BY Next
25 Sep 25 9:00 pm

รีวิว Ghost of Yotei

1,722 Views

หากคุณชื่นชอบ Ghost of Tsushima อยู่แล้ว เราขอแนะนำว่ารีวิวนี้ไม่จำเป็นสำหรับคุณ จงซื้อมันมาเล่นเองเดี๋ยวนี้ แต่ถ้าไม่ เราก็ขอบอกว่านี่คือเกมที่เจ้าของ PlayStation 5 ต้องมีเลยทีเดียว แต่มันจะยอดเยี่ยมแค่ไหน ติดตามอ่านได้ในบทความนี้เลย

Story – เปิดตำนานใหม่ องเรียวพยาบาท

เรื่องราวในเกมนี้ไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ กับ Ghost of Tsushima มันคือเหตุการณ์ในช่วง 300 ปีต่อมา โดยมีฉากหลังอยู่บนเกาะ ‘เอโซะ’ ทางตอนเหนือของญี่ปุ่น หรือก็คือฮอกไกโดในปัจจุบันนั่นเอง เราจะรับบทเป็น ‘อัตสึ’ หญิงสาวนักรบที่ 16 ปีก่อน พ่อแม่ของเธอถูกสังหารโดยกลุ่มโจรที่คนเอโซะ รู้จักกันในนาม ‘หกอสูรโยเท’ อัตสึหนีออกจากเกาะเอโซะและไปใช้ชีวิตอย่างปากกัดตีนถีบในแผ่นดินใหญ่ ตลอดเวลานั้น เธอเรียนรู้การเอาตัวรอดและจับดาบฆ่าฟันศัตรูในสงครามจนเริ่มเก่งกาจ และวันนี้เธอกลับมายังเอโซะเพื่อตามล้างแค้นหกอสูรโยเทที่ฆ่าครอบครัวของเธอ

ประเด็นหลักของเรื่องยังคงพื้นฐานง่าย ๆ เช่นเดียวกับเกมก่อนหน้า และก็ยังคงเอกลักษณ์เดียวกัน นั่นคือระหว่างการเล่นเราจะได้พบกับเรื่องราวอื่น ๆ ทั้งจากตัวละครอื่นและตัวของเราเอง ที่บางครั้งมันก็ไม่ใช่อะไรที่ชัดเจนแบบขาว-ดำ แต่ออกไปทางสีเทา ๆ ไม่มีใครผิดถูกเสียทีเดียว ซึ่งเราในฐานะอัตสึก็จะได้เป็นผู้ตัดสินในบางครั้ง 

6 อสูรโยเทที่ฆ่าล้างครอบครัวของ ‘อัตสึ’

การเล่าเรื่องของ Ghost of Yotei จะเป็นการผูกเข้ากับการสำรวจโลกเกม โดยจะให้ความรู้สึกคล้าย ๆ กับ ‘Far Cry 5’ ทื่ไม่ว่าคุณจะทำอะไรก็ตาม นั่นก็อาจจะเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้เรื่องราวดำเนินต่อ อย่างเช่นการถล่มค่ายศัตรู ก็อาจจะทำให้เรื่องถึงหูตัวร้ายและกลายเป็นคัทซีนเนื้อเรื่อง หรือการปราบกลุ่มโจรตามทางที่สุ่มออกมา เมื่อศัตรูตัวสุดท้ายทรุดลง เราจะสามารถเค้นข้อมูลที่จะบอกจุดรับภารกิจเนื้อเรื่องหลัก

หรือการสำรวจไปพบสถานที่ใหม่ นั่นอาจจะเป็นจุดที่อัตสึเคยมีอดีตทำให้เราสามารถย้อนความกลับไปดูความหลังของเธอ ที่เราจะได้บังคับเธอในวัยเด็ก และเราสามารถสลับไปมาระหว่างโลกอดีตและโลกปัจจุบันได้ราวกับดีดนิ้ว แต่ถึงไอเดียมันจะคล้ายกับ Far Cry 5 ก็ไม่ต้องห่วงว่าจะมีการลากคอผู้เล่นเข้าเนื้อเรื่องหลัก คุณจะยังมีอิสระในการเดินเรื่องเช่นเดียวกับ Ghost of Tsushima

