Sonic Generations ถือเป็นอีกหนึ่งที่แฟน ๆ ชื่นชอบกันมาก และในครั้งนี้มันได้กลับมาอีกครั้งในแบบฉบับปัดฝุ่นใหม่ แถมยังแทรกเนื้อหาเสริมเข้าไปเพิ่มด้วย เพราะมีเส้นเรื่องของ Shadow เพิ่มเข้ามา แต่ภาพรวมของเกมจะเป็นยังไง มาดูกันได้ในบทความนี้
Story – ตอบโจทย์ทั้งแฟนเกมหน้าเก่า และ หน้าใหม่
ในส่วนของเนื้อเรื่องต้องบอกว่าในภาค Generations นั้น ไม่มีอะไรใหม่เลย มันคือการเอาเกมตัวเดิมมา Remaster ใหม่ ให้กราฟิกดูคมชัด สวยงาม และเล่นบนเครื่องเกมยุคปัจจุบันได้ กรณีบน PC ก็น่าจะมีการปรับตั้งค่าอะไรที่ดีขึ้น ที่เพิ่มมาใหม่และน่าสนใจจริง ๆ ก็คือส่วนของ Shadow the Hedgehog ที่เป็นเนื้อเรื่องเพิ่มเข้ามาในเกมเลย และที่สำคัญคือมันจะเป็นเหตุการณ์ที่จะดำเนินไปบรรจบกับเนื้อหาของ Sonic Generations เดิมด้วย ดังนั้นไม่ว่าคุณจะเป็นแฟนหน้าเก่าหรือหน้าใหม่ เคยเล่นหรือไม่เคยเล่น ภาคนี้ตอบโจทย์ทั้งหมด สำหรับแฟนหน้าเก่า คุณจะได้เล่น Sonic Generations ในเวอร์ชันที่ดีขึ้น ส่วนแฟน ๆ หน้าใหม่ ก็คือคุ้มเลย ซื้อหนึ่งแต่ได้ถึงสอง ได้ทั้งเนื้อเรื่อง Sonic และ Shadow
ย้อนมาเล่าเนื้อเรื่องกันหน่อย ฝั่ง Sonic Generations นั้น เป็นเรื่องราวของ Sonic 2 ยุคสมัยที่โคจรมาเจอกันด้วยพลังของ The Time Eater ตัวร้ายของเรื่อง ในเกมต้นฉบับเขาเรียกเจ้า Sonic 2 รุ่นนี้ว่า Sonic Classic และ Sonic Modern ในขณะที่พวก Sonic Modern กำลังจัดปาร์ตี้กันอยู่ The Time Eater บุกมาโจมตีทำให้พวกเพื่อน ๆ ของ Sonic กระจัดกระจายไปตามประตูมิติเวลาต่าง ๆ Sonic Modern ตื่นมาในดินแดนสีขาวที่เรียกว่า White Space และเจอกับ Sonic Classic พวกเขาทั้งสองเลยร่วมมือกันเอาชนะ The Time Eater ซึ่งเบื้องหลังของเจ้าบอสร้ายตัวนี้คือใคร ผมว่าไม่ต้องบอกก็น่าจะรู้กันดีอยู่แล้วสำหรับแฟน ๆ Sonic
สำหรับเนื้อเรื่องฝั่งของภาค Generations เนี่ย อย่างที่บอก แฟน ๆ น่าจะคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว ของใหม่จริง ๆ มันคือ Shadow the Hedgehog นอกจากจะมีเรื่องราวเป็นของตัวเองแล้ว เจ้า Shadow ยังมีเส้นเรื่องที่จะเวียนมาบรรจบกับ Sonic ทั้งสองรุ่นอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นการรีมาสเตอร์กึ่งรีเมคเลยก็ว่าได้ สำหรับ Sonic ภาคนี้ โดยเส้นเรื่องของ Shadow นั้น เกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกันกับช่วงเวลาจัดงานปาร์นี้ของ Sonic Modern ในตอนนั้นเขาอยู่ใน ARK อาณานิคมในอวกาศที่ถูกทิ้งร้าง ซึ่งเนื้อหาต่อจากนี้ เพื่อไม่ให้เป็นการสปอยล์เราจะไม่ขอพูดถึง แต่ต้องชมเลยว่าเป็นการแทรกเนื้อเรื่องเข้ามาได้อย่างแนบเนียน
