BY Nuttawut Apiratwarakul
19 Nov 25 1:23 pm

รีวิว Dispatch – ซีรีส์ Superhero สุดสนุกที่คุณ “เล่น” ได้

191 Views

อีกหนึ่งผลงานชั้นเยี่ยมส่งท้ายปี 2025 ถ้าคุณชื่นชอบเรื่องราวของเหล่า Hero ตัวละครที่ชวนให้เอาใจช่วย และไม่ติดขัดกับเกมที่ให้ฟีลเหมือนดู “ซีรีส์” นี่คือผลงานที่คุณไม่ควรพลาดในปีนี้อย่างยิ่ง

ในยุคที่เกมแนวเล่าเรื่องผสมตัวเลือกกลับมาคึกคัก Dispatch คือหนึ่งในผลงานที่ทำให้นึกถึงช่วงเวลาทองของทีม Telltale Games ผู้สร้าง Walking Dead, The Wolf Among Us และงานระดับตำนานมากมาย

Dispatch คือการผสมระหว่างเนื้อหา Superhero แบบคอมิกส์กับกลิ่นอายซีรีส์ตลก–ดราม่า เข้มข้น อารมณ์ดี และเล่าเรื่องได้ยอดเยี่ยมจนให้ความรู้สึกเหมือนกำลังรับชมซีรีส์คุณภาพจริง ๆ

ถ้าไม่มีระบบการเล่นอย่างการส่งฮีโร่ทำภารกิจ Mini Game การ Hack หรือการตัดสินใจเลือกตัวเลือก Dispatch จะกลายเป็นซีรีส์ที่หลายคนต้องรอติดตามทุกสัปดาห์อย่างแน่นอน

STORY – ฮีโร่ตกอับกู้ทีมวายร้ายให้กลายเป็นยอดฮีโร่

ผู้เล่นรับบท Robert Robertson หรือ “Mecha Man” ฮีโร่ไร้พลังที่ใช้เกราะเหล็กยักษ์ต่อสู้กับวายร้าย เขาคือฮีโร่ชื่อดังแต่ชีวิตพลิกผันทันทีเมื่อชุดเกราะถูกทำลายจนซ่อมไม่ได้

เมื่อชีวิตตกต่ำ เขาได้รับโอกาสใหม่จาก Blonde Blazer ให้มารับบท “Dispatcher” คนควบคุมและส่งฮีโร่รับค่าแรงไปช่วยเหลือผู้คนในเมือง

ปัญหาคือ…ทีมที่ Robert ต้องดูแล ไม่ใช่ฮีโร่ แต่เป็น “อดีตวายร้ายเกรดต่ำ” ที่ไม่มีความพร้อมจะทำงานเป็นทีมเลยสักนิด

เนื้อหาของเกมเหมือนจะใช้เส้นเรื่องแบบ “สูตรสำเร็จ”   ไล่ไปตั้งแต่การตกต่ำของยอดฮีโร่ ไปจนถึงการรวมทีมของพวกเห่ยมากู้โลกแบบ Suicide Squad หรือ Guradian of the Galaxy แน่นอนว่าเส้นเรื่องดังกล่าวมันถูกเล่ามาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนทั้งในการ์ตูน ภาพยนตร์ ซีรีส์ หรือแม้แต่วิดีโอเกม

แต่สิ่งที่เกม Dispatch ทำได้สำเร็จคือการใช้เส้นเรื่องแบบสูตรสำเร็จเหมือนต้มมาม่า ร้อยเรียงเรื่องราวและตัวละครให้สร้างความผูกพันกับผู้เล่นได้แบบดีเยี่ยม ด้วยงานเขียนที่ทรงพลัง ทุกตัวละครในเกมจึงมีเอกลักษณ์ เข้มข้น และมีมิติ ทำให้การเฝ้ามองพวกเขาค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงตัวเองกลายเป็นเรื่องที่สนุกชวนให้เราติดตามตั้งแต่ต้นจนจบเกม

ตัวอย่างชัดที่สุดคือ Robert ตัวเอกซึ่งเกมวาดภาพไว้เหมือนเป็นฮีโร่ตกอับขี้ประชด ปากร้าย กวนทีนตลอดเวลา แต่ความจริงตัวเอกเรามีอะไรลึกกว่านั้นให้ได้ค้นหา

หรือตัวละครอย่าง Invisigal สาวพลังล่องหนที่เชื่อว่าตัวเองถูก “ชะตาลิขิตให้เป็นตัวร้าย”  บทพูดระหว่าง Robert กับ Invisigal นั้นมีเคมีที่ยอดเยี่ยม ซึ่งต้องขอบคุณการเขียนบทและการแสดงอันยอดเยี่ยมของ Aaron Paul และ Laura Bailey ผู้ให้เสียงพากย์ตัวละครทั้งสอง การสื่ออารมณ์นั้นถ่ายทอดความเปราะบาง ความหวัง และการเติบโตได้แบบชัดเจน

เรียกได้ว่าเนื้อเรื่องและการเขียนบทของเกมนั้นเป็นหัวใจที่สำคัญที่สุดของ Dispatch ก็ว่าได้