และนี่คือเทคนิคการเล่าเรื่องที่ให้ความต่างจริง ๆ จากเกมที่แล้ว หรือพูดได้ว่าแตกต่างจากเกม Open World ทุกเกมที่เคยมี ในเกมอื่น ๆ เราจะได้รู้จักตัวละครของเราผ่านการเล่าในฉากช่วงเปิดเกม หรือเฉพาะในภารกิจหลัก แต่ใน Ghost of Yotei คุณจะได้รู้จักและเข้าใจตัวตนของอัตสึผ่านการสำรวจตลอดทั้งเกม เธอเติบโตมาอย่างไร ความสัมพันธ์ของเธอกับคนในครอบครัวเป็นอย่างไรบ้าง และเธอเคยผ่านเหตุการณ์อะไรมา ทุกอย่างจะถูกเล่าผ่านการสำรวจและการย้อนอดีต เรียกได้ว่ายิ่งสำรวจคุณก็จะยิ่งรู้จักเธอมากขึ้น พร้อมกับรู้จักคนอื่น ๆ ที่จะกลายมาเป็นพรรคพวกของเธอในภายหลัง

นับเป็นการเขียนเรื่องเพื่อความเป็นเกม Open World อย่างแท้จริง ที่ทั้งเข้มข้นน่าติดตาม แถมยังแปลกใหม่ไม่เหมือนใคร แต่ด้วยความที่มันแปลกใหม่กว่าที่ผ่านมา ก็อาจจะทำให้ผู้เล่นบางคนมีอาการ”ผิดผี” ไม่คุ้นเคยและไม่ชอบการเล่าเรื่องในรูปแบบนี้ แต่สำหรับผู้เขียน นี่คือแนวทางการเล่าเรื่องที่ผมอยากเห็นมานานแล้ว 

Presentation – อีกระดับของเกม Open world

หากว่าคุณยังประทับใจกับฉากและสภาพแวดล้อมของเกมที่แล้ว Ghost of Yotei จะทำให้มันน่าประทับใจยิ่งกว่าเดิม ฉากการขี่ม้าไปตามทุ่งของเกาะเอโซะ คือความเพลิดเพลินที่จะทำให้เราแทบไม่อยากจะไปถึงจุดหมาย และมันจะดูมีชีวิตยิ่งกว่าในเกมที่แล้ว คุณจะได้เห็นฝูงนกเป็ดน้ำพากันบินขึ้นฟ้าในจังหวะที่คุณขี่ม้าผ่าน คุณจะเห็นฝูงม้ากว่า 20 ตัวควบหนีคุณ และสิงสาราสัตว์อีกมากมายที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน แถมคุณจะได้เห็นพื้นที่ที่กว้างใหญ่ยิ่งกว่าเดิม อย่างในช่วงหนึ่งคุณจะได้วิ่งสำรวจปากปล่องภูเขาโยเทที่มันยิ่งใหญ่อลังการมาก ต้องเรียกว่าเป็นผลงานความเทพของทั้งทีมฝ่ายศิลป์ที่ยังคงมาตรฐานเดิมไว้ในสเกลที่ใหญ่ขึ้น และทีมฝ่ายเทคนิคที่ใช้พลังเครื่อง PS5 ได้อย่างเต็มสูบ 

และนอกจากความสวยงาม เพลงประกอบของภาคนี้ก็ยังไพเราะและหลากหลายขึ้น อัตสึ จะมีเครื่องสายที่เรียกว่า ‘ซามิเซ็ง’ ซึ่งตลอดการเดินทาง เราจะได้เรียนรู้เพลงใหม่ ๆ ที่เราสามารถคว้ามันออกมาดีดได้ทุกเมื่อ และมันไม่ได้มีผลแค่การเปลี่ยนสภาพอากาศแบบในเกมที่แล้ว เพลงแต่ละแบบจะมีความพิเศษเป็นของตัวเอง อย่างเพลงหนึ่งจะใช้ในการตามหาแท่นฟันไม้เพื่ออัปเกรดพลังใจ และอีกเพลงจะเป็นการตามหาแท่นบูชาที่ใช้เก็บแต้มปลดสกิล อย่างนี้เป็นต้น 