เอาเป็นว่าส่วนของเนื้อเรื่องผมค่อนข้างชอบเลย ส่วนตัวก็อินกับ Sonic อยู่แล้วด้วย และข้อดีคือใครไม่เคยเล่นภาค Generations เดิม คุณจะสนุกไปกับเนื้อเรื่องภาคนี้ได้เต็มอิ่มมาก เพราะจะไม่รู้สึกว่าได้เล่นของเดิมซ้ำเลย ได้เล่นของใหม่ตลอด แต่ก็คงต้องบอกว่ามันไม่ใช่ส่วนที่ทุกคนจะชอบ เพราะเนื้อเรื่องมันเป็นเส้นตรงมาก มีตัวเอก มีตัวร้าย ธรรมะชนะอธรรม สั้น ๆ ตรงไปตรงมาแบบนั้นเลย ไม่ต้องซีเรียสอะไรจนเกินไป ใครไม่ชอบเกมเนื้อเรื่องเส้นตรงแบบนี้ อาจจะไม่เอ็นจอยก็ได้ แต่ส่วนตัวผู้เขียนไม่ได้มีปัญหาอะไร
Presentation – การออกแบบฉากที่น่าสนใจ และเพลงประกอบที่เป็นสีสันของภาคนี้
นับตั้งแต่ผมก้าวเข้าสู่โลกของ Sonic อย่างจริงจังไปกับ Sonic Frontiers สิ่งที่ผมสัมผัสได้เสมอจากเกม Sonic ภาคต่าง ๆ ก็คือความคิดสร้างสรรค์ของผู้พัฒนาเกม ผมเดาว่าเขาต้องสร้างฉากเสมือนกับสร้างสวนสนุกและให้เด็ก ๆ เป็นตัวแทนของผู้เข้ามาเล่นสวนสนุก ซึ่งก็บอกเล่าผ่านตัวละครอย่าง Sonic นั่นเอง ในแต่ละฉาก แต่ละด่านที่เจอ บอกเลยว่าสร้างสรรค์สุด ๆ การเคลื่อนที่จากจุดหนึ่งไปจุดหนึ่งมันราบรื่นและลงตัวมาก ๆ ถ้าไม่ติดอย่างเดียวสำหรับผมในส่วนนี้ คือการออกแบบเกมเพลย์ ที่รู้สึกว่ายังไง Sonic มันก็ควรออกจากรากเหง้าเดิมได้แล้ว อันนี้ไว้ผมจะอธิบายให้ว่าทำไมในช่วงเกมเพลย์
นอกจากฉากที่ดีไซน์มาได้แบบว่าเล่นยังไงก็สนุกแล้ว เพลงประกอบก็คืออีกสีสันหนึ่งของเกมภาคนี้ เนื่องจากไม่ได้เล่นต้นฉบับมา เลยบอกไม่ได้ว่ามีการนำเพลงเก่ามาใช้หรือไม่ และเพิ่มเพลงใหม่อะไรเข้าไปบ้าง แต่นับตั้งแต่จำความได้ Sonic เป็นอีกเกมที่มีดนตรีหรือเพลงประกอบสนุก ๆ อยู่เสมอ และภาคนี้เองก็เช่นกัน และในภาคนี้ ผู้เล่นจะได้มีโอกาสตามหา Collectible หรือของสะสมในเกมโดยใช้วิธีการเล่นซ้ำ หรือตามหาสิ่งของที่เป็น Secret ในฉาก และปลดล็อกของสะสมต่าง ๆ ซึ่งมีทั้งเพลง ภาพอาร์ตเวิร์ก และโปรไฟล์ตัวละครต่าง ๆ ด้วย ใครอยากฟังเพลงเฉย ๆ ก็ไปเล่นเก็บสะสมกันเอาได้
