BY Nattapit Arsirawatvanit
18 Nov 25 10:53 pm

รีวิว Sword of Justice – กระบี่พิพากษา ยุทธภพบิ๊กเบิ้มบนมือถือ

170 Views

Sword of Justice ไม่ได้มีดีแค่บรรยากาศวิทยายุทธ แต่ยังพาเราเจอโลกที่ “มีชีวิตจริง ๆ” และระบบเกมที่ลึกกว่าที่คิด เราเล่นมาให้แล้วแบบละเอียด มาดูกันว่าจุดเด่น – จุดด้อยมีอะไรบ้าง และเหมาะกับสไตล์คุณหรือเปล่า

หากคุณเป็นแฟนนวนิยายจีนกำลังภายใน ชอบความเป็น “ยุทธภพ” แบบคลาสสิก หรือกำลังมองหาเกม MMORPG จีนที่เน้นเนื้อเรื่องแบบจริงจัง Sword of Justice คือหนึ่งในเกมที่ทำออกมาได้ดีที่สุดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทั้งในแง่การเล่าเรื่อง การออกแบบโลก ระบบการเล่น และประสบการณ์ที่ตอกย้ำว่าเกมแนวกำลังภายในยังมีเสน่ห์มากกว่าที่คิด

ด้านล่างนี้คือรีวิวเต็มจาก GamingDose ที่จะพาคุณไปดูตั้งแต่เรื่องราวจนถึงระบบการเล่นแบบละเอียดครบทุกมุม

Story – เข้มข้น “ค้นขลั่ก” สไตล์วรรณกรรมกำลังภายใน Old School

Sword of Justice

“ครอบครัวโดนฆ่า หมู่บ้านถูกเผา ตัวเราถูกพิษ” Sword of Justice เปิดมาแบบคลาสสิกสไตล์วรรณกรรมจีนกำลังภายในขายดี ใครที่เคยอ่าน หรือเคยดูงานอย่างมังกรหยก หรือมีดบินกรีดฟ้า น่าจะเชื่อมโยงได้ เพราะ “กระบี่แห่งความยุติธรรม” ก็พาเราไปสัมผัสโลกเดียวกัน คือโลกแห่งความโกลาหลที่ไร้กฏเกณฑ์ อยู่ได้เพียงคุณธรรมน้ำมิตรของจอมยุทธ นี่คือ “ยุทธภพ” ในแบบโอลสคูลที่แฟนของกิมย้ง โกวเล้ง หรือแม้แต่หวงอี้ ก็น่าจะชอบได้ไม่ยาก

เรื่องราวจะวนอยู่รอบ “ตัวละครเอก” ศิษย์สำนักอิสระ ที่ถูกเก็บเอามาเลี้ยง ในฐานะผู้รอดชีวิตจากหมู่บ้านเล็ก ๆ และในวันไหว้บรรพบุรุษสำนัก เราก็รู้โดยบังเอิญว่าเราถูกพิษร้ายแรง ทำให้มีชีวิตอยู่ได้เพียงปีเดียวเท่านั้น ฉะนั้นภารกิจหลักของเราคือ หาวิธีแก้พิษ และตามหาด้วยว่า กลุ่มใดกันแน่ที่รับผิดชอบโดยตรงต่อการกวาดล้างหมู่บ้านของเรา

Sword of Justice

แม้ว่าพล็อตของ Sword of Justice จะค่อนข้างมีความเที่ยงตรงอย่างมาก คือการแก้แค้น แต่เนื้อหาไม่ได้ให้เราพุ่งไปยังตอนจบของเกมเลย มันจะให้เราค่อย ๆ หาเบาะแสชิ้นใหม่เรื่อย ๆ จากการเปิดจักรวาลของเกม ช่วงแรกเราอาจรู้จักตัวละครใหม่ ๆ และวนเวียนอยู่กับพื้นที่เมืองเดียว แต่เมื่อเริ่มรู้จักคนใหม่ ๆ รับปัญหาใหม่ ๆ เรื่องของเราจะพัวพันกับเรื่องใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ จนสุดท้ายจะผูกกับสงครามระดับรัฐ และสงครามระหว่างพรรคธรรมมะและพรรคอธรรม

