Horses ผลงานเกมเล่าเรื่องแนวสยองขวัญเชิงทดลองจากทีมพัฒนา Santa Ragione ผสมความแปลกประหลาดแบบหลอน ๆ เข้ากับอารมณ์ขันมืดดำออกมาได้โดดเด่น เป็นประสบการณ์ชวนอึดอัด ตลกแห้งในบางฉาก และสะท้อนประเด็นสังคมได้น่าสนใจ เป็นผลงานที่ถ้าได้ลองเล่นแล้วจะต้องจดจำ และแม้ตัวเกมจะมีฉากรุนแรง ดิบเถื่อนอยู่เต็มไปหมด มันก็ยังไม่ถึงขั้นที่สมควรจะโดนแบนจาก Steam แต่อย่างใด
ในช่วงที่ผ่านมาเชื่อได้ว่าหลายคนน่าจะได้ยินชื่อเสียงของผลงานเกม Horses กันแบบผ่าน ๆ เพราะนี่คือผลงานเกมที่กลายเป็นประเด็นดราม่าในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาหลังตัวเกมนั้นโดน “แบน” จากร้านค้าใหญ่ของ PC อย่าง STEAM และ Epic Games
ส่วนตัวแล้วผมติดตามผลงานเกมนี้มาตั้งแต่ตอนเปิดตัว และเมื่อถึงวันวางจำหน่ายจริงมันดันมาโดน “แบน” เข้าอีก ก็ยิ่งทำให้ความสงสัยเพิ่มพูนจนสุดท้ายต้องไปซื้อเกมนี้จากร้านค้า GOG มาเล่น เพื่อจะหยิบมาเล่ามารีวิวกัน
ซึ่งหลังจากได้ลองเล่นแล้วก็ต้องบอกว่า Horses อาจจะไม่ใช่เกมที่ดี แต่มันเป็นเกมที่ “น่าสนใจ” และการนำเสนอรวมไปถึงเนื้อหาต่าง ๆ ของมันนั้นก็ไม่ได้ “รุนแรง” เมื่ออย่างที่ผมคาดเดาไว้ในตอนแรก

STORY
หนึ่งในสิ่งที่เซอร์ไพรส์ที่สุดคือเกมนี้ “ตลกกว่าที่คิด” แต่เป็นตลกแบบขำไม่สุด เป็นตลกแบบแห้ง ๆ ผสมกับความน่ากลัว ความอึดอัดและความหลอน อารมณ์รวม ๆ ของเกมสลับไปมาระหว่างฉากขำเหนือจริงกับภาพที่ทำให้รู้สึกไม่สบายใจ (แบบสุด) เป็นผลงานที่หยิบเอาฉากสุดโต่งมานำเสนอประเด็นสังคมที่ต้องการบอกเล่าให้ผู้เล่นได้ฟัง
ตัวเกมกำกับโดย Andrea Lucco Borlera ผู้กำกับภาพยนตร์ชาวอิตาลี ดังนั้นฉากต่าง ๆ ในเกมก็ใช้ภาษาภาพยนตร์แบบจัดเต็ม ตั้งแต่เฟรมอัตราส่วนแบบ 1.33:1 นำเสนอเป็นหนังเงียบ ภาพขาวดำจัดคอนทราสต์ อัดมาด้วยการตัดสลับสไตล์สารคดีเก่า และใส่ฟุตเทจภาพถ่ายทำจริง ๆ แทรกเข้ามา เรียกได้ว่าเป็นผลงานเกมที่มีการเล่าเรื่องโดดเด่นมาก ๆ หนึ่งเกม
ผู้เล่นจะรับบทเป็น Anselmo เด็กหนุ่มที่ถูกส่งไปทำงานในฟาร์มชนบทเป็นเวลา 14 วัน ด้วยความหวังว่า เพราะครอบครัวคาดหวังจะให้ “โต” เป็นผู้ใหญ่ เอาจริงเอาจังกับชีวิตเสียที

