอีกเกมที่เล่นสนุกประจำปีนี้ ใครกำลังมองหาเกมที่เราได้เล่นเป็นตำรวจ แถมมีการออกปฏิบัติงานที่ทำออกมาให้เป็นเกมได้สนุกที่สุด

The Precinct

8 / 10 คะแนน

8

ข้อดี

  • จำลองการทำงานเป็นตำรวจได้ใกล้เคียงความเป็นจริงที่สุด
  • กราฟิกสวยงาม และมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง
  • ลงทุนกับเสียงพากย์ มีเสียงพากย์แทบทุกซีนที่เป็นเนื้อหาหลัก
  • เนื้อเรื่องน่าสนใจและติดตามไปจนจบเกมและผูกโยงเข้ากับระบบเกมได้ดี

ข้อเสีย

  • จะรู้สึกว่าบางอย่างเริ่มซ้ำไปซ้ำมาหลังเล่นไประยะหนึ่ง
  • ตัวละครไม่ค่อยมีการอัปเกรดใด ๆ มากนัก ทำให้ไม่มีแรงจูงใจในการทำ Side Mission

SHARE

Aisoon Srikum

Back to top