ในการเล่าเรื่องหลักจริง ๆ ของเกมจะมีการเปิดตามจำนวนวันที่เกมเปิดให้บริการ ฉะนั้นเนื้อหาจะถูกหยุดไว้ในทุก ๆ วันเพื่อให้เราไปทำภารกิจอื่น ๆ ที่เกมมีก่อน แต่เกมก็ไม่ได้ตัดเนื้อหาแบบใจร้าย เพราะส่วนใหญ่จะตัดเมื่อจบ Act ใหญ่ ๆ เท่านั้น แต่ถ้าใครชอบการติดตามเนื้อเรื่องต่อเนื่อง และเป็นเส้นตรง อาจรู้สึกได้ว่าเกมประวิงเวลาจนขาดตอน อันนี้ก็อาจจะรอให้เกมเปิดให้บริการไปสักพักก่อนค่อยเล่นก็ได้ จะได้ไม่เสียอารมณ์

Sword of Justice

สิ่งที่น่าสนใจไม่น้อยไปกว่าเนื้อเรื่องหลักคือ “ผจญภัย” หรือเนื้อเรื่องผจญภัยต่าง ๆ ที่ถูกเขียนแยกออกมา มีทั้งแบบสั้นและแบบยาว แบบจบในตอนและส่งผลในเนื้อเรื่องหลักด้วย เนื้อเรื่องเหล่านี้มักไม่เกี่ยวข้องกับตัวละครโดยตรง แต่จะเป็นการประสบพบเจอกับปัญหาของคนอื่น ส่วนใหญ่จะทำหน้าที่เป็นทั้ง ACT ย่อย ๆ ให้คุณรู้สึกพักผ่อนหลังเนื้อเรื่อง

ความน่าสนใจของมันคือวิธีพบเจอ ปกติแล้วเนื้อเรื่องรองที่สำคัญ มักจะต้องทำได้เลยโดยอัตโนมัติ แต่เนื้อเรื่องรองที่ไม่สำคัญ มักจะถูกซ่อนไว้จากการเล่นจริง เมื่อคุณผ่านบ้าน หรือผ่านหน้า NPC ต่าง ๆ บนแผนที่ เนื้อเรื่องจะถูกเด้งมาให้คุณทำทันที แต่ละเนื้อเรื่องนั้นมีความสำคัญและให้รางวัลที่ยอดเยี่ยม ตรงกับธีมจริง ๆ

Sword of Justice

ยกตัวอย่างเช่น เนื้อเรื่องหนึ่งที่เราพบเจอกับยอดฝีมือมีนักฆ่าไล่ล่า เราจะรู้ว่ายอดฝีมือท่านนั้นมีวิชาหมัดกล้าแกร่งอย่างมาก แต่หมัดนี้ห้ามใช้สังหารคน ในตอนสุดท้ายยอดฝีมือตัดสินใจใช้สิ่งนี้สังหารคนเพื่อช่วยเรา แต่จะทิ้งคัมภีร์หมัดไว้ให้เราก่อนทำลายวิชาตัวเอง รางวัลของภารกิจนี้คือ “สกิลชนิดใหม่” เท่ากับว่าทุกอย่างถูกตระเตรียมไว้แล้วอย่างปราณีต รอแค่ให้เราไปพบเจอ

แม้ว่าเกมจะพูดถึงวิทยายุทธเป็นหลัก แต่สิ่งที่เราชอบ คือเกมเปิดโอกาสให้คุณรับบทเป็นคนธรรมดาด้วย ด้วยฟังก์ชันอย่าง “สถานะ” พูดกันตามตรง ถ้าเป็นจอมยุทธในโลกแบบนี้เพียงอย่างเดียว คงไม่มีเงินกินข้าว เราสามารถรับอาชีพได้หลาย ๆ อย่างในยุทธภพ ไม่ว่าจะเป็นนักเต้น นักบรรเลงเปิดหมวก เป็นขอทาน หรือจะเป็นมือปราบก็ได้ แต่ส่วนตัวแล้วเราเลือกเป็นมือปราบ

Sword of Justice

ในภารกิจของมือปราบ หากใครเคยอ่าน ตี๋เหรินเจี๋ย ก็น่าจะคุ้นเคยกับการทำงานของสำนักหกประตูอยู่แล้ว หน้าที่ของมือปราบในเกมนี้คือการทำหน้าที่คล้าย ๆ ตำรวจทุกรูปแบบของรัฐ ตั้งแต่ปลอมตัว สืบข่าว ตรวจสอบหลักฐาน เชื่อมโยงทางคดี ตั้งสมมติฐาน จนไปถึงจับคนร้ายเองด้วย

