BY Zreast
10 Sep 25 3:09 pm

หลงทางทำไงดี ? วิธีผ่านด่าน Hollow Knight: Silksong ตั้งแต่ต้นจนจบเกม

2,496 Views

เกม Metroidvania กับคำว่า “หลงทาง” ถือเป็นของคู่กัน แน่นอนว่ารวมถึง Hollow Knight: Silksong ด้วย ที่นอกจากความยากในการสู้บอส กับ Platforming อันชวนปวดหัว หลายคนก็น่าจะมีโมเมนต์ที่ไม่รู้จะไปทางไหนต่อดีอยู่เหมือนกัน

และถ้าใครกำลังอยากได้เฉลย บทความนี้เรารวบรวมลำดับการเล่น (Game Progression) และเส้นทางที่น่าไปสำรวจมาให้แล้วตั้งแต่ต้นจนจบเกม ส่วนจะมีอะไรบ้าง และมีจุดใดที่น่าจะพลาดไปหรือไม่ มาดูด้วยกันได้เลย

* เป็นลำดับการผ่านด่านแบบคร่าว ๆ พอให้รู้ว่าต้องไปทางไหนต่อ ไม่ใช่ไกด์จับมือทำละเอียดทุกขั้นตอน เพื่อให้เหลือพื้นที่สำหรับความสนุก และไม่สปอยล์เนื้อหาจนเกินไป

** ถ้าชื่อเป็นตัวพิมพ์ใหญ่ = ชื่อด่าน (ที่แบ่งตามสี), ถ้าเขียนตามปกติ = โซนย่อย ๆ ในด่านนั้นอีกที

 


Act 1


MOSS GROTTO

  • ในช่วงต้นเกม เส้นทางจะยังไม่ซับซ้อนมาก เป้าหมายของด่านนี้คือการขึ้นไปให้ถึงชั้นบน จนเจอ Ruined Chapel และวิ่งมาทางขวาเพื่อเข้าสู่โซน Bone Bottom
  • ก่อนถึง Ruined Chapel จะมีบอสตัวแรกให้สู้เพื่อวอร์มมือกับเกมนี้ก่อน

Bone Bottom

  • หมู่บ้านแรกสุดของเกมนี้ ในหมู่บ้านจะมีทั้งกระดานสำหรับรับเควสต์ใหม่ ๆ , มีสถานีรถไฟ และบริเวณรอบ ๆ (ทั้งด้านบน, ซ้าย และด้านล่าง) ยังมีความลับรออยู่ ให้กลับมาปลดล็อคได้ทีหลังเมื่อมีสกิลการเคลื่อนที่ (Mobility) มากขึ้น

THE MARROW

  • แนะนำให้มุ่งหน้าไปทิศซ้ายบนก่อนเพื่อปลดล็อคโซน Mosshome และพบกับ NPC ชื่อ Moss Druid
  • สำรวจต่อบริเวณฝั่งขวาล่างของด่าน และมุ่งหน้าเข้าสู่ DEEP DOCKS

DEEP DOCKS – Part 1

  • โซนหลักในการดำเนินเนื้อเรื่องต่อ จุดนี้แนะนำให้มุ่งหน้าไปบริเวณกลางขวาของด่าน เพื่อรับความสามารถ “Swift Step” หรือก็คือท่าแดชพุ่งตัว (ใช้แดชกลางอากาศ หรือใช้วิ่งผ่านฉากได้อย่างรวดเร็ว)
  • เมื่อได้รับท่านี้มาแล้ว ให้ย้อนกลับมาบริเวณห้องด้านล่าง จะมีจุดที่สามารถวิ่งแล้วกระโดดไกล เพื่อเปิดประตูเป็นทางไปต่อได้
  • เมื่อเปิดประตู จะได้สู้กับบอส “Lace”
  • มุ่งหน้าต่อมาทางโซนขวา จะผลัดเปลี่ยนเข้าสู่ด่าน FAR FIELDS

FAR FIELDS

  • เมื่อสำรวจด่านนี้มาเรื่อย ๆ จนถึงบริเวณฝั่งขวาล่าง (เลยมาจากห้องใหญ่ที่เป็นแนวดิ่ง ที่มีลมพัดเป็นเสาอยู่หลายจุด) จะพบกับโซนที่พื้นเป็นลาวา
  • ตรงจุดนี้ ผู้เล่นจะไม่สามารถออกไปด่านอื่นได้ชั่วคราว (เพราะสูงมาก กระโดดไปไม่ถึง) ให้มุ่งหน้าต่อมาห้องทางขวา ซึ่งจะเป็นโซนเปิดโล่งที่มีเสาลมจำนวนมาก, มีมอนฯ ประเภทบิน และมีบ้านหลังหนึ่งตั้งอยู่สูงตรงกลางฉาก
  • เข้าไปพูดคุยกับ NPC ในบ้านหลังดังกล่าว เพื่อรับเควสต์ในการปลดล็อคความสามารถใหม่
  • เควสต์นี้ ผู้เล่นจะต้องเก็บ “เข็ม” ที่ยิงออกมาจากมอนฯ ตัวหนึ่ง (ไม่ใช่ของที่ดรอปจากตัวมันหลังฆ่าได้) ให้เดินเข้าไปฟันที่เข็มแล้วเก็บขึ้นมาจากพื้น
  • เมื่อได้รับเข็มครบจำนวนแล้ว ให้ย้อนกลับไปส่งเควสต์ที่บ้านหลังเดิม เราจะได้รับความสามารถใหม่ในการ “ลอยตัว” ซึ่งใช้ลอยตัวลงมาช้า ๆ ระหว่างอยู่กลางอากาศได้ และใช้ลอยขึ้นสูงเมื่อเจอเสาลมได้ด้วย
  • ย้อนกลับไปฝั่งซ้ายทางเดิม จะได้สู้กับบอส Fourth Chorus ซึ่งเราจะได้ใช้ท่าลอยตัวในการปิดฉากบอสเช่นกัน
  • ย้อนกลับมาที่ห้องใหญ่ที่เป็นแนวดิ่ง และไต่ขึ้นสู่ชั้นบน ๆ ด้วยท่าลอยตัว ตรงจุดนี้เราจะได้เจอโซน Pilgrim’s Rest ด้วยในระหว่างทาง
  • มุ่งหน้าขึ้นบนต่อด้วยท่าลอยตัวเรื่อย ๆ จะผ่านเข้าไปสู่ด่าน GREYMOOR

GREYMOOR

  • ด่านนี้จะมีสองฝั่งให้สำรวจ ซึ่งทางไปต่อ, โรงเหล้า Halfway Home และสถานี Bellway จะอยู่ที่บริเวณฝั่งซ้าย
  • สำรวจต่อมาที่บริเวณดันเจี้ยนที่เป็นอาคารสูง (ที่มีมอนฯ ถือกรรไกรอยู่จำนวนหนึ่ง) ตรงฝั่งขวาจะมีเส้นทางที่สามารถเข้าไปพูดคุยกับ NPC ชื่อ Garmond ได้ ให้พูดคุยจนบทพูดวนซ้ำเป็นบทเดิม (Exhaust the dialogue)
  • สำรวจต่อมาทางฝั่งซ้าย คอยสังเกตทางลับบริเวณกลางซ้ายของด่าน จะมีทางให้เข้าไปยัง Chapel และปลดล็อค Crest อันใหม่ได้
  • Crest นี้คือ “Reaper” ซึ่งมีประโยชน์มากกับการสำรวจ เพราะจะเปลี่ยนท่ากระโดดฟันของ Hornet ให้กลายเป็นการฟันแนวดิ่งเหมือนเดิมกับภาคแรก (จากตอนต้นเกมที่ Hornet จะพุ่งแทงเป็นแนวเฉียง)
  • สำรวจต่อมาที่ชั้นล่าง เราจะเจอ Garmond ยืนรออยู่ ให้พูดคุยกับเขาและขอให้เขามาร่วมต่อสู้ด้วย
  • ลงมาต่อที่ด้านล่าง จะได้สู้กับบอส “Moorwing” ซึ่ง Garmond จะเข้ามาช่วยเราสู้บอสเช่นกัน
  • จริง ๆ แล้วผู้เล่นสามารถข้าม Moorwing ได้โดยการทำเควสต์ตามหา Flea ให้พบ 5 ตัว และเดินทางมากับกองคาราวาน ตรงนี้แล้วแต่สะดวกว่าจะผ่านด่านไปแบบใด