ในภาคนี้จะแทบไม่มีการกั้นฉาก คุณสามารถเดินทางไปได้เกือบทุกที่ตั้งแต่เริ่มเกม หลักการในการให้ข้อมูลแก่ผู้เล่นจะมีความคล้ายคลึงกับภาคแรก ที่เราจะได้รู้จักสถานที่ใหม่ ๆ ผ่านกิจกรรม แต่ในภาคนี้มันจะมีตัวแปรเยอะกว่าเดิมประมาณ 2-3 เท่า คือไม่ว่าคุณจะทำอะไร ทุกอย่างอาจทำให้เจอเหตุการณ์สุ่ม อย่างการตั้งแคมป์พักผ่อน คุณอาจจะได้เจอตัวละครในเนื้อเรื่องหลัก ที่คุณได้เจอเขาเร็วกว่าเดิมเพราะเขาผ่านมานั่งคุยกับเราที่แคมป์ การเดินทางไปหาแท่นฟันไม้ก็อาจเชื่อมไปหาภารกิจรองที่อยู่ใกล้ ๆ แถมพาให้เราเดินทางไปยังพื้นที่ใหม่ ที่ยิ่งมีกิจกรรมให้ทำมากขึ้น หรือแม้แต่การนอนหลับเพื่อข้ามเวลา คุณก็อาจจะได้พบเหตุการณ์ที่นึกไม่ถึงเช่นกัน 

ระบบของภารกิจที่หลากหลายขึ้นจากภาคก่อน

การออกแบบกิจกรรมหรือระบบของภารกิจ มันก็เยอะขึ้นและหลากหลายกว่าเดิม จุดเก็บของบางที่อาจจะจบด้วยการเปิดเรื่องของสู่ภารกิจใหม่ พื้นที่บางจุดจะมีปริศนาที่เราต้องแก้ก่อนจะได้รางวัล และการถูกตามล่าอาจจะไม่จำเป็นต้องจบด้วยการนองเลือด บางทีคุณสามารถใช้สันติวิธีอย่างการจ่ายสินบน ที่ทำให้ผู้ล่าคนนั้นยอมบอกข้อมูลดี ๆ หรือการล่าค่าหัว ถ้าเป็นศัตรูระดับสูง คุณจะมีทางเลือกในการจับเป็น ที่จะยิ่งเพิ่มเงินรางวัลตอนท้าย นับเป็นการอุดจุดอ่อนเดิมได้อย่างตรงจุด จากที่ในเกมก่อนเราจะเห็นดีไซน์ภารกิจไม่กี่แบบ แต่ใน Ghost of Yotei เราอยากแนะนำให้ได้ลองสัมผัสกันเอง

ยิ่งออกสำรวจก็ยิ่งเก่งขึ้น

ระบบการไต่ระดับถูกยกเครื่องใหม่ทั้งดุ้น นี่คือเกมที่ไม่มีการเก็บแต้ม XP จากภารกิจ ไม่มีระบบชื่อเสียงตำนานเลื่องลือ การปลดสกิลยกมาเป็นการสำรวจหาแท่นบูชาเท่านั้น ทำให้เราต้องออกสำรวจอย่างเดียวถ้าอยากเก่งขึ้น แต่การเข้าปะทะกับศัตรูก็ใช่ว่าจะไร้ประโยชน์ เพราะคุณจะได้เงินและทรัพยากรต่าง ๆ จากศพของศัตรู แค่มันไม่ใช่ปัจจัยในการไต่ระดับความเก่งของเราอีกแล้ว นับเป็นแนวทางใหม่ที่ถือว่ากล้าทำ กล้าที่จะทิ้งขนบเดิม ๆ ของเกม Open world และบังคับให้ผู้เล่นออกไปสัมผัสโลกอย่างแท้จริง 