อย่างภารกิจที่เคยเจอ จะเป็นการสืบหาว่าใครกันแน่ที่ขโมยกำไลทองของชาวบ้านไป เมื่อเราเข้าไปสืบพยาน จะพบว่าพยานเห็นคนเข้าบ้านในคืนฝนตก แต่เมื่อตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ ไม่มีโคลนในบ้าน รวมถึงสถานที่เก็บกำไลทองยังดูเรียบร้อยเหมือนไม่มีคนรื้อค้น หลังจากนั้น เกมจะให้เราปะติดปะต่อข้อมูลผ่านโน้ตบนกระดาน และให้เราสอบสวนผู้ต้องหาด้วย

Sword of Justice

โดยรวม เนื้อหาแทบจะเป็นจุดเด่นที่ Sword of Justice ทำได้ดีอย่างมากจนแทบไม่มีจุดติเลย อาจจะมีบ้างเล็กน้อยตรงการแปลภาษาในภารกิจรอง ที่ไม่ได้ขัดเกลาจนสละสลวยสไตล์วรรณกรรมจีน แต่หากพิจารณาทั้งหมด ยังพอเข้าใจสิ่งที่จะสื่อได้ หากแต่ต้องใช้ทักษะทางภาษามากกว่าเดิมเท่านั้น

Presentation – ยุทธภพที่มีกลิ่น “ชีวิต” มากกว่าแค่ฉากสวย

Sword of Justice

ไม่ได้มีเพียงจอมยุทธเท่านั้นที่สำคัญ แต่ “ยุทธภพ” คือหัวใจหลักของการสร้างพื้นที่แห่งคุณธรรมน้ำมิตรขึ้นมาได้ และ Sword of Justice ก็ใส่ใจกับมันอย่างมาก เพราะโลกของเกมกว้างใหญ่ แต่วิจิตรบรรจง อธิบายให้เห็นภาพ ตัวเกมหลักจะดำรงค์อยู่แถวหางโจว ซึ่งเป็นเมืองหลวงของมณฑลเจ้อเจียงในปัจจุบัน ยาวไปถึงสุดขอบต้าหลี่ มณฑลยูนนาน ซึ่งก็คือห่างกันระดับ 2,500 กิโลเมตร ทำให้ตัวเกมนำเสนอสภาพอากาศได้หลากหลาย สภาพสังคมที่แตกต่าง ได้อย่างต่อเนื่อง

Sword of Justice

แต่ละแผนที่จะถูกนำเสนอเป็นแผนที่ขนาดมหึมา เต็มไปด้วยเอกลักษณ์ระหว่างแผนที่ที่วางไว้อย่างดี ในเมืองเปี้ยนจิง เมืองหลวงของเกม ก็จะเต็มไปด้วยความวุ่นวายคึกคัก มีโซนราชกาลอย่างสำนักหกประตู หอวิชาการหลวง มีโซนพ่อค้าแม่ค้าในถนนค้าม้า มีโซนตรอกน้ำหวานสำหรับธุรกิจแบบผู้ใหญ่ และยังมีสำนักใหญ่อย่างสำนักหกประตู รวมถึงพระราชวังด้วย สะท้อนถึงความคึกคักฉบับเมืองหลวงในยุทธภพได้ดีมาก

แผนที่อื่น ๆ ก็มีจุดเด่นในตัวเอง ด่านเยี่ยเหมินสะท้อนถึงภาวะสงครามด้วยความแห้งแล้งจนใจ ทั้งยังมีฟังก์ชันอย่างการ PK ไม่เลือกฝ่าย เพื่อแสดงให้เห็นถึงพื้นที่ของคนโฉด, เกาะเซียนเนรเทศที่แสดงถึงสภาพอากาศแปรปรวน มีลมกรรโชกแรง เต็มไปด้วยผาหินกร่อนที่ถูกน้ำเซาะ อีกทั้งยังมีฟ้าผ่าอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นเสน่ห์ที่เราไม่ค่อยพบเจอจากเกมมือถือเท่าไหร่นัก

Sword of Justice

สิ่งหนึ่งที่ทำให้ Sword of Justice เป็นเกมที่เหนือชั้นกว่าเกมอื่นในแนวเดียวกัน คือหัวใจของโลก เพราะโลกนี้ไม่ได้ถูกปล่อยให้เป็นโลกกว้าง NPC แต่ละตัวมีเอกลักษณ์ และสามารถ Interaction ได้เกือบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการขอความช่วยเหลือ การพูดคุย การสอบถามข่าวลือยุทธภพ การดวล หรือแม้กระทั่งการโต้ตอบด้วยระบบ AI ก็ทำได้ แม้จะไม่สมบูรณ์แบบนัก แต่นี่คือมิติใหม่ที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน

แม้ Sword of Justice จะดูเหมือน MMORPG เต็มรูปแบบ แต่สิ่งหนึ่งที่ตัวเกมรับสืบทอดมาจากเกมแนวแอคชันสมัยนี้ และทำได้ดีมาก คือการสำรวจ ปกติแล้วเกม MMORPG ทั่วไป มักจะไม่ได้ใส่ใจความสำคัญของแผนที่ในเชิงลึกมากนัก กล่าวได้ว่า อาจสนใจในลักษณะของธีมและอารมณ์ แต่ไม่สนใจการเล่นร่วมกับมัน

Sword of Justice

Sword of Justice ทำให้เราเห็นว่า การเป็น MMORPG ไม่จำเป็นต้องเฉยเมยกับโลกเสมอไป เพราะการสำรวจแผนที่แทบจะเป็นคอนเทนต์หลักที่กินเวลายาวนานมาก แต่ละแผนที่มีภารกิจยิบย่อยให้เราไปพบเจอจำนวนมาก อีกทั้งยังมีปริศนาเล็ก ๆ เป็นเกมเพลย์สั้น ๆ ให้เราเล่นอีกมากมาย ในระดับที่ว่า แค่ขยับตัวไม่ถึงสองปุ่ม มันก็มีมาให้เราเล่นแล้ว

Sword of Justice

ยกตัวอย่าง การสำรวจในเมืองหลัก (เปี้ยนจิง) มีปริศนาทั้งหมด 303 ปริศนา มีการผจญภัย (เควสรอง) 37 เควส มีเหตุการณ์สุ่ม 56 เหตุการณ์ และมีสัญลักษณ์ปักลาย 40 ชิ้น เท่ากับว่าแผนที่หนึ่ง มีการสำรวจให้สำรวจราว ๆ 200-400 จุด ในเกมนี้มีแผนที่ทั้งหมดราว ๆ 15 แผนที่ เท่ากับว่า เราต้องสำรวจเกิน 3,000 จุดในเกมเกมเดียว ถือว่าเยอะมาก ๆ

อย่างที่เราอธิบายไปในส่วนของเนื้อเรื่อง แม้จะดูเยอะ แต่เนื้อหาไม่ได้มั่ว อีกทั้งยังให้รางวัลที่สมเหตุสมผลอย่างมากในการเล่น บ่งบอกถึง “หัวใจ” ที่ละเมียดของเกมได้เป็นอย่างดี

Sword of Justice

ขอเพิ่มเติมสำหรับสายแฟชัน เพราะผมรู้ว่าคุณชอบ (ฮา) แม้ว่าเกมจะเน้นหนักไปในเรื่องของโลกและเนื้อหา แต่การสร้าง “จอมยุทธ” ในแบบของเราเอง ถือว่าละเอียดเป็นอย่างมาก ตัวละครของเราสามารถแต่งแต้มโซนกายภาพได้อย่างหลากหลาย ระดับปรับความสูงต่ำดำขาวได้อย่างอิสระ และถึงแม้จะไม่มีฝีมือด้านการปรับแต่ง เกมก็ยังใจดีให้ Preset สวยงามมาเป็นจำนวนมาก

สิ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กันคือเสื้อผ้าหน้าผม ปกติแล้วเกมยุคก่อน ๆ จะปรับแต่งได้สูงสุดอาจจะแค่ชุดแฟชัน แต่ใน Sword of Justice ชุดแฟชันแต่ละชุด จะให้มาเป็นส่วน ๆ ทำให้เราสามารถมิกซ์ชุดแฟชันได้ สามารถปรับสีให้เป็นแบบใดก็ได้ด้วยจานสี ใส่เครื่องประดับแยกชิ้นได้ ปรับแต่งท่ายืน อีโมตชนะ รูปประจำตัว ฯลฯ โดยแต่ละชุดไม่ซ้ำกัน และมีจุดเด่นที่ต่างกันอย่างชัดเจน อย่างชุดที่เห็นในภาพ จะเป็นชุดยุคปัจจุบัน ที่มีไว้สำหรับคนชอบสไตล์ Casual แบบแหกโลก แต่ถ้าใครชอบชุดตรงธีมอย่างจีนโบราณ ก็มีให้ใส่เช่นกัน