Bellhart

  • เมืองนี้กำลังติด “คำสาป” อยู่ และต้องแก้คำสาปให้เรียบร้อยก่อนถึงจะกลับมาเป็นปกติ
  • ทางแก้คำสาป คือต้องมุ่งหน้าเลยไปก่อนทางซ้าย เข้าสู่ด่าน SHELLWOOD
  • ในสถานี Bellway ที่ใต้เมือง Bellhart จะมีทางไปต่ออยู่ฝั่งขวาของห้องด้วย (โจมตีกำแพงเข้าไป) เป็นจุดสำรวจ, เปิดทางเชื่อมกับ THE MARROW และเอาไว้ทำเควสต์เก็บ Silver Bell 8 ชิ้น

HUNTER’S MARCH

  • จริง ๆ แล้วด่านนี้สามารถเข้ามาสำรวจได้ตั้งแต่ต้นเกม ผ่านทางด่าน THE MARROW หรือ DEEP DOCKS แต่ด้วยความโหดของมัน (ทั้งมอนฯ และ Platforming) เราเลยแนะนำให้มี Crest ชื่อ ‘Reaper’ มาก่อนและติดตั้ง Crest นี้เอาไว้
  • Crest ดังกล่าวจะทำให้ท่าฟันด้านล่าง กลายเป็นการฟันแนวดิ่งเหมือนกับเกมภาคแรก ทำให้สามารถโดดผ่านดงดอกไม้และหนามไปได้ง่ายขึ้นมาก ๆ
  • ด่านนี้ยังไม่มีจุดหมายใดเป็นพิเศษ (อย่างน้อยก็ในตอนนี้) จึงนับเป็นพื้นที่ Optional ที่มาสำรวจเมื่อไรก็ได้
  • แต่ถ้าสำรวจมาเรื่อย ๆ จนถึงบริเวณขวาล่างของด่าน จะสามารถใช้ท่าลอยตัวเพื่อขึ้นไปเจอกับ Chapel ได้ และจะได้สู้กับบอสเพื่อปลดล็อค Crest ใหม่มาใช้

WORM WAYS

  • ควรมีไอเท็มชื่อ Simple Key ก่อน 1 ชิ้น วิธีหาที่ง่ายสุด คือซื้อมาจากพ่อค้าในหมู่บ้าน Bone Bottom
  • หลังจากได้รับท่า Swift Step (พุ่งตัว) แล้ว ให้ย้อนกลับไปที่โซน Mosshome และสำรวจต่อมาทางฝั่งซ้าย
  • บริเวณนี้จะมีลิฟต์ที่สามารถเปิดเป็นทางลัด กลับไปที่หมู่บ้าน Bone Bottom ได้
  • เหนือลิฟต์ดังกล่าว (ตรงชั้นบน) ให้ไต่ขึ้นมาเรื่อย ๆ และมุ่งหน้าต่อมาทางฝั่งซ้าย ซึ่งเป็นเหวโล่ง ๆ และมีกรงขังอยู่จำนวนหนึ่ง (กระโดดผ่านกรงขังมาเรื่อย ๆ)
  • เมื่อข้ามฝั่งมาได้ จะเจอกับทางเดินยาว ๆ ที่มีแมลงตัวใหญ่คอยโจมตีอยู่ จะสู้หรือข้ามไปก่อนก็ได้ตามแต่สะดวก
  • มุ่งหน้าต่อมาทางซ้าย จะพบกับประตูที่ต้องปลดล็อคด้วย Simple Key
  • ตรงจุดนี้เราจะได้เข้ามาสู่ฉาก WORM WAYS ที่ทางเดินวกวนและซับซ้อนมาก
  • วิธีเอาตัวรอดในฉากนี้ กรณีที่ HP เหลือน้อย คือให้มองหาตัวหนอน (ที่พุ่งมาเรื่อย ๆ เป็นอุปสรรคขวางทาง) แล้วไปยืนริม ๆ มัน แล้วโจมตีใส่มัน แม้ว่าหนอนพวกนี้จะไม่ตาย แต่เราจะได้รับเกจเส้นไหมจากการโจมตีด้วย ทำให้เอามาใช้ฟื้น HP ได้ทุกเมื่อที่ต้องการ
  • จุดหมายของด่านนี้ (ณ ปัจจุบัน) จะมี 2 ทาง
  • ทางแรกคือให้ลงมาชั้นล่างสุด จะพบกับทางที่เชื่อมกลับไปหาด่าน MOSS GROTTO และหากสำรวจต่อมาเรื่อย ๆ ทางซ้าย จะพบกับ Chapel ที่ปลดล็อค Crest ใหม่ได้อีก 1 ชิ้น
  • ทางที่สองคือสำรวจขึ้นไปโซนขวาบนของด่าน จะพบกับทางเชื่อมไปยังด่าน SHELLWOOD (เท่ากับว่าตอนนี้เราเข้าด่าน SHELLWOOD ได้สองทาง)

SHELLWOOD

  • ไม่ว่าจะเข้ามาที่ด่านนี้จากฝั่ง Bellhart หรือ WORM WAYS จุดหมายหลักจุดแรกคือให้มุ่งมาที่โซนฝั่งซ้ายบน และปลดล็อคสถานี Bellway ก่อน
  • สำรวจต่อมาที่บริเวณซ้ายบนของด่าน จะได้สู้กับบอส Sister Splinter
  • เมื่อชนะบอสแล้ว ให้มุ่งหน้าต่อมาสักพัก จะได้รับความสามารถใหม่ เป็นการกระโดดเกาะกำแพง
  • จากตำแหน่งของ Bench ที่อยู่ทางขวาของแผนที่ ให้กระโดดเกาะกำแพง (ไม่ต้องขึ้นลิฟต์) แล้วมุ่งหน้าต่อมาที่ห้องทางขวา
  • สักพักหนึ่ง เราจะกลับมาโผล่ที่ Bellhart และจะได้สู้กับบอส Widow
  • เมื่อชนะบอส Widow แล้ว จะได้รับไอเท็มสำคัญ “Needolin” รวมถึงปลดล็อคร้านค้า, NPC อัปเกรดอาวุธ และอื่น ๆ ในฉาก Bellhart
  • NPC อัปเกรดอาวุธ อยู่ที่บ้านลอยฟ้าหลังที่ 2 (ทางชั้นบนขวาของ Bellhart) ซึ่งหลังจากที่อัปเกรดรอบแรกไปแล้ว เราจะได้เควสต์ให้ตามหาไอเท็มชื่อ Pale Oil มาอัปเกรดอาวุธเป็นขั้นต่อ ๆ ไปได้อีก
  • มุ่งหน้ากลับไปที่โซนซ้ายบนของ SHELLWOOD หรือเดินทางมากับ Bellway ก็ได้ แล้วไปต่อทางซ้ายเพื่อเข้าสู่ด่าน BLASTED STEPS

BLASTED STEPS

  • สำรวจด่านมาเรื่อย ๆ ตามทาง จุดหมายสุดท้ายจะเป็นบอสที่อยู่มุมบนขวาสุดของแผนที่
  • หลังชนะบอสแล้ว จะถือเป็นการสิ้นสุด Act 1 และมุ่งหน้าเข้าสู่ CITADEL เป็นลำดับถัดไป

 


Act 2


GRAND GATE

  • โซนนี้จะมีทางที่เชื่อมต่อกับ CHORAL CHAMBERS ได้ในภายหลัง แต่ตอนนี้เราต้องลงลิฟต์มาทางขวาก่อน แล้วเข้าสู่ด่านต่อไปอย่างรวดเร็ว

UNDERWORKS – Part 1

  • สำรวจด่านนี้ไปเรื่อย ๆ ตามทาง จะพบกับ “Ventrica” (จุด Fast Travel ที่ใช้ได้ภายใน CITADEL) เครื่องแรกอยู่บริเวณฝั่งขวาของด่าน (เท่าที่แผนที่เปิดเผยมาในตอนนี้)
  • สำรวจต่อมาที่โซนซ้ายบน จะพบกับทางเชื่อมขึ้นสู่ CHORAL CHAMBERS ซึ่งเป็นโซนหลักของ CITADEL