แต่จากงานทำฟาร์มแบบธรรมดา ไม่นานเราก็พบว่าฟาร์มนี้ดันมี “กฎเกณฑ์” บางอย่างที่ผิดปกติแบบสุด ๆ และการมาทำงานพิเศษหาเงินง่าย ๆ กลับต้องกลายเป็นประสบการณ์ที่ “เปลี่ยนชีวิต” ไปตลอดกาล
ในด้านเนื้อหาเรียกได้ว่า Horses อาจจะไม่ได้โดดเด่นอะไรมาก มันนำเสนอสถานการณ์เหนือจริงมากมายที่ตั้งหน้าตั้งตาวิจารณ์สังคมและการกดขี่ในรูปแบบต่าง ๆ
ส่วนใครที่คาดหวังจะได้เห็นเกมสยองขวัญสุดล้ำ มีการเล่าเรื่องเด็ด ๆ มีการเฉลยปมทุกอย่างแบบโดนใจหรือมี Plot Twist ที่ต้องปรบมือให้ ก็ต้องเตือนไว้ล่วงหน้าว่า Horses ไม่ใช่ผลงานในรูปแบบนั้น
Gameplay
ถ้าจะอธิบายให้เห็นภาพที่สุดก็ต้องบอกว่า Horses เป็นเหมือนประสบการณ์การดูภาพยนตร์แบบ Interactive ตัวเกมมีระบบการเล่นที่ไม่มีอะไรลึกล้ำ ทุกอย่างดำเนินไปแบบเส้นตรงผ่านทางเลือกเล็กน้อยที่เหมือนเป็นตัววัดใจผู้เล่นมากกว่าจะส่งผลกระทบจริงต่อเนื้อหาภายในเกม
เราจะต้องค่อย ๆ ช่วยงานในฟาร์มผ่านภารกิจง่าย ๆ เอาตัวรอดให้ครบ 14 วัน เหตุการณ์ทุกอย่างเกิดขึ้นในฉากขนาดเล็ก ๆ ซึ่งเราจะได้ทำภารกิจเช่นเดินไปให้อาหารสุนัข หยิบผัก เก็บของ เดินกลับไปกลับมาในฉากตามที่เนื้อหาในเกมกำหนด
ตัวฉากไม่ได้มีอะไรให้สำรวจให้ค้นหา ทุกอย่างเป็นเหมือนฉากในละครเวทีที่มีจุดหมายเดียวคือการพาผู้เล่นไปสู่ฉากในลำดับถัดไป เกมการเล่นต่าง ๆ ก็เป็นเหมือนเส้นทางที่เราเดินตามเพื่อไปให้ถึงฉากที่ผู้กำกับสร้างเอาไว้รอให้เราเดินไปชม
ดังนั้นในแง่เกมการเล่นแล้วมันก็ไม่ได้มีอะไรลึกล้ำ แต่โดยรวมก็ถือว่าทำงานได้ดีกับประสบการณ์ที่ทีมงานต้องการนำเสนอ มีบางฉากบางตอนที่เรียกได้ว่าบีบคั้นหัวใจกับการได้เห็นภาพต่าง ๆ ผ่านตัวเอกของเราในมุมมองบุคคลที่หนึ่ง
Presentation
แค่กดเริ่มเกมมา Horses ก็ขึ้นคำเตือนมากมายที่อาจชวนให้หลายคนอาจจะอยากปิดเกม เพราะตัวเกมเปิดหัวมาเลยว่าจะนำเสนอฉากที่มีความรุนแรงทั้งทางร่างกาย จิตใจ ไปจนถึงความรุนแรง “ทางเพศ”
อย่างไรก็ตามตัวเกมไม่ได้มุ่งเน้นการนำเสนอฉากสยดสยองแบบเลือดตกยางออกแต่อย่างใด เราจะไม่ได้เห็นความรุนแรงแบบสุดขีดอย่างที่เราคุ้นเคยในเกมสยองทั่วไป
ไม่มีฉากเลือดสาดท่วมจอ หรือฉาก Jump Scare ที่ทำให้คุณต้องสะดุ้งอยู่ภายในเกมนี้ ถ้าพูดกันถึงความ “รุนแรง” แบบการฆ่าหรือฉากการตายแล้ว Horses เทียบไม่ได้เลยกับเกมสยองขวัญทั่วไปในท้องตลาด
สิ่งที่เกมต้องการคือให้ผู้เล่นรู้สึกไม่สบายใจ ด้วยภาพ “การลดทอนความเป็นมนุษย์” เหล่า “ม้า” ภายในเกมถูกกระทำด้วยสิ่งต่าง ๆ ที่ไม่พึงประสงค์ตั้งแต่ฉากเริ่มไปจนจบ

ส่วนฉากที่ถูกสงสัยว่าทำให้ตัวเกมโดน “แบน” ก็ไม่ได้รุนแรงหรือถูกนำเสนอออกมาได้ย่ำแย่แต่อย่างใด (ทั้งก่อนหรือหลังการเปลี่ยนตัวละคร NPC) แม้เราจะพอเข้าใจว่าทำไม Steam ตัดสินใจแบนเกมนี้ แต่วิสัยทัศน์ของทีมงานนั้นโดดเด่นจนเราสามารถเข้าใจได้ทันทีว่าตัวเกมต้องการสื่อเนื้อหาไปในทิศทางไหน
โดยรวมแล้วผมรู้สึกว่าตัวเกมมีการนำเสนอและโทนที่ “มั่ว” เกินไปหน่อย ในขณะที่ข้อความที่เกมต้องการจะสื่อถึงผู้เล่นนั้นนักแน่นและจริงจัง แต่การนำเสนอกลับสอดใส่ความตลกเข้ามามากเกินไปนิดในบางฉาก
แต่โดยรวมมันก็ยังหนักแน่นในท่าทีของการตั้งคำถามต่อระบบของสังคม พร้อมฉากจบและข้อความที่แม้อาจจะมืดหม่นแต่ก็มีความหวังอยู่ในตัวเอง

สรุป
Horses เป็นเกมเล่าเรื่องเชิงทดลองที่เล่นกับความรู้สึกของผู้เล่นได้น่าสนใจ มันไม่ปราณีปราศรัยในการวิพากย์วิจารณ์สังคม อำนาจ การกดขี่ และความเป็นมนุษย์
ถ้าจะให้ตอบตรง ๆ ก็ต้องบอกว่า Horses ไม่ใช่เกมที่ “ดี” แต่มันเป็นเกมที่ “น่าสนใจ”
ถ้าคุณชอบเกมที่ให้ประสบการณ์ที่หาไม่ได้จากเกมอื่นก็ลองหามาเล่นกันได้ จบได้ในเวลาไม่นานแต่ทิ้งฉากต่าง ๆ ให้จดจำพร้อมอะไรอีกหลายอย่างไว้ให้ขบคิด อย่างแน่นอน