Gameplay – ลึก ซับซ้อน และจริงจังทั้ง PVE และ PVP

Sword of Justice

แม้ว่า Sword of Justice จะเป็นเกมมือถือโดยทฤษฏี แต่องค์ประกอบของการเล่นเทียบชั้นกับเกม PC ได้สบาย ๆ เพราะเกมอุดมไปด้วยคอนเทนต์ PVE และ PVP จำนวนมาก และถูกให้ความสำคัญเทียบเท่ากัน แต่ละส่วนมีความซับซ้อนเป็นของตัวเองสูงมาก แต่เรื่องราวเหล่านี้จะถูกซ่อนไว้ผ่าน Learning Curve ที่ออกแบบมาอย่างดี ให้ “ง่ายที่จะเล่น” แต่ “ยากที่จะเชี่ยวชาญ” เป็นอย่างมาก

แม้ว่าคอนเทนต์ PVE ของเกมอย่างการลงดันเจียน ปราบบอสโลก หรือศัตรูเก่งกาจบนแผนที่ เมื่อมองอย่างผิวเผินแล้ว สามารถทำคนเดียวได้ทั้งหมด เพราะเกมไม่ได้ปิดโอกาสให้คนไม่มีเพื่อน กลับกัน เกม “เปิดโอกาส” อย่างมากให้กับสาย Solo เพราะรู้ว่าการเล่นด้วยกันหลายคน เป็นปัจจัยที่เกิดขึ้นได้ยากแล้วในทศวรรษนี้ คุณยังสามารถจบคอนเทนต์ทุกอย่างได้โดยไม่มีปาร์ตี้ และได้รางวัลสมเหตุสมผล เนื่องจากเกมจะใช้ทีม AI ที่ค่อนข้างแข็งแกร่งในการช่วยเหลือคุณ แต่ไม่แข็งแกร่งเกินกว่าจะปล่อยให้คุณยืนเฉย ๆ ส่งผลให้การเล่นคนเดียว เป็นไปได้อย่างราบรื่น

Sword of Justice

แต่การเล่นหลายคนของเกมนี้ อาจจะทำให้คุณหัวร้อนได้ ถ้าไม่ศึกษาหน้าที่ของแต่ละคลาสให้ดี เพราะ Sword of Justice แทบจะเน้นหนักมาก ว่าคอนเทนต์ที่มี ต้องใช้ฝีมือและการเรียนรู้ระดับที่มากเลยทีเดียว ยกตัวอย่างเช่น บอส “ฉู่เซียวอวี้” ที่จะขยี้คุณทุกรอบ หากคุณไม่รู้ว่าธาตุคืออะไร หลบหลังน้ำแข็งยังไง แบ่งทีมกำจัดลูกน้องยังไง และหลบสกิลบอสยังไง

ถ้าอยากรู้จักพื้นฐานระบบทั้งหมดแบบย่อยง่าย อ่านได้ที่ – 5 พื้นฐาน Sword of Justice รู้ไว้ สนุกกว่า!

หน้าที่ของอาชีพในเกมค่อนข้างเฉพาะเจาะจงมาก อย่างแรก ในปาร์ตี้จำเป็นต้องมีความเข้าใจในเรื่อง Aggro, Range และ Healing ค่อนข้างแม่นมาก ทำให้อาชีพอย่าง บลัดสตอร์ม, ไอรอนแคลด, ซิลฟ์ และเซเลสทูน จำเป็นอย่างมากในคอนเทนต์ PVE เนื่องจากสี่อาชีพนี้มีจุดเด่นที่ชัดเจน บลัดสตอร์มกับไอรอนแคลดสามารถยืนชนบอสได้ ซิลฟ์เป็นซัพพอร์ตชนิดเดียวที่ฮีลทันหากคุณพลาด (ทุกคนฮีลได้แต่ฮีลได้ช้า) เซเลสทูนเป็น DPS ที่เล่นง่าย ยืนดี ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนธาตุ ทำให้อาชีพที่เหลืออย่างนูมิน่า หรือไนท์เวคเกอร์ ต้องเชี่ยวชาญมากกว่าปกติในการเล่นคอนเทนต์ PVE

Sword of Justice

นอกจากรู้หน้าที่แล้ว ต้องรู้จุดอ่อน และกลไกของบอสด้วย อย่างที่เรายกตัวอย่าง ฉู่เซียวอวี้ บอสตัวนี้จะใช้สองธาตุผสมกัน คือไฟกับน้ำแข็ง ถ้าอยากให้บอสตายเร็ว จำเป็นต้องสลับสกิลเพื่อยิงธาตุให้ตรง ซึ่งอาจจะไม่สำคัญมาก แต่ที่สำคัญมาก ๆ คือการหลบสกิลทั่วไปของบอส รวมถึงสกิลใหญ่ที่จะใช้เพื่อกวาดแบบ One Hit Kill หน้าที่คุณคือการวิ่งไปยืนจุดที่มีแท่นน้ำแข็ง เพื่อให้ไฟของบอสไม่ทำงาน รวมถึงคอยกำจัดลูกน้องที่ถูกเรียกมา เพื่อไม่ให้บอสแข็งแกร่งขึ้นด้วย