CHORAL CHAMBERS

  • ด่านนี้จะมีจุดเชื่อมต่อไปหาได้หลายด่านมาก แต่ส่วนที่สำคัญสุดอันดับแรกคือให้ปลดล็อคสถานี Bellway ก่อน ซึ่งจะอยู่บริเวณขวาล่างของด่าน
  • ที่ชั้นบนสุด บริเวณกึ่งกลางด่าน จะมีบอส Cogwork Dancers รออยู่ เมื่อสู้ชนะจะเป็นการปลดล็อคภารกิจสำคัญเพื่อนำไปสู่ฉากจบของเกม
  • ภารกิจนี้คือการตามหา “เมโลดี้ทั้ง 3” ซึ่งถือเป็นตัวแทนของประชากร 3 กลุ่มใน CITADEL จุดนี้สามารถเลือกไปทางไหนก่อนก็ได้ หรือจะแวะกลับไปที่โซนด้านล่างของ Act 1 เพื่อย้อนสำรวจเส้นทางเก่า ๆ ที่เดิมทียังไปไม่ถึง (เพราะยังไม่มีท่าลอย/เกาะกำแพง) ก่อนก็ได้
  • สถานี Bellway ของด่านนี้ ถือเป็นจุดเชื่อมทั้งหมด ระหว่างโซนต่าง ๆ ของ CITADEL กับด่านอื่น ๆ ที่เราเคยผ่านมา
  • แนะนำให้ขึ้นมาชั้นบน และมุ่งไปฝั่งขวาสุดเพื่อปลดล็อคโบสถ์ Songclave (รวมถึง Ventrica) ซึ่งจะเป็นสถานที่สำคัญในภายหลัง

THE SLAB – Part 1

  • แผนที่นี้ไม่มีความจำเป็นใด ๆ สำหรับฉากจบ แต่เป็นอีกหนึ่งคอนเทนต์เสริมที่สนุกและไม่ควรพลาด
  • ให้ย้อนกลับไปที่ DEEP DOCKS, ตรงบริเวณใกล้ ๆ กับทางเข้า HUNTER’S MARCH จะมีเส้นทางหนึ่งที่สามารถกระโดดเกาะกำแพงขึ้นไป และเจอห้องใหม่ได้
  • ในห้องนั้นจะมีมอนสเตอร์ที่เป็นเหมือนผู้คุมเรือนจำอยู่ตัวเดียว, มอนฯ ตัวนี้จะมีท่าโจมตีท่าหนึ่งเป็นการทุ่มกรงขังลงมาเป็นแนวดิ่ง ให้เราเดินเข้าไปรับท่านี้ตรง ๆ ไม่ต้องหลบ ก็จะตัดเข้าอีเวนต์และโดนวาร์ปมาที่ The Slab
  • สำคัญมาก : ห้ามฆ่ามอนฯ ตัวนี้ เพราะมันจะไม่เกิดใหม่ และจะพลาดโอกาสเข้าถึงคอนเทนต์นี้ไปเลย , หรือหากใครพลั้งมือไปแล้ว ให้รีบปิดเกมออกมาทันที (ไม่ต้องกดออกตามปกติจาก Start Menu) เพื่อให้เกมยังไม่เซฟและมีโอกาสแก้ตัวอีกรอบ
  • ใน The Slab จะเป็นพื้นที่ปิด ไม่สามารถออกไปได้จนกว่าจะเคลียร์ โดยอันดับแรกให้เริ่มจากการลงไปชั้นล่างสุด แล้วทำลายกำแพงในห้องมุมซ้ายล่าง
  • เกมเพลย์ส่วนใหญ่จะเน้นที่ Platforming (กระโดดไปมาตามฉาก) และใช้กุญแจ 2 ดอกที่เก็บได้ในระหว่างสำรวจ เพื่อผ่านด่าน & ออกไปจากที่นี่
  • ในห้องที่มี Bench และมี NPC ชื่อ Grindle อยู่, ให้เดินไปต่อทางขวา จะมีทางลับเพื่อเข้าไปเก็บแผนที่สำหรับด่านนี้

COGWORK CORE – Part 1

  • จากห้องหลักที่เราเคยสู้กับบอส Cogwork Dancers, ให้กระโดดลงมาชั้นล่าง จะเจอกับดงเฟืองและเครื่องจักร เป็นจุดที่ต้องเน้น Platforming เยอะมาก ๆ
  • แนะนำให้ใช้ Crest ที่เปลี่ยนท่าโจมตีเป็นการฟันแนวดิ่ง เพื่อให้สามารถกระโดดเด้งไปตามเฟืองต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น
  • เส้นทางการสำรวจจะเป็นตัว U ย้อนไปชั้นล่างแล้วขึ้นบนกลับมาทางขวา ตรงจุดนี้จะเป็นการเปิดทางลัดกลับไปห้องบอส Cogwork Dancers ห้องเดิม รวมถึงตรงทางขวา (ก่อนถึงทางลัดดังกล่าว) จะมีทางเชื่อมต่อไปยังด่าน WHISPERING VAULTS ด้วย
  • มุ่งหน้ามาเรื่อย ๆ ทางขวา จะพบกับสะพานหมุนที่เป็นทางเชื่อมต่อให้เรามุ่งหน้าเข้าสู่ด่าน WHISPERING VAULTS

WHISPERING VAULTS

  • เมื่อเข้าด่านนี้มา ให้มุ่งหน้าขึ้นชั้นบนขวา เพื่อปลดทางลัดเชื่อมกับโซน Songclave ก่อน
  • มุ่งหน้าต่อมาที่บริเวณชั้นล่างขวา (ตามที่ไอคอนแนะนำ) เราจะได้รับ “เมโลดี้” ชิ้นแรกมา
  • มุ่งหน้าต่อมาที่บริเวณกลางซ้ายของด่าน จะได้ต่อสู้กับบอสตัวหนึ่งในฉาก The Stage และจะเป็นการปลดทางเชื่อมกลับไปสู่ CHORAL CHAMBERS ด้วย

UNDERWORKS – Part 2

  • เมโลดี้อีก 2 ส่วนที่เหลือ จำเป็นจะต้องมี “ความสามารถใหม่” ก่อนถึงจะผ่านเข้าไปได้ ดังนั้นเราต้องมาสำรวจ UNDERWORKS ต่อในโซนลาวา
  • โซนนี้เข้ามาได้จากชั้นล่างสุดของ WHISPERING VAULTS (ในห้องที่มี Bench อยู่) ให้มุ่งมาซ้ายเรื่อย ๆ ตามเส้นทาง
  • เมื่อมาถึงโซน The Cauldron, ที่ห้องใหญ่บริเวณกึ่งกลางฉาก เราจะได้รับความสามารถใหม่คือ “Harpoon” ซึ่งสามารถใช้แทงเข็มลอดห่วงเพื่อขึ้นสู่ที่สูง ๆ ได้, ใช้แทงกับจุดกระโดดเป็นแนวนอนได้, ใช้แทงเพื่อข้ามหัวมอนฯ (โดยเฉพาะมอนฯ ที่บินนิ่ง ๆ กลางอากาศ) ได้ และใช้แทงเข็มลอดห่วงเพื่อดึงสวิตช์บางอย่างได้เหมือนกัน
  • เมื่อได้รับสวิตช์มาแล้ว ให้มุ่งต่อมาทางซ้ายเพื่อปลดล็อค Bench, NPC ช่างคราฟต์ของ และปลดทางเชื่อมไปสู่ตำแหน่ง Ventrica (Fast Travel)

COGWORK CORE – Part 2

  • หลังจากได้รับท่าแทงเข็มมาแล้ว เราสามารถสำรวจต่อได้ที่บริเวณเหนือห้องบอส Cogwork Dancers โดยจะมีสวิตช์อยู่จุดหนึ่ง ที่ต้องใช้ท่าแทงเข็มพุ่งเข้าไปห้อยตัวไว้ เพื่อเปิดสวิตช์ขึ้นมา
  • ในโซนนี้จะเป็นมหกรรม Platforming ครั้งยิ่งใหญ่ ต้องอาศัยทั้งท่าแทงเข็ม และการกระโดด/พุ่ง/ลอยตัวที่แม่นยำ เพื่อไต่ไปให้ถึงชั้นบนสุด
  • ที่ชั้นบนสุดจะเป็นการแก้พัซเซิลโน้ตดนตรี (เรียงให้โน้ตดนตรีเป็นเส้นเชื่อมต่อกัน) เมื่อแก้สำเร็จก็จะได้รับ “เมโลดี้” ชิ้นที่สองมา