คอนเทนต์หลักของ Sonic ในภาคนี้ อย่างที่บอกว่าเราจะได้ตัวเกมมาถึง 2 เกมในภาคเดียว นั่นคือ Generations ต้นฉบับ และ Shadow the Hedgehog สำหรับ Generations นั้น ตัวเกมได้รับการรีมาสเตอร์ใหม่หมด ทำให้ภาพและกราฟิกดูสวยงามเหมาะสมกับยุคปัจจุบัน ส่วน Shadow the Hedgehog นั้น เป็นของใหม่ล้วน ซึ่งใครที่ชอบความดุดัน ดำทมิฬ ดิบ ๆ คุณจะชอบดีไซน์ต่าง ๆ ของ Shadow มาก ๆ และการออกแบบแบบนี้มันชัดเจนมาก ๆ อยู่อย่างหนึ่งคือ สิ่งที่ Sonic เจอ และสิ่งที่ Shadow เจอ มันคือคนละเรื่องราว คนละขั้วกันเลย เป็นการนำเสนอที่ Contrast กันมาก ๆ และทำให้เราเข้าถึงอารมณ์ตัวละครได้โดยไม่รู้ตัว
สิ่งที่ทำให้แฟน ๆ Sonic น่าจะประทับใจมากขึ้นก็คงหนีไม่พ้นเรื่องของซับไตเติลภาษาไทย หลัง ๆ มา ถ้าเป็นเกม Sonic ที่ใช้ Text หรือมีเนื้อหาไม่เยอะจนเกินไป ก็จะมีการแปลไทยให้ทุกภาคนับตั้งแต่ภาค Superstars ปีที่แล้ว ในภาคนี้ก็มีการแปลไทยให้เหมือนเดิม
แต่หากมองในแง่ปริมาณ นี่คือเกม Single Player แบบเส้นตรง ม้วนเดียวจบ และมี Replayable Value อยู่ตรงการตามเก็บของสะสม ซึ่งไม่ได้มีส่วนจำเป็นต่อการจบเกม หรือเปลี่ยนแปลงอะไรเลย ดังนั้น มันอาจจะเป็นเกมที่เล่นม้วนเดียวจบ และรอคอยภาคใหม่ในปีหน้าแทน แต่ใครที่เป็นสาย Perfect ต้องเก็บทุกอย่างให้ครบ คะแนนทุกด่านต้อง S Rank คุณจะอยู่กับเกมนี้ได้นานพอสมควรเลยทีเดียว ถ้าไม่เบื่อไปซะก่อน
Gameplay – ไม่มีอะไรใหม่ อะไรที่คงความน่ารำคาญเอาไว้ในต้นฉบับ ก็ยังคงมีอยู่แบบนั้น (คือคำชม)
ในด้านของเกมเพลย์นั้น ส่วนของ Sonic Generations บอกเลยว่าไม่มีอะไรใหม่ อะไรที่คงความน่ารำคาญเอาไว้ในต้นฉบับ ก็ยังคงมีอยู่แบบนั้น (คือคำชม) ส่วนของ Generations นั้น จะนำเสนอเกมเพลย์การเล่น 2 รูปแบบ ตามรูปแบบของ Sonic Classic และ Sonic Modern โดยเกมเพลย์ของเจ้า Sonic Classic จะเป็นแบบ Side Scrolling ตะลุยด่านแบบด้านข้าง ส่วนของ Sonic Modern จะเป็นแบบกึ่ง ๆ 3D เน้นแอ็คชัน และความเร็วสูงแบบเต็มสตรีม และไม่ต้องกลัวว่าเราจะต้องเลือกแบบใดแบบหนึ่ง เพราะเราจำเป็นจะต้องเล่นทั้งสองรูปแบบ เพื่อปลดล็อกประตูไปยังด่านต่อไปเรื่อย ๆ
เกมเพลย์ของ Sonic Generations นั้น แต่ละด่านใหญ่ ๆ จะถูกเรียกเป็น Act แต่ละ Act จะต้องใช้ Sonic 2 รุ่นในการเคลียร์ เมื่อเราเคลียร์พื้นที่แต่ละ Act เสร็จแล้ว เราจะต้องไปเล่นด่านประตูชาเลนจ์ ซึ่งเจ้าประตูชาเลนจ์นี้มี Act ละ 5 ประตู และเหมือนเดิมคือต้องใช้ Sonic 2 รุ่นเคลียร์ เท่ากับว่าเรามีประตูชาเลนจ์มากถึง 10 ประตูต่อ Act การเล่นประตูชาเลนจ์นั้นจะทำให้เราได้รับกุญแจเปิดประตูห้องบอส เพื่อดำเนินเนื้อเรื่องต่อไปได้ แต่สิ่งที่น่าปวดหัวคือเกมเพลย์การเล่นในแต่ละรุ่น แต่ละด่านของ Generations มันดีไซน์มาได้ชวนหงุดหงิดเอาเรื่องเลย