แม้กลไกจะดูง่าย แต่บอสไม่ได้มีพลังชีวิตที่น้อยเลย เราอาจต้องเล่นในวงจรแบบนี้มากกว่า 10 ครั้งต่อการสู้หนึ่งครั้ง และพลาดไม่ได้ เนื่องจากไม่สามารถกดคืนชีพได้ในดันเจียน จำเป็นต้องให้เพื่อนช่วย หรือให้ซิลฟ์กดชุบชีวิตอย่างเดียวเท่านั้น

Sword of Justice

ในด้าน PVP จะมี Learning Curve ที่แตกต่างจาก PVE อย่างชัดเจน ใน PVE เราเรียนรู้เรื่องตำแหน่ง หน้าที่ และกลไกของบอส ใน PVP เราต้องเรียนรู้เรื่องคอมโบของสกิล ระยะห่างของสกิล การคุมฝูงชนและการล้างคุมฝูงชน รวมถึงเป้าหมายสำคัญที่ต้องกำจัดก่อนในการต่อสู้ด้วย แม้ผลรวมจะขึ้นอยู่กับ Common Sense ของการเล่น แต่สิ่งที่ต้องฝึกจริง ๆ คือการสร้างคอมโบที่มีประสิทธิภาพ ผ่านสกิลที่หลากหลายของเกม

Sword of Justice

ส่วนของสกิล เกมให้แถบสกิลหลัก 5 สกิล ซึ่งเป็นคอมโบสำนักที่เราจะต้องใช้ต่อเนื่อง, 2 สกิล Utility และ 1 อัลติเมตสกิล หน้าที่ของสกิลจะแตกต่างกัน เช่น ตัวละครของผู้เขียนเป็นไนท์เวคเกอร์ จะเล่นคล้าย ๆ Assassin ของเกมอื่น สกิลเซ็ตนี้จะเน้นความเร็วในการเข้าออก ด้วยคอมโบพุ่งต่อเนื่อง และเน้นทำความเสียหายแบบ DPS หลักการคือใช้การพุ่งผสมกับการ Dash ปกติของเกมเพื่อเข้าแนวหลัง ใช้สกิล iframe (สกิลที่ตัวละครเป็นอมตะในขณะที่สกิลทำงาน) เพื่อหายไปจากเป้าของศัตรู และเน้นดาเมจเดี่ยวที่รุนแรงและรวดเร็วเพื่อปิดงาน แล้วพุ่งออกมาเพื่อไปหาเป้าหมายถัดไป

Sword of Justice

สกิล Utility ที่วางไว้จะใช้เพื่อหนี เช่นแช่แข็ง หรือใช้น้ำยกศัตรูให้ลอย เพื่อการเข้าและออกได้อย่างสมดุล ส่วนอัลติเมตสกิลจะมีไว้กดเพื่อล็อกศัตรู สร้างเวลาอมตะให้ตัวเองแล้วปิดงาน ทำให้สามารถปิดงานได้รวดเร็วขึ้นโดยไม่เสี่ยงมากนัก มักจะเก็บไว้ใช้สำหรับศัตรูตัวสุดท้าย หรือปิดศัตรูตัวที่อันตรายที่สุดในแผนที่ก่อน

Sword of Justice

ยังไม่หมด นี่คือวิธีเล่นและคอมโบพื้นฐานที่พื้นฐานมาก เพราะไม่มีการใช้สกิลสำนักอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องเลย ไม่มีการใช้สกิลยอดฝีมือ อย่างที่อธิบายไปในข้างต้น เกมนี้มีภารกิจจำนวนมากที่มอบสกิลใหม่ ๆ ให้เรา เราสามารถนำสกิลเหล่านั้นมาใช้เพื่อเสริมรูปแบบการเล่นให้เราได้ด้วย โดยแต่ละสกิลมีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนกัน ทำให้เราสร้าง Build แปลก ๆ ได้มากมาย เพื่อแก้ทางสายการเล่นต่าง ๆ อย่างไม่รู้จบ