ซึ่งตรงนี้ก็อาจจะทำให้ผู้เล่นบางคนไม่ชอบ เพราะมันกินเวลาในการเล่นยิ่งกว่าใน Ghost of Tsushima ใครที่เวลาเล่นเกมน้อยก็อาจจะรู้สึกเหนื่อยหน่าย เพราะเราจะไม่ได้แต้มสกิลจากการเล่นเนื้อเรื่องอย่างเดียว แต่ถ้าคุณมีเวลาเล่น มันจะทำให้เราติดพันกับเกมนี้จนแทบวางไม่ลง 

Gameplay – ศาสตร์ศิลป์สังหาร

เร็วขึ้น หลากหลายขึ้น และท้าทายขึ้น Ghost of Yotei จะทำให้เราเข้าถึงความสนุกเร็วกว่าใน Ghost of Tsushima อัตสึ จะมีตะข้อเกี่ยวที่ใช้โหนตัวขึ้นที่สูงตั้งแต่เริ่มเกม ต่างกับเกมก่อนที่เราต้องเล่นไปกว่า 20 ชั่วโมงถึงจะได้มาใช้ รวมถึงความสามารถหลาย ๆ อย่างจากเกมก่อน เช่นการใช้ท่าไม้ตายไล่ฟันศัตรูในดาบเดียว และการลอบสังหารผู้นำ ใน Ghost of Tsushima เราต้องเล่นไปถึงช่วงกลางเกมเลยทีเดียว ที่ใช้เวลาเกือบ 40 ชั่วโมง แต่ใน Ghost of Yotei คุณสามารถปลดมันมาใช้ได้ตั้งแต่ช่วงแรก หากคุณเลือกที่จะเทแต้มสกิลให้กับการลอบสังหาร ดังนั้นถ้าคุณเคยเล่นเกมที่แล้ว คุณจะรู้สึกพร้อมลุยตั้งแต่เริ่มจับจอย 

และถ้าคุณอยากได้ความท้าทายในแบบที่เราชอบ เกมนี้ก็เปิดโอกาสให้เราปรับแต่งความยาก เราสามารถเลือกความยาก-ง่าย ของการต่อสู้, จังหวะ Parry, การลอบเร้น ใครอยากให้ศัตรูโหด ๆ แต่ปัดการโจมตีง่าย ๆ ก็เลือกได้ตามใจ (ผู้เขียนเลือกยากสุดทุกอย่าง ในฉากดวลกันบางทีมันก็ยากซะจนแทบปาจอยแตก)

อาวุธประชิดตัวที่มีให้ใช้หลากหลายขึ้น

จากในเกมที่แล้ว อาวุธประชิดของเราจะมีแค่ดาบคาตานะ แต่ในภาคนี้ คุณจะได้ใช้อาวุธหลากหลายมาก  การเปลี่ยนกระบวนท่าให้เหมาะกับศัตรู กลายมาเป็นการเปลี่ยนอาวุธ อย่างเช่นดาบคู่ ที่จะได้ผลดีกับพลหอก หรือเคียวติดโซ่ ที่เหมาะกับศัตรูถือโล่ อาวุธแต่ละชิ้นจะมีสายสกิลและคอมโบไม่เหมือนกัน ทำให้การต่อสู้แพรวพราวกว่าเดิมอย่างมาก และเกมก็แอบบังคับให้เราสลับใช้อย่างจริงจัง โดยเฉพาะในฉากการดวลดาบ ศัตรูบางคนจะเปลี่ยนอาวุธกลางทางที่ทำให้เราต้องเปลี่ยนตามไปด้วย ไม่อย่างนั้นเราจะเสียเปรียบพอตัว 