HIGH HALLS

  • โซนนี้เข้ามาได้จากบริเวณใกล้ ๆ Bench ที่อยู่ตรงซ้ายบนของ CHORAL CHAMBERS ซึ่งจะมีห่วงให้เราใช้ท่าแทงเข็มในการไต่ขึ้นไปอยู่
  • สำรวจมาตามทางเรื่อย ๆ ที่สุดขอบปลายทางเราจะพบ NPC ที่มอบ “เมโลดี้” ชิ้นสุดท้ายมา
  • หลังจากนี้ เราสามารถกลับไปปลดล็อคประตูที่อยู่ตรงห้องบอส Cogwork Dancers ได้แล้ว แต่แนะนำให้ย้อนไปด่านเก่า ๆ ก่อน เพื่อเก็บความสามารถ / อัปเกรดสิ่งต่าง ๆ ให้พร้อมก่อน

THE CRADLE

  • โซนสุดท้ายสำหรับจบเกม สามารถเข้ามาได้จากห้องบอส Cogwork Dancers (ชั้นบน ตรงกลางสุดของด่าน CHORAL CHAMBERS)
  • เมื่อปลดประตูมาแล้ว จะได้สู้กับบอสตัวหนึ่งก่อน
  • เมื่อชนะและมุ่งหน้าต่อ จะได้เจอ Bench และ Ventrica (จุด Fast Travel) ซึ่งจะเชื่อมโยงไปยังส่วนอื่น ๆ ของ CITADEL
  • จากจุดนี้ เราจะกลับไปสำรวจด่านอื่น ๆ ก่อนก็ได้ หรือจะมุ่งหน้าต่อขึ้นด้านบนเพื่อไปสู้กับบอสตัวสุดท้ายและก็ได้เหมือนกัน ไม่ต้องกังวลเพราะเมื่อจบเกมไปแล้ว เรายังสามารถโหลดเซฟกลับมาได้อยู่ ตัวเกมจะเซฟไว้ในช่วงสุดท้ายก่อนเข้าสู้บอส
  • หัวข้อต่าง ๆ ด้านล่างหลังจากนี้ไป จะเริ่มเป็นการเฉลยฉากจบ และสิ่งต่าง ๆ ที่ยังสามารถทำ/สำรวจเพิ่มได้ ก่อนเข้าไปสู้กับบอสตัวสุดท้าย

MOUNT FAY

  • ด่านนี้นับได้ว่าเป็น Optional – แต่การจะเข้าถึงหลาย ๆ พื้นที่ช่วง End-game รวมถึงการปลดล็อคบางฉากจบ จำเป็นจะต้องมาที่นี่ก่อน
  • จุดมุ่งหมายหลักของพื้นที่นี้ คือการได้รับความสามารถใหม่ เป็นท่ากระโดด 2 จังหวะ
  • ด่านนี้เป็นมหากาพย์ Platforming สุดยิ่งใหญ่ที่ต้องแข่งกับเวลาด้วย เพราะถ้าอยู่ด้านนอกนาน ๆ จะติดดีบัฟน้ำแข็งกัดและลด HP อย่างรวดเร็ว
  • เส้นทาง Plaforming จะคดเคี้ยวมาก และแนะนำให้เตรียมสร้อย Rosary ไว้เป็นจำนวนเงิน 90 เพื่อนำไปปลดล็อค Bench ในระหว่างทาง
  • เส้นทางโดยรวมจะเป็นไปตามรูปด้านล่างนี้

  1. มุ่งหน้ามาทางซ้ายสุดก่อน จะพบกับ Shakra และ Bench ซึ่งเป็นจุดตั้งหลักแรกของเรา
  2. กระโดดมาเรื่อย ๆ ทางขวา และออกมาโซนข้างนอก ตรงนี้จะเป็นโซน Platforming มหาโหดด่านแรก ที่เราต้องไต่ขึ้นไปให้ถึงชั้นบน
  3. เมื่อมาถึงชั้นบนจนกระโดดต่อไม่ได้แล้ว ให้มุ่งมาทางซ้ายเรื่อย ๆ จะพบกับหุบเหวน้ำแข็ง (ที่มีแมลงสีเงิน ๆ บินนิ่ง ๆ อยู่)
  4. เราจะยังกระโดดขึ้นไปชั้นบนไม่ได้ จึงต้องลงมาตามหุบเหว โดยใช้วิธีบินร่อนมาเรื่อย ๆ และในช่วงกึ่งกลางระหว่างทาง จะมีห้องเล็ก ๆ เป็นทางให้สำรวจต่อ เป็นอีกหนึ่งโซน Platforming มหาโหดที่ต้องฝ่าฟันไป
    ที่สุดทางด้านซ้าย จะมี Bench รออยู่ ซึ่งต้องปลดล็อคด้วย 90 Rosary, ด้วยความที่ระหว่างทางจะไม่มีมอนฯ ตัวไหนที่ดรอป Rosary เลย เราจึงแนะนำให้มีสร้อย Rosary ติดตัวไว้แต่แรก
  5. เมื่อปลดล็อค Bench แล้ว ให้มุ่งหน้าต่อมาด้านขวาบนเป็นแนวเฉียงเรื่อย ๆ จะพบกับทางไปต่อที่ด้านขวา
  6. มุ่งมาทางขวาเรื่อย ๆ จะกลับมาถึงโซนเดินที่เราเคยกระโดดไม่ถึง (หุบเหวน้ำแข็ง) ให้กระโดดข้ามและมาต่อทางขวาเพื่อเริ่มมหกรรม Platforming อีกครั้ง
  7. ณ ชั้นบนสุดของด่าน จะปลดล็อคท่ากระโดดสองจังหวะมาได้ในที่สุด โดยจากจุดนี้ยังสามารถสำรวจต่อมาทางซ้ายของด่านได้ด้วย ซึ่งจะมีโซนให้สไลด์หิมะลงมา และมีจุดที่จะได้ใช้ท่ากระโดดสองจังหวะเพื่อขึ้นไปให้ถึง

WEAVENEST ATLA

  • โซนลับที่ทางเข้าจะอยู่ในด่าน MOSS GROTTO (ด่านแรกสุด) โดยจะมีประตูอยู่ประตูหนึ่งให้เราเล่น Needolin เพื่อเปิดออก
  • จริง ๆ ยังไม่ต้องมีท่ากระโดดสองจังหวะก็ได้ แต่ถ้ามีแล้ว ก็จะทำให้เข้ามาสำรวจด่านนี้ได้แบบรวดเดียวเก็บครบหมดเกือบทุกสิ่ง

DEEP DOCKS – Part 2

  • หลังจากที่ได้ท่ากระโดดเกาะกำแพง, ท่าแทงเข็ม และท่ากระโดดสองจังหวะแล้ว ก็จะเป็นโอกาสเหมาะที่จะมาสำรวจโซนล่างสุดของ DEEP DOCKS
  • เข้าได้โดยใช้ Simple Key (หาได้หลายชิ้นในเกม) ปลดล็อคที่ประตูตามรูปด้านล่างนี้

  • โซนนี้สามารถเก็บเครื่องมือ Flintslate ได้ ซึ่งจะถูกใช้ในเควสต์ ๆ หนึ่งหลังจากนี้
  • ในโซนนี้จะมี Craftmetal, มี Flea, มีเศษหน้ากากให้เก็บ และมีบอสตัวโหดให้สู้ด้วย