จะขออธิบายแบบนี้ ส่วนตัวผมมองว่า Sonic มันคือตัวละครที่มีความเร็วสูงมาก ๆ แต่ความเร็วของมันโดนขัดและทำลายอารมณ์ร่วมจากการดีไซน์ด่านที่ไม่ว่ายังไงก็ตาม การเล่นใน Run แรกของคุณ ไม่มีทางจะ Perfect Run ได้เลย ที่ด้านหน้าของคุณ อาจเป็นแพลตฟอร์ม ที่พื้นรั่ว เป็นเหว หรืออาจจะเจอศัตรูดักเซอร์ไพรส์โดยที่เรามองไม่เห็นด้านหน้า และคุณก็จะโดนตีจนวงแหวนที่เก็บมาหายวับไปกับตา ดังนั้นถ้าให้แนะนำสำหรับคนที่เพิ่งมาเล่น Sonic คือ รอบแรกให้เล่นแบบเอาผ่านก็พอ ไม่ต้องห่วง Score Rank หรือเวลาที่ทำได้ เพราะยังไงคุณก็ไม่มีทางทำได้ในครั้งแรก (เว้นแต่ด่านนั้นอุปสรรคหรือเงื่อนไขมันน้อยมาก) ซึ่งในเมื่อตัวด่านมันถูกดีไซน์มาด้วยอุปสรรคหลาย ๆ อย่าง ความเร็วของ Sonic เลยเปรียบเสมือนดาบสองคม พุ่งตัวที ติดฉากที ตกเหวที กะแรงกระโดดได้บ้าง ไม่ได้บ้าง แถมการควบคุมก็มั่วสุด ๆ ผมยกตัวอย่างฉากที่เราได้เล่นเป็น Sonic Modern ด่านนี้ คือเกมมันไม่ได้ล็อกเส้นทางให้เรา ดังนั้นเวลาเราวิ่งพุ่งที แดชที เจ้า Sonic ของเราก็จะหลุดจากเส้นทาง ตกเหวตายไปหลายรอบบ้าง พุ่งมั่วโดนศัตรูยิงตายบ้าง คือความละเอียดอ่อนในการควบคุมของเกมนี้มันน้อยมาก ๆ ไม่เหมือนฉากที่เขาออกแบบเลย
แล้วอย่าคิดว่าด่าน Classic ไม่เป็น เป็นเหมือนกัน แถมน่าหงุดหงิดเท่า ๆ กันด้วย ความเร็วตัวละครในการเคลื่อนที่นั้น มันควบคุมได้ยากมาก ๆ แถมอุปสรรคฉากก็กวนโอ๊ยสุด ๆ สารภาพเลยว่าผมหัวอุ่นเอาเรื่องเลยเวลาเล่นบางฉาก ทั้ง Classic ทั้ง Modern ทำเอาผมงงตึ้บเลยว่าสมัยภาคคลาสสิค หรือ Sonic ภาคแรก ๆ เลยเนี่ย ตอนนั้นเราทนเล่นกันไปได้ยังไง หรือโตแล้วความอดทนเราต่ำลงกันแน่
แต่เกมก็ใช่ว่าจะไร้ตัวช่วยเสียทีเดียว กับระบบแผงทักษะหรือสกิล ทุกครั้งที่เราเล่นจนจบฉากหรือจบ Act เราจะได้แต้มคะแนนมาจะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับว่าเราจบด่านด้วย Rank อะไร จากนั้นสามารถนำไปบริหารจัดการ ซื้อสกิลมาเสริมการเล่นของตัวเราได้ ไม่ว่าจะเป็นการเบรคกะทันหันได้ การที่วงแหวนเราเด้งหลุดออกจากตัวแล้ว จะยังคงอยู่ให้เก็บแบบนานขึ้น โดยเราจะติดตั้งสกิลได้สูงสุดตาม Max Limit ที่เรามี จะเลือกใส่อะไรก็จัดการเอาได้ตามความชอบ ซึ่งเราอาจจะต้องเลือกติดตั้งสกิลให้เหมาะสม ซึ่งเกมก็มีช่องเซ็ตสกิลให้ใส่หลายช่อง เหมือนรู้ว่าเรา Build ได้หลายแบบ และใช้กับหลายด่านแน่นอน