จังหวะกดในระยะสั้น ๆ นอกจากการปัดป้องสมบูรณ์แบบในเกมที่แล้ว เรายังสามารถหลบหลีกสมบูรณ์เปิดช่องให้เราฟันเต็ม ๆ หรือการโจมตีสวน ที่จะเป็นสัญลักษณ์สีทองบนมือของศัตรู ถ้าเราเร็วพอ การกดสามเหลี่ยมค้างชาร์จพลังโจมตีหนัก จะเป็นการปัดอาวุธออกจากมือศัตรู แต่มันก็มีความเสี่ยงเพราะถ้าเราโดนท่าสีทอง อาวุธของเราก็จะหลุดมือทำให้เราต้องวิ่งไปเก็บ หรือเปลี่ยนอาวุธอื่นมาใช้ไปก่อน และนอกจากอาวุธที่เราพกติดตัว ในเกมนี้เราสามารถคว้าอาวุธของศัตรูมาเป็นอาวุธขว้าง ที่จะเป็นการฆ่าศัตรูธรรมดาในช็อตเดียว จะเป็นดาบ, หอก หรืออะไรก็ตามแต่ คุณสามารถคว้ามันระหว่างการต่อสู้ แล้วปาเสียบศัตรูอย่างสวยงาม นี่คือการต่อสู้ที่ดุเดือด โลดโผนกว่าเกมที่แล้วประมาณ 3 เท่าตัว ใครที่เล่นเก่ง ๆ คุณจะได้พา อัตสึ เริงระบำท่วงท่าสังหารหมู่กันเลยทีเดียว 

แต่ก็ใช่ว่าเราจะเก่งขึ้นฝ่ายเดียว Ghost of Yotei ก็มีศัตรูชนิดใหม่ที่เราไม่เคยเห็นในเกมที่แล้ว อย่างศัตรูชนิดหนึ่งที่จะไม่เน้นโจมตี จะเน้นร้องเพลงปลุกขวัญกำลังใจเพื่อน ๆ ทำให้พวกมันโจมตีรุนแรงมากขึ้น บีบให้เราเก็บมันก่อนเป็นตัวแรก ดังนั้นถ้าคุณเล่นในความยากสูง ๆ บอกเลยว่าหืดขึ้นคอยิ่งกว่าเกมที่แล้ว 

คิดลูกเล่นของจอย Duelsense มาให้ใช้แบบเต็มสูบ

Ghost of Yotei ดูจะเป็นไม่กี่เกมที่ใช้ลูกเล่นของจอย Duelsense แบบเต็มสูบ คุณจะได้เจอกิจกรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ต้องใช้ทั้ง Touchpad, การขยับของจอย ที่บอกตามตรงว่าน่ารำคาญเอาเรื่องถ้าต้องทำเยอะ ๆ โชคดีว่าเกมจะเปิดโอกาสให้คุณกดข้ามจังหวะแบบนั้น แต่ในจังหวะที่ข้ามไม่ได้ ผู้เขียนก็ยังแอบรู้สึกว่ามันออกจะน่ารำคาญไปซักหน่อย จนทำให้ผู้เขียนแอบสงสัยว่าเมื่อเกมนี้ย้ายมาลงให้กับ PC การเล่นด้วยเมาส์-คีย์บอร์ด จะเล่นอย่างไร เพราะการออกแบบแต่ละอย่างมันเหมือนเกมที่สร้างมาเพื่อ PS5 โดยเฉพาะ

นอกจากความน่ารำคาญเล็กน้อยของจังหวะที่ต้องใช้ Touchpad นี่ก็เป็นเกมที่แอบโหดไปนิดสำหรับผู้เล่นที่ไม่เคยผ่าน Ghost of Tsushima มาก่อน เกมจะไม่บอกอย่างชัดเจนว่าคุณควรจะทำอะไรก่อนหลัง ดังนั้น คุณอาจจะได้ไปเจออุปสรรคโดยที่มีอุปกรณ์ไม่พร้อม ซึ่งนั่นก็คือสิ่งที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในภาคแรก ใครที่เถลไถลมากเกินไปก็อาจจะได้เจออุปสรรคที่ทำเราแพ้ยับ ๆ แต่เราก็ไม่รู้อยู่ดีว่าอะไรที่ควรจะตามไปเก็บก่อนเป็นอันดับแรก หากคุณเคยผ่านเกมที่แล้ว นี่จะไม่ใช่ปัญหาเลย แต่ผู้เล่นใหม่บางคนก็อาจจะได้เจอประสบการณ์ที่แย่จากการเถลไถลของเราเอง 