(Quest) Great Taste of Pharloom

  • เป็นอีกหนึ่งเควสต์ที่สำคัญและยาวเหยียดของเกม ซึ่งเป็นเส้นทางที่จะทำให้ปลดล็อคฉากจบบางแบบได้ (แต่บางฉากจบก็ไม่จำเป็นต้องเคลียร์เควสต์นี้)
  • รับเควสต์นี้ได้กับ NPC ชื่อ Loyal Mergwin ซึ่งอยู่ในโซนห้องมืด ๆ ของ CHORAL CHAMBERS, แนะนำให้กดปักหมุดตำแหน่งของ NPC นี้ไว้ด้วย เพราะจะมีไอเท็มชิ้นนึงที่ต้องแข่งกับเวลา และต้องจำตำแหน่งตัวนี้ให้แม่น ๆ
  • หลัก ๆ คือผู้เล่นต้องตามหาวัตถุดิบ 5 สิ่ง
    • Mossberry Stew – ต้องเคลียร์เควสต์ “Berry Picking” ก่อน จากนั้นเมื่อกลับไปคุยกับ Moss Druid จะได้รับไอเท็มนี้มา
    • Vintage Nectar – ที่โรงเหล้ากลางด่าน GREYMOOR, คุยกับ Creige เพื่อรับภารกิจเสริม ช่วยกำจัด “มด” ที่ใต้ถุนร้าน ซึ่งเมื่อทำสำเร็จจะมีไอเท็มนี้ให้เก็บบนพื้น
    • Crustnut – เก็บได้จากในด่าน SANDS OF KARAK (ดูวิธีคร่าว ๆ ที่หัวข้อของด่านนี้ได้เลย)
    • Pickled Muckmaggot – ดรอปหลังสู้บอสใน SINNER’S ROAD (ดูพิกัดที่หัวข้อของด่านนี้ได้เลย)
    • Courier’s Rasher – หลังเคลียร์เควสต์ My Missing Courier กับ My Missing Brother ได้แล้ว ให้ไปคุยกับ NPC สองพี่น้องที่ชั้น 2 ของ Bellhart จะมีไอเท็ม Rasher (ก้อนสีแดง) ให้กดรับมา
      นี่คือภารกิจสงครามส่งด่วนที่ยากสุด ๆ เพราะต้องไปส่งถึงมือ Loyal Mergwin ให้ทันก่อนไอเท็มหมดอายุ, ถ้าโดนดาเมจใด ๆ จะทำให้ไอเท็มยิ่งหมดอายุไวขึ้น (เต็มที่ควรโดนแค่ 1-2 ครั้งเท่านั้น)
      แนะนำให้ปลดล็อคทางเชื่อมระหว่าง CHORAL CHAMBERS กับ GRAND GATE ก่อน (อยู่ทางมุมล่างซ้ายของ CHORAL CHAMBERS) แล้ววิ่งโดยใช้เส้นทางจาก Bellhart -> SHELLWOOD -> BLASTED STEPS -> GRAND GATE -> CHORAL CHAMBERS มาส่งให้ถึงมือ Mergwin
  • ของรางวัลเควสต์นี้คือ Pale Oil ซึ่งใช้ในการอัปเกรดความแกร่งให้กับอาวุธเรา

MEMORIUM

  • เป็นด่านที่รวมสภาพแวดล้อมจากด่านต่าง ๆ และมีให้เปิด Ventrica เพิ่ม 1 จุด
  • ที่ชั้นล่าง ทางขวาสุด จะมีสุดยอดทางลับในลับ ที่เป็นทางเชื่อมไปสู่ด่านอื่น ๆ ต่อได้อีกยาว
  • จุดนี้จะต้องมีท่ากระโดดสองจังหวะก่อน โดยให้กระโดดขึ้นมาเกาะบริเวณตามรูปด้านล่างแล้วปีนขึ้นไป

  • เราจะได้ออกมาข้างนอกอาคาร ให้มุ่งหน้าต่อมาตามสะพานเรื่อย ๆ ทางขวา จะเจอมอนฯ บินได้ เข้ามาโจมตีเรา
  • ให้กระโดดเกาะกำแพง -> ฟันด้านล่างเพื่อโจมตีศัตรู (Pogo) -> เด้งขึ้นมาแล้วเกาะกำแพงทางขวา จะมีจุดให้ทำลายและกลายเป็นทางไปต่อ มุ่งหน้าเข้าสู่ด่าน PUTRIFIED DUCTS

PUTRIFIED DUCTS

  • สำรวจมาเรื่อย ๆ ตามเส้นทาง จะมี NPC ชื่อ Huntress และ “Key of Apostate” กุญแจดอกสุดท้ายของด่าน THE SLAB ให้เก็บที่โซนล่างซ้าย
  • ทางฝั่งขวาสุด (Pale Lake) มี Craftmetal ให้เก็บ 1 ชิ้น และมีอีกจุดสำคัญที่ยังเข้าถึงไม่ได้ในตอนนี้

(Quest) Broodfeast

  • รับเควสต์นี้ได้จาก NPC ชื่อ Huntress ซึ่งอยู่โซนล่างซ้ายของด่าน PUTRIFIED DUCTS
  • เราจะต้องล่าเนื้อมอนสเตอร์ 3 แบบให้ครบตามจำนวน โดยเนื้อแต่ละแบบมีวิธีดังนี้
    • Seared Organs ใช้เครื่องมือ Flintslate กดบัฟใส่อาวุธ แล้วฆ่ามอนฯ ตัวใดก็ได้ จะมีไอเท็มนี้ดรอปออกมา – Flintslate เก็บได้จากโซนล่างสุดของ DEEP DOCKS

    • Shredded Organs ใช้เครื่องมือ Cogwork Wheels ฆ่ามอนฯ ตัวใดก็ได้ จะมีไอเท็มนี้ดรอปออกมา – Cogwork Wheels ซื้อได้จากร้านค้าใน UNDERWORKS (ต้องใช้ Craftmetal 1 ชิ้นในการซื้อร่วมกับ Rosary)

    • Skewered Organs ใช้กับดัก Sting Shard ฆ่ามอนฯ ตัวใดก็ได้ จะมีไอเท็มนี้ดรอปออกมา – Sting Shard ซื้อได้จากร้านค้าใน DEEP DOCKS

THE SLAB – Part 2

  • หลังจากได้รับ Key of Apostate มาจากด่าน PUTRIFIED DUCTS แล้ว เราจะสามารถย้อนกลับมาเปิดประตูที่เหลือในโซนนี้ได้

  • สามารถเข้ามาด่านนี้ได้จากฝั่งซ้ายสุดของ CHORAL CHAMBERS หรือเดินทางผ่าน Bellway มาก็ได้หากปลดล็อคแล้วก่อนหน้านี้

SINNER’S ROAD

  • ด่านนี้จัดว่าตึงมือด้วยสภาพแวดล้อมและมอนฯ สุดโหด จึงแนะนำให้มาในช่วงท้ายเกมที่มีท่าโดดเกาะกำแพงและกระโดดสองจังหวะแล้ว
  • ทางเข้าจะอยู่ตรงบริเวณชั้นบน (ฝั่งขวา) เหนือร้าน Halfway Home ของด่าน GREYMOOR
  • Bench ฝั่งซ้ายของด่านนี้จะยังปลดล็อคไม่ได้ ต้องกระโดดมาทำลายกำแพงตรงมุมซ้ายบนก่อนแล้วเดินหน้าต่อไปแก้ไขกลไกด้านล่าง

  • ในแผนที่นี้มีบอสลับ 1 ตัว ซึ่งจะเข้าถึงได้เมื่อมีท่ากระโดดสองจังหวะแล้ว และต้องสู้เพื่อเคลียร์เควสต์ “Great Taste of Pharloom”

BILEWATER – Part 1

  • เข้าถึงด่านนี้ได้โดยผ่านมาจากด่าน SINNER’S ROAD ตามพิกัดด้านล่างนี้

  • ในด่านนี้ แนะนำให้ใส่ไอเท็ม Wreath of Purity ติดไว้ด้วย (เก็บได้จากด่าน PUTRIFIED DUCTS) เพื่อช่วยป้องกันดีบัฟโดนหนอนไชในแหล่งน้ำ
  • เมื่อเข้ามาในด่านนี้ครั้งแรก ให้มุ่งไปทางขวาสุด จะมีซอกต่ำ ๆ ที่สามารถว่ายน้ำลอดไปได้ และเจอกับ Weavenest หนึ่งแห่ง
  • ที่บริเวณทางซ้ายของด่าน จะมีสถานี Bellway และหากมุ่งหน้าต่อไปทางซ้ายอีก จะเข้าสู่โซนใหม่ “The Mist”
  • จุดมุ่งหมายปลายทางของด่านนี้ คือชั้นบนสุดที่มีบอสและไอเท็ม Twisted Bud รออยู่ (สำหรับใช้ในฉากจบ ๆ หนึ่งของเกม)
  • เส้นทางกว่าจะไปถึงชั้นบนนั้นยาวไกลและมหาโหดมาก ๆ เพราะระหว่างทางจากสถานี Bellway ชั้นล่าง จะไม่มี Bench ให้นั่งเลย (Bench ตรงมุมซ้ายบนของแผนที่ เป็นตัวหลอก) ดังนั้นต้องมีความพร้อม, ชำนาญเส้นทาง และหัวใจที่กล้าแกร่งมาก ๆ นอกจากนี้พอไปถึงแล้วยังต้องฝ่าดงลูกน้องในห้องปิดก่อน บอสถึงจะปรากฏตัว