Gameplay – เลือกฮีโร่ที่ใช่ในแบบที่คุณชอบ

แม้จะวางตัวเหมือนเป็นซีรีส์ที่เน้นการดูมากกว่าการ “เล่น” แต่ Dispatch ก็ถือว่ามีส่วนของ Gameplay ที่สนุกเพลิดเพลินรอให้ผู้เล่นได้ไปสัมผัส

แกนหลักของการเป็น Dispatcher หรือเจ้าหน้าที่ควบคุมฮีโร่คือการวิเคราะห์สถานการณ์จากสายแจ้งเหตุที่โทรเข้ามา  ผู้เล่นต้องคอยส่งฮีโร่ที่เหมาะสมไปจัดการปัญหาภารกิจต่าง ๆ ที่โผล่ขึ้นมา ปัญหาคือภารกิจมีเป้าหมายที่เจาะจงแตกต่างกันไป บางครั้งคนขอความช่วยเหลือไม่ต้องการใช้ความรุนแรง บางครั้งเป็นระเบิดที่กำลังจะระเบิดภายในไม่กี่วินาที ตัวเกมจะมีคำใบ้คอยบอกว่าภารกิจไหนควรส่งฮีโร่แบบไหนออกไปจัดการ

ฮีโร่แต่ละคนมีค่าสเตตัส 5 ช่อง ไล่ไปตั้งแต่ Combat, Vigor, Mobility, Charisma และ Intellect ซึ่งคุณต้องจับคู่กับภารกิจให้ถูกต้อง บางครั้งภารกิจหนึ่งอาจต้องใช้ทั้งความเร็วและการต่อสู้  บางครั้งเราสามารถส่งฮีโร่หลายคนไปช่วยกันทำภารกิจเดียวกันได้ แต่ยิ่งใช้หลายคนก็ยิ่งเสียเวลา เพราะหลังทำภารกิจเสร็จ ทุกคนต้องเดินทางกลับ และพักฟื้นเพิ่มพลัง ส่งผลให้เมื่อภารกิจโผล่มาแบบรัว ๆ ทีมคุณก็ไม่มีใครพร้อมออกไปลุย ถ้าไม่บริหารจัดการให้ดี

เมื่อทำภารกิจสำเร็จ Hero ของคุณจะได้รับค่าประสบการณ์เพื่อนำมาพัฒนาเลเวลและเพิ่มค่าสเตตัสของตัวเอง ยังไม่รวมไปถึงโบนัสพลังพิเศษและการคอมโบจับคู่ของฮีโร่ที่เข้าขากัน ทำให้ตัวเกมแอบมีความลึกและใช้สมองอยู่เหมือนกัน

ระบบนี้ทำให้ Dispatch เป็นเกมที่ท้าทาย เรียบง่ายแต่เล่นสนุกเอาเรื่อง เกมการเล่นหลักที่แม้อาจจะไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับเนื้อหาหลักของเกมแต่ก็ถูกใส่เข้ามาได้แบบลงตัว จนผมเองก็เห็นด้วยว่าไอ้ระบบตรงนี้สามารถนำไปขยายกลายเป็นเกมใหม่จริง ๆ ได้อีกเกม

บางภารกิจ Robert ต้องลงมือช่วยด้วยการ “ Hack ระบบ” ซึ่งมาในรูปของ Mini Game เดินผ่านเขาวงกต บางรอบต้องกดปุ่มคอมโบเพื่อปลดล็อกเส้นทาง บางครั้งต้องวิ่งหนี Anti Virus ในระบบที่พร้อมไล่ล่าคุณ  เมื่อเกมดำเนินไป ความยากของการ Hack ก็จะค่อย ๆ เพิ่มขึ้น  บอกตรง ๆ ว่าเป็น Mini Game ที่ยากเอาเรื่อง บางครั้งต้องลุ้นกันถึงวินาทีสุดท้าย  ยังดีที่ตัวเกมมี Option เสริม เปิดตัวช่วยให้กับคนที่อาจจะไม่ถนัดหรือไม่ยากกดดันตัวเองผ่านระบบนี้

Presentation – ทางเลือกที่เหมือนมีผล…แต่สุดท้ายเป็นเพียงภาพลวงตา

แม้ Dispatch จะมีจุดตัดของเนื้อเรื่องที่บอกว่าเป็นเหตุการณ์สำคัญให้ผู้เล่นตัดสินใจหลายจุด แต่เมื่อเล่นลึกลงไปจะเริ่มเห็นชัดว่าหลายทางเลือกไม่ได้ส่งผลลึกต่อเนื้อเรื่องจริง ซึ่งจุดนี้ถือว่าเป็นปัญหาของเกมสไตล์นี้มาตลอดอยู่แล้วตั้งแต่อดีต แต่หลายจุดหลายตอนผลงานหลายชิ้นในรูปแบบนี้ก่อนหน้าทำให้เรารู้สึกได้ว่าทางเลือกต่าง ๆ นั้นส่งผลกระทบต่อเส้นเรื่องอย่างแท้จริง ขณะที่ใน Dispatch เรื่องราวเหมือนมุ่งหน้าไปยังเส้นทางเดียวโดยเราแค่มีส่วนหยิบจับเนื้อหาเสริมมาประกอบระหว่างทางเท่านั้น