แต่ส่วนของ Shadow the Hedgehog นั้น อันนี้บอกเลยว่าสนุกมาก ๆ รูปแบบการผ่านฉาก รวมไปถึงการเปิดประตูชาเลนจ์นั้น อาจมีเงื่อนไขน้อยกว่า เพราะเราควบคุมเป็นตัวละครตัวเดียวเท่านั้น แต่ความสนุกจะอยู่ที่พลัง Black Doom ที่เราได้มา ตัวฉากและการดีไซน์ของตัวเกม Shadow นั้น ก็ดูจะทำออกมาได้มีปัญหาและอุปสรรคน้อยกว่าของ Sonic ด้วย อาจเป็นเพราะนี่คือการสร้างใหม่ ในขณะที่ Sonic ใช้ของเดิม ที่ยิ่งเห็นแล้วก็ยิ่งเสียดาย ไหน ๆ จะทำใหม่ทั้งทีแล้วก็น่าจะ Remake เต็มรูปแบบไปเลย ความสนุกในด้านเกมเพลย์ของทั้งสองภาคเลยต่างกันแบบเห็นได้ชัด ชนิดที่ว่าหน้าใหม่อาจจะไม่ค่อยสนุกกับภาค Sonic เลยก็ได้
Shadow the Hedgehog จะยังคงใช้รูปแบบการเล่นที่คล้ายกัน คือต้องผ่านประตูชาเลนจ์ต่าง ๆ เพื่อปลดทางในการไปเจอบอสเรื่อย ๆ และยังมีรูปแบบการอัปเกรดสกิลที่คล้ายกัน แต่อย่างที่บอกไปว่า พาร์ทของ Shadow นั้น มันดูสนุกกว่ามาก เหมือนเขาเอา Weak Point ของ Sonic Generations ไปปรับแก้ให้เป็นรูปแบบใหม่ ให้เล่นสะดวกขึ้น แฟร์ขึ้น ด่านไม่กวนประสาทเราเท่าของ Sonic เพราะงั้นยิ่งน่าเสียดายที่มันไม่ได้รับการ Remake แบบจริงจังเหมือนที่ Sonic Superstars เคยทำไว้ในปีที่แล้ว
ไม่ว่าคุณจะเป็นแฟน Sonic หรือไม่ Sonic x Shadow Generations ก็คือเกมที่คุณควรลองเล่นดู หากคุณมองหาเกมที่มีฉากสวยงามอลังการ เกมเน้นสปีดที่มากจนทำให้เรารู้สึกหลุดเข้าไปอยู่ในเกม ถึงแม้ดีไซน์ของเกมต้นฉบับจะทำให้หัวอุ่นไปบ้าง แต่พาร์ทของ Shadow คือความดีงามเลยทีเดียว
Performance – ประสบการณ์การเล่นบน PS5 ก็สามารถตั้งค่าได้มากพอตัว
ลำพังตัวเกม Sonic ก็เป็นเกมที่ไม่ได้กินสเปคเครื่องอะไรมากอยู่แล้ว และยิ่งเล่นบนเครื่อง PlayStation 5 ยิ่งไม่มีปัญหานี้ เพราะการตั้งค่าต่าง ๆ แทบจะไม่มีให้เราได้ Setting อะไรมากไปกว่าด้านงานภาพ แต่ความละเอียดในด้านการปรับแต่งจะไปอยู่ที่การตั้งค่าจอย เช่นการสั่น การตั้งค่าเสียงออกทางลำโพงจอย หรือการควบคุมมุมกล้องต่าง ๆ เพราะการเล่นบนคอนโซล กับเกมที่มีความเร็วขนาดนี้ การปรับแต่งปุ่มให้ละเอียด หรือความเร็วนั้นสำคัญมาก และเกมนี้ยังปรับ Key Binding ได้ด้วย แม้จะเป็นบนคอนโซล ถึงตัวเลือกจะจำกัดเพราะ Layout ปุ่มมันน้อยมากก็ตาม
ด้วยประสิทธิภาพของ PlayStation 5 นี่อาจจะเป็นประสบการณ์การเล่น Sonic ที่ดีมาก ๆ
Sonic x Shadow Generations จึงกลายเป็นเกมที่เหมาะทั้งแฟนหน้าเก่าที่เคยเล่นมาแล้ว และหน้าใหม่ที่อยากทำความรู้จักโลกของ Sonic ให้มากขึ้น ใครอยากลองเข้าสู่โลกของ Sonic นอกจากภาค Frontiers แล้วก็จะแนะนำภาคนี้ด้วย