The Mist & Exhaust Organ

  • เข้ามาได้จากฝั่งซ้ายของ BILEWATER, ด่านนี้เป็นเหมือนโซนไร้ขอบเขต ที่ถ้าเดินไปมั่ว ๆ ก็จะวนลูปไปมาไม่มีจบสิ้น
  • วิธีที่ถูกต้องคือ ให้สังเกตที่กลุ่มผีเสื้อสีขาว ๆ เมื่อพบแล้วให้เข้าไปใกล้ ๆ และกดเล่น Needolin

  • สักพักหนึ่ง ผีเสื้อจะบินต่อ และเป็นการนำทางให้เรามุ่งหน้าไปยังทิศนั้น ๆ
  • คอยตามหาผีเสื้อและทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ก็จะหลุดพ้นจากโซน The Mist ได้สำเร็จ
  • ระหว่างนี้มีอุปสรรคสำคัญคือ มอนฯ Wraith (ผีสีขาว ๆ) ที่ควรกำจัดให้หมดทุกตัวก่อนไปต่อ เพราะจะเป็นอุปสรรคกับการดีด Needolin ของเรา, มีกับดัก และเหวที่ถ้าตกแล้วต้องไปเริ่มใหม่ตั้งแต่ทางเข้าเลย ดังนั้นให้เดินหน้าไปแบบระมัดระวังมาก ๆ
  • เมื่อพ้นจากโซน The Mist ก็จะเข้าสู่ Exhaust Organ ซึ่งจะเป็นอาคารที่เราเข้าไปสำรวจได้
  • สำคัญมาก เมื่อเข้ามาด้านในและเจอห้องโถงใหญ่แล้ว ให้กระโดดมาทางซ้ายเพื่อปลดล็อค Bench ก่อน เพราะถ้ายังไม่ปลดล็อคแล้วตายในด่านนี้ เราจะกลับไปเกิดใหม่ที่ The Mist เลย

  • สุดท้ายปลายทางของอาคารนี้ จะมีบอสให้สู้ด้วยหนึ่งตัว และเมื่อชนะจะปลดทางเชื่อมไปหาด่าน UNDERWORK (ซึ่งจริง ๆ แล้วนี่คืออีกหนึ่งวิธีที่สามารถเข้าสู่ Act 2 ได้ด้วยโดยยังไม่ต้องผ่าน BLASTED STEPS)
  • ตรงบริเวณมุมซ้ายบนด้านนอกอาคาร มี Flea ให้เก็บอีกหนึ่งตัว

BILEWATER – Part 2

  • ด่านนี้สามารถเข้ามาได้อีกเส้นทางหนึ่ง จากบริเวณขวาล่างสุดของด่าน WHISPERING VAULTS ตามพิกัดด้านล่างนี้

  • เส้นทางนี้จะนำไปสู่ไอเท็ม Twisted Bud ซึ่งจะใช้ปลดล็อคฉากจบฉากหนึ่งของเกม

SANDS OF KARAK

  • เป็นด่านในช่วงท้ายเกมเหมือนกัน สามารถมาได้เมื่อมีท่า Harpoon (แทงเข็มใส่ห่วง) และกระโดดเกาะกำแพงแล้ว โดยทางเข้าจะอยู่โซนซ้ายสุดของ BLASTED STEPS

  • ความท้าทายของแผนที่นี้ หลัก ๆ เลยคือการ Platforming
  • บริเวณกลางซ้ายของแผนที่ หลังจากที่ผ่านสารพัดดงหนาม จะมีไอเท็ม Crustnut อยู่ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการทำเควสต์ “Great Taste of Pharloom”
  • เมื่อเจอหนามสีแดงห้อยบนเพดาน สามารถโจมตีได้เพื่อเปิดทางลัด / ทางเชื่อม

  • มี Simple Key ให้เก็บ 1 ชิ้น อยู่โซนขวาสุดของด่าน

WHITEWARD

  • การจะเข้าถึงพื้นที่นี้ ต้องมีไอเท็ม “White Key” ก่อน เก็บได้จากฝั่งขวาของโบสถ์ระฆัง (ทางขวาสุดของ CITADEL) ที่ชื่อ Songclave
  • จากนั้นให้นำกุญแจมาเปิดลิฟต์ บริเวณชั้นล่าง CHORAL CHAMBERS

  • ในด่านนี้มีบอสอยู่ด้วย แต่ต้องไปเก็บ “Surgeon’s Key” มาปลดล็อคห้องบอสก่อน กุญแจจะอยู่ทางฝั่งขวาของด่าน ส่วนทางเข้าห้องบอสอยู่ฝั่งซ้าย ตามรูปด้านล่างนี้

WISP THICKET

  • ด่านสุดลับที่ทางเข้าจะลับไปไหน สามารถเข้าได้จากโซนชั้นบนของ GREYMOOR และต้องมีสกิลโดดสองจังหวะก่อน โดยให้โดดขึ้นไปเกาะกำแพงตามรูปนี้ แล้วไต่ขึ้นไป

  • มุ่งหน้าต่อมาทางขวา จะเจอกับ Bench ที่ห้อยอยู่บนเพดาน ให้โจมตีเพื่อปลดล็อคออกมา
  • ฝั่งขวาจะเป็นทางตัน แต่มีเศษหน้ากากให้เก็บอยู่ 1 ชิ้น
  • ส่วนฝั่งซ้าย ชั้นบน จะมีทางที่เชื่อมกับด่าน UNDERWORKS ซึ่งทางไปต่อจะค่อนข้างดูยาก และต้องอาศัยการทำลายกำแพงบ่อยสักหน่อย นอกจากนี้ก็มีแร่ Craftmetal ให้เก็บด้วย 1 ชิ้นระหว่างทาง
  • ห้องซ้ายสุดเป็นห้องบอส

(Quest) Grand Hunt

  • ในช่วงท้ายเกม ที่เรามีสกิลเคลื่อนที่เยอะพอแล้ว ก็จะย้อนกลับไปยังจุดที่เคยไปไม่ถึงได้ในหลาย ๆ พื้นที่ และเหมาะกับการทำเควสต์ “Grand Hunt” (ล่าบอสแมลงตัวโหด) ด้วย
  • ตำแหน่งบอส The Terrible Tyrant

  • ตำแหน่งบอส Savage Beastfly (จุดเดียวกันกับที่เคยสู้บอส Fourth Chorus)

  • ตำแหน่งบอส The Wailing Mother


Act 3


 

** สปอยล์หนักมาก ** ถ้ายังเล่นไม่จบอย่างน้อย 1 ฉากจบ — ให้ข้ามส่วนนี้ไปก่อน

เกมนี้มี Act 3 ให้เล่นด้วย แต่วิธีปลดล็อคจะซับซ้อนและหนทางยาวไกลสุด ๆ

วิธีคือ, จะต้องจบเกมใน Ending ชื่อ “Snared Silk” ก่อน โดยในช็อตสุดท้าย แทนที่จะกด Bind ให้เลือกเป็น “Play Needolin” แทน

จากนั้นเมื่อจบเครดิตและกลับมาที่หน้าเมนู ให้กดเริ่มเกมเพื่อโหลดเซฟเดิม จะเห็นว่าสล็อตเซฟที่เราเล่นจบไป มีเถาวัลย์มืด ๆ บดบังอยู่ ให้กดโหลดเซฟย้ำหลาย ๆ รอบเพื่อเข้าถึงเซฟนี้ให้สำเร็จ

ตัวเกมจะเริ่มต้น Act 3 และปลดล็อคบรรดาโซนลับที่เหลือในเกม ซึ่งความเปลี่ยนแปลงหลัก ๆ จะมีดังนี้