โดยรวม เกมให้ประสบการณ์ที่หลากหลายและลึกซึ้งอย่างชัดเจน ซึ่งหายากมาก เพราะปกติเกมที่เน้น PVE จะไม่ค่อยเน้น PVP ส่วนเกม PVP ก็จะไม่เน้นหนักไปทาง PVE แต่เกมนี้แคร์ทั้งสองฝั่งอย่างชัดเจน อีกทั้ง Currency ยังเชื่อมโยงกันอีก ต่อให้คุณไม่เล่นฝั่งใด ก็จะไม่ส่งผลต่อการพัฒนาตัวละครอย่างมีนัยสำคัญ

Performance – ยังไหวทั้ง PC และ Mobile ระดับกลาง

Sword of Justice

บน PC

  • RTX 3060Ti เปิดสูงได้ 60 FPS
  • เปิด DLSS ได้เฟรมเพิ่มขึ้นมาก
  • ฉากหมู่ 60vs60 ยังลื่น
  • มีอาการโหลด Texture ช้าบ้างเวลาเปลี่ยนฉากเร็ว

บนมือถือ

  • Snapdragon 865 ยังเล่นแบบ High Framerate ได้
  • Snapdragon 8 Gen 3 / Elite เล่นได้แบบ Ultra ลื่นมาก
  • รองรับ Upscaling 120 FPS บางรุ่น
  • Latency ต่ำกว่าบน PC ในหลายสถานการณ์

พื้นที่ติดตั้ง

  • PC: ~49GB
  • Mobile: ~20GB

Sword of Justice ถือเป็นเกมที่แปลกมาก แต่แปลกในทางที่ดี เพราะถึงแม้จะเป็นเกม Cross Platform แต่การเล่นในแต่ละเครื่องไม่ได้แตกต่างกันมากจนเห็นได้ชัด บน PC ตัวเกมทำงานได้ดีแม้กับการ์ดรุ่นเก่าอย่าง RTX 3060TI และน่าจะทำงานได้ดีกับการ์ดรุ่นเก่ากว่านี้เช่นกัน รวมถึงบนมือถือก็ทำงานกับ Snapdragon 865 ได้ด้วย แสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นอย่างมากในด้านประสิทธิภาพ

อย่างที่กล่าว บน PC เราใช้เครื่องขนาดกลาง-ต่ำในการทดสอบ หากเปิดสุดทุกอย่าง (แต่ไม่เปิด Ray Tracing จะทำเฟรมเรทได้นิ่งในช่วง 60 หากเปิด Upscaling อย่างพวก DLSS หรือ FSR ก็สามารถไปไกลได้มากกว่านั้น ตัวเกมทำได้ดีแม้ในฉาก PVP แบบหมู่ที่ใช้คนเยอะ (60vs60) โดยยังคงความสวยงามเอาไว้อย่างครบถ้วน แม้จะมีปัญหาโหลด Texture ไม่ทันบ้างในการเปลี่ยนฉากไว ๆ อย่างการบิน แต่โดยรวมไม่มีปัญหาด้านประสิทธิภาพให้เห็นเลย สิ่งที่มีปัญหาเพียงอย่างเดียวอาจจะเป็น Latency ที่ดูจะแปลกไปบ้าง แม้ตัวเกมจะแจ้ง Latency Rate ที่ไม่สูง แต่การขยับ การเคลื่อนไหวมีดีเลย์ชัดเจน โดยเฉพาะใน PVP ที่อาศัยการหลบเสี้ยววินาที อาจมีปัญหาได้หากไม่ฝึกเพื่อทำความเข้าใจมาก่อน

ตัวเกมกินพื้นที่ 49.04GB ซึ่งสัมพันธ์กับด้านกราฟิกของเกมดี เพราะกราฟิกของเกมยังคงไม่เทียบเท่าเกมระดับ AAA ในปีนี้ได้ แต่ถือว่าสวยงามได้มาตรฐาน หากเทียบกับเกมมือถือรุ่นเดียวกัน