Performance – ลื่นไหลไร้กังวล 

ในการรีวิวนี้เราทดสอบด้วย PS5 Pro ที่ก็ให้ภาพที่สวยงามมาก ในโหมดประสิทธิภาพที่ความละเอียดต่ำจาก 4K หน่อย ก็ให้ประสบการณ์ 60 เฟรมที่ดีมาก และในเครื่อง PS5 Pro คุณสามารถเปิดโหมด Ray tracing แบบ 60 เฟรมได้ด้วย หากเป็นเครื่องธรรมดาจะเปิดได้แค่ในโหมด 30 เฟรมเท่านั้น แต่ถ้าจะให้จับผิดกันจริง ๆ เรื่อง Ray tracing ก็อาจจะถือเป็นข้อติได้ เพราะความต่างระหว่างเปิด-ไม่เปิด มันน้อยมากเหลือเกิน จนทำให้ผู้เล่นที่อุตส่าห์เสียเงินซื้อเครื่อง Pro มา อาจจะต้องร้องไห้กับคุณภาพที่ได้ ซึ่งต้องขอภัยที่พวกเราไม่ได้ลองทดสอบว่าใน PS5 ธรรมดามีคุณภาพเป็นอย่างไรบ้าง

และแม้ว่ากราฟิกโดยรวมจะสวยงามมากอยู่แล้ว เราก็พอจะสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างที่ต้องแลก เพื่อให้ได้เกมที่ลื่นไหล อย่างการเรนเดอร์เงาในบางจุดจะมีการขาดตอนที่ชัดเจนมาก รวมถึงพื้นผิวบางจุดก็จะมีอาการ Glitch เล็กน้อย ที่แม้จะดูไม่ใช่เรื่องใหญ่แต่ก็ทำให้เสียอรรถรสเป็นบางจังหวะ และนี่คือเกมที่ไร้การแสดงเงาแบบ Dynamic เช่นเดียวกับภาคแรก แม้จะเป็นเวอร์ชัน PC ที่เปิดสุดทุกอย่าง ซึ่งก็เป็นจุดที่เข้าใจได้ ด้วยสเกลของเกมที่ใหญ่ขนาดนี้ การจะให้มีแสงเงาถอดออกมาจากกองไฟก็คงจะทำให้เราไม่ได้ความลื่นไหลแบบนี้ แต่ด้วยเหตุนี้ ก็ทำให้ภาพเกมในบางจังหวะยังดูไม่ค่อยต่างจากยุคของ PS4 เท่าไหร่ 

แต่หากคุณไม่ซีเรียสกับอะไรพวกนี้อยู่แล้ว นี่คือเกมที่เล่นได้แบบไร้ปัญหาใด ๆ มันทั้งลื่นไหลและไม่มีบั๊คใด ๆ ทั้งสิ้น แค่คุณต้องมี PS5 เพื่อเล่นมันเท่านั้นเอง 

Verdict 

มันคือเกมเดิมที่ติดพันกว่ายิ่งกว่าเก่า ลบจุดอ่อนเดิม ๆ ที่เคยมีจากเกมที่แล้ว และแต่งเติมด้วยลูกเล่นใหม่เป็นกระบุง นี่คือเกมที่ชาว PlayStation จะต้องมีติดไว้อย่างที่สุด

Story 9.5/10
Presentation 10/10
Gameplay 9/10
Performance 9/10

Ghost of Yotei

9.5 / 10 คะแนน

9.5

ข้อดี

  • การเล่าเรื่องสดใหม่ ไม่จำเป็นต้องเคยเล่นภาคแรก
  • โลกเกมสวยงาม ติดพันจนไม่อยากเลิก
  • ระบบการต่อสู้แพรวพราวและหลากหลาย
  • มาตรฐานใหม่ของการนำเสนอโลก Open world

ข้อเสีย

  • คนเวลาเล่นเกมน้อยอาจไม่เหมาะ
  • มินิเกมที่ใช้ลูกเล่นจอยแอบน่ารำคาญ
  • ผู้เล่นหน้าใหม่อาจจะต้องปรับตัวเยอะ
  • ลูกเล่นกราฟิกเฉพาะของ PS5 Pro ไม่สมราคา

Nantahwut Indarachalerm

เน็กซ์ - Chief Video Editor

Back to top