  • สภาพแวดล้อมหลายอย่างจะเปลี่ยนไป
  • ศัตรูตามด่านจะโหดขึ้นกว่าเดิม
  • มีบอสใหม่ปรากฏตัวตามด่านต่าง ๆ
  • มีเควสต์ใหม่ตามด่านต่าง ๆ

(Quest) After the Fall

  • เมื่อเริ่มต้น Act 3 และมาถึง Songclave สถานี Ventrica ตรงนี้จะยังใช้การไม่ได้ ให้ไปหาสถานีอื่น (ทางไหนก็ได้) แล้ว Fast Travel กลับมาที่ First Shrine -> โจมตีกำแพงเพื่อปลดล็อค
  • เป้าหมายแรกที่น่าทำ คือขึ้น Ventrica ไปลงที่ Grand Bellway แล้วเคาะระฆังเรียก Bellbeast
  • เมื่อเคลียร์จุดนี้ได้แล้ว ให้มุ่งหน้ากลับไปที่ Bone Bottom และกลับไปที่ Ruined Chapel (โบสถ์ที่อยู่ทางซ้ายของผู้บ้าน จะมีประตูบานหนึ่งเปิดออก
  • จากนั้นจะได้รับเป้าหมายใหม่ ให้มุ่งหน้ามา DEEP DOCKS และทำตามขั้นตอนไปเรื่อย ๆ (NPC ชื่อ Ballow อยู่ถัดไปทางขวาจาก Forge Daughter)

THE ABYSS

  • ด่านนี้เป็นเส้นตรง แต่ต้องอาศัยทักษะ Platforming สูงมาก
  • ณ สุดปลายทางของด่าน เราจะได้รับความสามารถใหม่ และทำให้สามารถสำรวจจุดที่เคยกระโดดไปไม่ถึงได้ทั้งหมดแล้วในเกม

(Quest) The Old Hearts

  • เมื่อได้รับเควสต์นี้มาแล้ว ให้มุ่งหน้าต่อมาทางขวาของห้อง (ถัดจากกลุ่ม NPC ที่เราเพิ่งพูดคุยไป) ตรงจุดนี้สามารถใช้ท่ากระโดดแบบใหม่ที่ได้รับมา ขึ้นไปสู่ทางลับได้ ซึ่งจุดหมายปลายทางจะเป็นการปลดล็อคความสามารถใหม่

  • ผู้เล่นต้องไปตามเก็บหัวใจ 3 ชิ้น แต่จะสามารถเลือกเก็บได้ 4 ตำแหน่ง คือ
    • สู้กับฝูงมอนฯ และบอสใน Coral Tower ที่อยู่สุดทาง (มุมบนซ้าย) ของด่าน SANDS OF KARAK (ก่อนดีด Needolin เข้าไปสู้ อย่าลืมกระโดดข้ามมาทางขวาเพื่อนั่ง Bench ก่อน)
    • อยู่ใน SHELLWOOD แต่ต้องเข้าจากทางเข้าพิเศษ โดยให้เดินมาที่ลิฟต์ในด่าน GRAND GATE จากนั้นให้ใช้ท่ากระโดดแบบใหม่ที่ได้รับมา กระโดดขึ้นด้านบน และลัดเลาะมาตามช่องลมเพื่อเข้าสู่ SHELLWOOD (ระหว่างทางที่ร่วงลงมา จะมีกำแพงที่สามารถทำลายได้)
    • อยู่ใน FAR FIELDS แต่ต้องเข้ามาจากทาง HUNTER’S MARCH โดยบริเวณฝั่งขวาของด่าน จะมีห้องหนึ่งที่มีรูปปั้นอยู่ ให้ใช้ท่ากระโดดแบบใหม่ที่ได้รับมา กระโดดขึ้นด้านบนแล้วเดินมาเรื่อย ๆ ตามทางลับ และไปสู้กับบอสที่ปลายทาง
    • ได้จากการทำเควสต์ของ Green Prince ให้จบในแผนที่ VERDANIA (ดูต่อที่ด้านล่าง)
  • เมื่อเก็บครบและขึ้นภารกิจ Last Dive แล้ว ให้กลับไปที่ DEEP DOCKS และเข้าสู่ระฆังอันเดิม เพื่อมุ่งสู่ THE ABYSS อีกครั้ง โดยระหว่างนี้แนะนำให้แวะเก็บเควสต์และจุดอื่น ๆ ที่ยังไม่เคยไปก่อน เพื่อเตรียมความพร้อม

VERDANIA

  • ด่านนี้จะปลดล็อคได้ผ่านเควสต์ของ NPC ชื่อ “Green Prince” ซึ่งมีลำดับการทำเควสต์ดังนี้
    • ช่วยเหลือ Green Prince ออกมาจากห้องขังใน SINNER’S ROAD, โดยต้องใช้ Simple Key ในการไขประตูห้องขังด้วย

    • ไปพบและพูดคุยกับ Green Prince อีกครั้ง ในบริเวณฝั่งซ้ายของ CHORAL CHAMBERS (ใกล้ ๆ Citadel Spa)

    • ไปพบและพูดคุยกับ Green Prince อีกครั้ง ตรงทางซ้ายของห้องบอส Cogwork Dancers (ต้องชนะบอสนี้ก่อน)

    • สุดท้าย Green Prince จะไปปรากฏตัวอยู่ทางขวาสุดของ GREYMOOR — เมื่อผู้เล่นกดดีด Needolin แบบพิเศษตรงจุดที่ Green Prince ยืนอยู่ ก็จะเข้ามาสู่ด่านลับ VERDANIA

  • ในด่านนี้ หากรู้สึกหลงทางให้กดดีด Needolin จะมีแสงสว่างอยู่ตรงขอบจอคอยนำทางว่าต้องไปตรงไหนต่อ
  • ปลายทางของด่านนี้มีบอสรออยู่ เมื่อชนะบอสแล้วจะไม่สามารถเข้าถึงด่านนี้ได้อีก

(Quest) Ecstasy of the End

  • หนึ่งในเควสต์ Act 3 ที่ควรทำ เพราะจะได้รางวัลเป็น Pale Oil สำหรับอัปเกรดอาวุธ
  • วิธีการปลดล็อคเควสต์นี้ คือต้องเก็บ Flea ให้ครบทุกตัวในเกมก่อน ซึ่งเราแนะนำให้ตามหา NPC ชื่อ Vog ในด่าน PUTRIFIED DUCTS, แล้วกลับไปที่คาราวาน จะพบว่า NPC ตัวนี้จะขายจุดมาร์คตำแหน่ง Flea ที่เหลือให้เรา

  • เมื่อครบแล้ว ให้กลับมาพูดคุยกับ Fleamaster Mooshka ที่ Fleatopia, เขาจะบอกว่ากำลังเตรียมการอะไรบางอย่างอยู่ ซึ่งเมื่อย้อนกลับมาที่นี่อีกครั้ง ก็จะเป็นอีเวนต์พิเศษและได้รับเควสต์ Ecstasy of the End นี้มา
  • เล่นมินิเกมในนี้ให้ผ่านทั้ง 3 มินิเกม โดยจะต้องทำแต้มให้ได้อันดับ 1 ทั้งหมด (เมื่อขึ้นอันดับ 1 แต้มจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองให้ผู้เล่นรู้)
  • เมื่อจบเควสต์และได้ Pale Oil มาแล้ว ผู้เล่นจะยังอัปเกรดไม่ได้ เพราะ Pinmaster Plinney หายตัวไปจาก Bellhart ตั้งแต่ในช่วงที่เริ่ม Act 3
  • ต้องไปตามเขากลับมา พิกัดของ Plinney จะอยู่ใน SHELLWOOD ตามรูปด้างล่าง


รวมฉากจบ (Ending) พร้อมวิธีปลดล็อค


 

เช่นเดียวกับเกมภาคแรก, Hollow Knight: Silksong มีอยู่หลายฉากจบ ซึ่งฉากจบแต่ละแบบก็มีเงื่อนไขการปลดล็อคที่ยากง่ายแตกต่างกัน