แม้จุดนี้จะทำให้ความยอดเยี่ยมของตัวเกมจะลดลงไปบ้าง แต่ก็ไม่ถึงกับทำลายประสบการณ์โดยรวม เพราะอย่างที่บอกไปตอนต้น เนื้อหาส่วนอื่นของเกมนั้นยอดเยี่ยมมาก ๆ

แต่ใครที่ “จริงจัง” กับเรื่อง “ผลกระทบ” ของตัวเลือกในเกมอาจจะผิดหวังในส่วนนี้ได้เหมือนกัน ถึงอย่างนั้นตัวเกมก็มีคุณค่ามากพอให้เล่นซ้ำได้อีกรอบสำหรับใครที่อยากเห็นตัวเลือกสำคัญ ๆ ในเกมแบบครบถ้วน (หรืออยากสนุกทำแต้มระบบการเป็น Dispatcher หรือปั้น Hero ที่ชอบให้โดดเด่น)

Graphic – งานภาพสวยงามลื่นไหลเพราะทั้งเกมเป็นฉากคัทซีน

อีกจุดที่ผลงานเกมนี้ต่างกับเกมรุ่นพี่คือการที่ตัวเกมไม่มีการเรนเดอร์งานภาพ 3 มิติเลยในเกมแม้แต่นิดเดียว ฉากต่าง ๆ ที่เราเห็นยกเว้นตัว UI ช่วงมินิเกมต่าง ๆ จะเป็นคัทซีนที่ถูกอัดเอาไว้แล้ว ดังนั้นเราจะไม่สามารถบังคับตัวละครเดินไปเดินมาในฉากได้อย่างอิสระ ไม่มีการเดินสำรวจฉาก ทุกอย่างเป็นเหมือนการนั่งดูซีรีส์แบบแท้จริง

ข้อดีก็คือตัวเกมเล่นได้ลื่นไหลสวยงามบนเครื่องทุกระดับ งานภาพและอนิเมชั่นนั้นดูดีมีสไตล์ การเคลื่อนไหวของตัวละครก็ลื่นไหล อาจจะมีบ้างในส่วนของ UI บางอันที่เรารู้สึกว่าน่าจะทำให้ชัดเจนหรือมีรายละเอียดลูกเล่นได้มากกว่านี้ แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่แต่อย่างใด

ระหว่างการเล่นผมเจอบัคอยู่บ้างในบางบท ซึ่งส่งผลให้มีอาการภาพกระพริบหรือไม่สามารถ “เล่นต่อ” ได้ ซึ่งในระหว่างที่กำลังปั้นรีวิวนี้อยู่ทีมงานก็ออก Patch มาแก้ไขปัญหาที่ผู้เล่นส่วนใหญ่เจอกันไปแล้วเรียบร้อย

สรุป – Dispatch คือซีรีส์ซูเปอร์ฮีโร่ที่เล่นได้จริง

Dispatch อาจไม่ได้เป็นเกมเน้น “ทางเลือก” เปิดอิสระให้ผู้เล่นกำหนดเรื่องราวต่าง ๆ ได้แบบชัดเจนเหมือนผลงานของ Telltale ในช่วงยุคทอง แต่ด้วยบทที่เฉียบขาด ตัวละครที่น่าจดจำ งานพากย์ที่ยอดเยี่ยม และระบบการเล่นในส่วนการบริหาร Hero ที่สนุกท้าทาย  ทำให้มันกลายเป็นหนึ่งในผลงานเกมที่ดีที่สุดของปีนี้

โลกของ Dispatch มีศักยภาพมากพอจะกลายเป็นเกมตระกูลใหม่ เรื่องราวต่าง ๆ สามารถขยายต่อไปได้อีกไม่รู้จบ และผลงานชิ้นนี้ก็ตอกย้ำว่าทีม Adhoc มีศักยภาพพอจะสานต่อเกมตระกูลนี้ไปอีกหลาย Season

ถ้าคุณกำลังมองหาเรื่องราว Superhero ที่สนุกและไม่ติดขัดระบบการเล่นที่เหมือนจะได้นั่งดูมากกว่าลงมือเล่นเอง Dispatch เป็นอีกหนึ่งเกมที่เราไม่อยากให้คุณพลาดไปในท้ายปี 2025 นี้

Dispatch

9 / 10 คะแนน

9

ข้อดี

  • การเขียนบทและตัวละครยอดเยี่ยม
  • งานพากย์ระดับมืออาชีพ
  • ระบบการเล่นเรียบง่ายแต่สนุก

ข้อเสีย

  • ตัวเลือกต่าง ๆ ไม่ได้มีอิสระอย่างที่คาดไว้
  • มีบัคเล็กน้อยระหว่างทาง

SHARE

Nuttawut Apiratwarakul

โน้ต - Co-Founder / Editor-in-chief

Back to top