Sword of Justice

บน Mobile คือไฮไลท์ เพราะเซอไพรส์มากที่เกมเล่นได้กับ Snapdragon 865 เพราะมันมีอายุ 6 ปีเข้าไปแล้ว แถมเล่นได้คือเล่นได้แบบเปิด High Framerate ด้วย แลกกับกราฟิกระดับกลาง ซึ่งโดยรวมก็ยังสวยอยู่ดี พอหยิบไปเล่นกับ Snapdragon Gen 8 Elite จะเห็นทันทีว่าตัวเกมปรับแต่งมาได้ดีขนาดไหน เพราะมันสามารถเปิดกราฟิกระดับสูงสุด กราฟิกที่สวยแบบเดียวกับระดับ Low บน PC ได้แบบ 60FPS โดยไม่มีปัญหาอะไรเลย ทีเด็ดคือเราลองเอาไปเล่นกับ IQOO 13 ที่ดัดแปลงมาเล็กน้อย ทำให้ใช้ชิป Q2 upscaling ได้ทุกเกม แล้วลอง upscaling framerate ของเกมให้เป็น 120FPS พบว่าเกมทำงานได้สมบูรณ์แบบ ไม่มีปัญหาอะไรเลย ร้อนพออุ่นมือแต่เล่นได้สบาย

ความตลกคือ Latency บนมือถือดีกว่า PC อย่างเห็นได้ชัด ปกติ PC ถ้าจะ Dash ต้องกด Shift+ทิศทาง และมันจะออกหลังเรากดเสี้ยววินาที ช้ากว่ามือ แต่ในมือถือ ถ้าคุณกดปุ่ม Dash มันจะออกเลย ทำให้การควบคุมด้าน PVP ง่ายกว่าแบบงง ๆ ถ้าเล่นบนทัชสกรีนเชี่ยวชาญ อันนี้ก็ไม่รู้ว่าเขาออกแบบมายังไงเหมือนกัน แต่อึ้งที่ทำบนมือถือได้ดีขนาดนี้

เนื้อที่บนมือถือใช้ราว ๆ 20GB ค่อนข้างสมเหตุสมผลพอสมควร เพราะเกมสมัยนี้มักจะแถม Texture แบบ 4K มาให้แล้ว แต่เมื่อพิจารณากับการ “หารครึ่ง” จากเนื้อที่บน PC ก็ถือว่ารับได้ ใครที่ใช้มือถือ Storage น้อยอาจจะต้องทำใจเลือก ๆ ลบ ๆ เกมกันนิดนึง

สรุป – MMORPG วิทยายุทธที่ทำออกมาได้ดีที่สุดเกมหนึ่งในหลายปี

Sword of Justice

Sword of Justice เป็นเกมที่ “ก้าวข้าม” เกมวิทยายุทธบนมือถือในอดีตอย่างชัดเจน เพราะมันเข้าใจความต้องการของผู้เล่นเกมแนวนี้ในระดับที่ลึกมาก เนื้อหาในเกมถูกเขียนด้วยใจ จากแฟนวรรณกรรมตัวจริง อีกทั้งโลกยังถูกสร้างออกมาได้สมบูรณ์แบบอย่างที่ไม่เคยใครทำมาก่อน แม้จะมีปัญหาเรื่อง Pacing ของเกมที่บังคับให้เล่นทุกวัน เพื่อเปิดเนื้อเรื่องใหม่ ๆ รวมถึงอาจเกิดอาการ “Burnout” จากคอนเทนต์ที่มากเกินไป

แต่โดยรวม กล่าวได้เลยว่า Sword of Justice เป็นเกมที่คุ้มค่าแก่การเล่น โดยเฉพาะถ้าคุณชอบอ่านวรรณกรรมจีน วิทยายุทธ ชอบดูซีรีส์วาย (แน่นอน ในเกมมันวายกันจัด ๆ) ชอบเกมแอคชันที่ลึกทั้งระบบการเล่นและโลก อย่าพลาดเด็ดขาด ดาวน์โหลดไปลองกันเลยตอนนี้ เล่นฟรีไม่ต้องเสียเงิน

ดาวน์โหลด: https://soj.onelink.me/kaQ8/a1gqb31x

Sword of Justice

8 / 10 คะแนน

8

ข้อดี

  • เนื้อหาเป็นสากล ชัดเจน ย่อยง่าย
  • โลกวิทยายุทธที่มีชีวิต
  • ระบบการเล่นลึก หลากหลาย เล่นง่ายแต่เก่งยาก
  • เป็นมิตรกับอุปกรณ์สเปกต่ำ

ข้อเสีย

  • การจำกัดการเข้าถึงเนื้อหาแบบรายวัน
  • UX/UI ดูเป็นเกมมือถือมากกว่า PC
  • อาจรู้สึกเหนื่อยจากคอนเทนต์ที่มากเกินไป

Nattapit Arsirawatvanit

ณัฐพิชญ์ อาศิรวาทวณิชย์ (มาร์ค) - นักเขียนอิสระ อดีตทีมงาน GamingDose

Back to top