และสำหรับใครที่ต้องการเก็บ Ending ให้ครบทั้งหมดภายในเซฟเดียวกัน สามารถเล่นโดยไล่ลำดับ Ending ตามที่เราเรียงไว้ได้เลย (จบเกมไปแล้ว, โหลดเซฟเดิมมาแล้วเล่นต่อ Ending ถัดไปได้)

Ending 1 – Weaver Queen

  • ฉากจบที่ทำง่ายที่สุด ไม่มีเงื่อนไขใดเป็นพิเศษ เพียงสู้กับบอสตัวสุดท้ายของเกมนี้ให้ชนะก็จะปลดล็อคได้แล้ว

Ending 2 – Twisted Child

  • ตัวผู้เล่นต้องถูก “สาป” ก่อน ซึ่งแนะนำให้ทำในช่วงโค้งสุดท้ายของเกมที่กำลังจะไปสู้กับบอสตัวสุดท้าย (ตัวที่ต้องกดปุ่ม “Challenge” เพื่อเริ่มต่อสู้)
  • วิธีรับคำสาป คือไปเก็บไอเท็ม “Twisted Bud” มาจากด่าน BILEWATER

  • กลับไปพูดคุยกับ Greyroot (NPC ในด่าน SHELLWOOD ที่ให้เควสต์ Rite of the Pollip มาให้เราเก็บดอกไม้สีม่วง) จากนั้นจะได้รับเควสต์ Rite of Rebirth ซึ่งเมื่อกดพูดคุยกับ Greyroot อีกครั้ง, Hornet จะถูกคำสาปติดตัว

  • คำสาปนี้จะทำให้เหมือนเล่นเกมในโหมด Hard เพราะผู้เล่นจะฮีลไม่ได้ และสร้างเส้นไหมขึ้นมาได้สูงสุดแค่นิดเดียว
  • ทำใจให้แข็ง แล้วกลับไปสู้กับบอสตัวสุดท้ายให้ชนะ ก็จะปลดล็อคฉากจบนี้ได้
  • หลังได้รับฉากจบแล้ว หากต้องการเก็บ Ending อื่นต่อ แน่นอนว่าควรจะต้องถอนคำสาปออกก่อน โดยให้กลับไปที่ Bellhart แล้วพูดคุยกับ Pavo (NPC ที่มีกระดิ่งบนหัว)
  • Pavo จะแนะนำให้ไปตามหา NPC ชื่อ Yarnaby ซึ่งจะอยู่บริเวณมุมบนซ้ายของด่าน GREYMOOR

  • เราจะได้รับเควสต์ชื่อ “Infestation Operation” ซึ่งจะต้องมุ่งหน้าไปพบกับ Benjin และ Crull ที่ SINNER’S ROAD

  • เมื่อทำเควสต์สำเร็จ ก็จะคลายคำสาปได้ พร้อมได้รับรางวัลบางอย่างตอบแทน

Ending 3 – Snared Silk

  • ฉากจบที่ดีแต่เส้นทางยาวไกลสุด ๆ ปลดล็อคได้จากการทำเควสต์ชื่อ “Silk and Soul” ที่รับมาจาก Caretaker (NPC หน้าโบสต์ Songclave ที่อยู่ทางขวาสุดของ CITADEL)
  • การจะรับเควสต์นี้ได้ ต้องทำเควสต์ “ทั้งหมด” ที่อยู่บนกระดานของหมู่บ้าน Bone Bottom, Bellhart และ Songclave ให้เรียบร้อย รวมถึงเควสต์เสริมที่พบตามด่านอีกจำนวนหนึ่ง ดูรายชื่อเควสต์แบบเต็ม ๆ ได้จากด้านล่างสุดของบทความ
  • และตามหา Flea ให้ได้อย่างน้อย 22 ตัว เพื่อทำให้คาราวานของเหล่า Flea ย้ายตำแหน่งไปที่จุดสุดท้าย (Pale Lake) — แนะนำให้ไปตามหา NPC ชื่อ Vog ในด่าน PUTRIFIED DUCTS, แล้วกลับไปที่คาราวาน จะพบว่า NPC ตัวนี้จะขายจุดมาร์คตำแหน่ง Flea ที่เหลือให้เรา

  • เมื่อครบเงื่อนไขแล้วไปพูดคุยกับ Caretaker จะได้รับเควสต์ Silk and Soul นี้มา ให้เราตามหา Soul 3 ดวง จากสถานที่ดังต่อไปนี้
    • Maiden’s Soul : ได้จากการพูดคุยกับ Chapel Maid — NPC ตัวแรกที่เราเจอช่วงต้นเกม ที่อยู่ในโบสต์ทางขวาของหมู่บ้าน Bone Bottom
    • Hermit’s Soul : ได้จากการพูดคุยกับ Bell Hermit — NPC ที่อยู่ในโซนตอนล่างของ Bellhart, วิธีเข้าโซนนี้คือไปที่สถานที่ Bellway ของ Bellhart แล้วเดินไปทางขวา -> ทำลายกำแพงทางขวาออกไป
    • Seeker’s Soul : ได้จากการสู้บอสใน BILEWATER (โซน Bilehaven) ซึ่งจัดว่าโหดเอาเรื่อง เพราะระหว่างทางในด่านนี้ไม่มีจุดเซฟเลย และต้องสู้กับมอนฯ ลูกน้องหลายระลอกก่อนด้วย ถึงจะได้สู้กับตัวบอส
  • เมื่อได้รับ Soul ครบแล้ว ให้ไปที่ด่าน WEAVENEST ATLA (เข้าได้จากด่านแรกสุด MOSS GROTTO, ที่ต้องดีด Needolin เพื่อเปิดประตู) เมื่อมาถึงจุดเซฟชั้นล่างแล้ว ให้ขึ้นไป 1 ชั้นข้างบน จะมีทางลับให้เข้าไปเก็บไอเท็มชื่อ “Snare Setter” มาจากในนั้น โดยผู้เล่นจำเป็นต้องมีท่ากระโดด 2 จังหวะก่อน (ปลดล็อคได้จากการสำรวจด่าน MOUNT FAY)
  • เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว ให้กลับไปคุยกับ Caretaker และมุ่งหน้าไปสู้กับบอสตัวสุดท้าย
  • Caretaker จะปรากฏตัวก่อนเราสู้กับบอสสุดท้าย และบอกให้เล่น Needolin ในจังหวะสุดท้ายหลังชนะบอส (แทนที่จะกด Bind ตามปกติ) ให้เราทำตามที่ Caretaker บอก
  • เข้าสู่ฉากจบ

Ending 4 – Sister of the Void

*ระวังสปอยล์หนักมาก – เกี่ยวกับ Endgame Content*

  • ต้องจบเกมในฉากจบ “Snared Silk” มาก่อน จากนั้นเมื่อสิ้นสุดหน้าเครดิตและกลับมาที่หน้าเมนู ให้กดเริ่มเกมเพื่อโหลดเซฟเดิม จะเห็นว่าสล็อตเซฟที่เราเล่นจบไป มีเส้นมืด ๆ บดบังอยู่ ให้กดโหลดเซฟย้ำหลาย ๆ รอบเพื่อเข้าถึงเซฟนี้ให้สำเร็จ
  • ตัวเกมจะเข้าสู่ “Act 3” ที่มีบอสใหม่, ศัตรูที่โหดขึ้น และความท้าทายขั้นสุดรออยู่ ซึ่งบางแผนที่ก็จะมีความเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม และมีโซนใหม่ ๆ ให้เข้าถึงได้เพิ่มเติม
  • การเดินเควสต์ใน Act นี้ไม่ซับซ้อนเลย เพราะมีจุดบอกตำแหน่งให้หมดว่าต้องไปทำอะไรบ้าง
  • จะมีภารกิจ “The Old Hearts” ให้ผู้เล่นไปตามเก็บหัวใจ 3 ชิ้น แต่จะสามารถเลือกเก็บได้ 4 ตำแหน่ง คือ
    • สู้กับฝูงมอนฯ และบอสใน Coral Tower ที่อยู่สุดทาง (มุมบนซ้าย) ของด่าน SANDS OF KARAK (ก่อนดีด Needolin เข้าไปสู้ อย่าลืมกระโดดข้ามมาทางขวาเพื่อนั่ง Bench ก่อน)
    • อยู่ใน SHELLWOOD แต่ต้องเข้าจากทางเข้าพิเศษ โดยให้เดินมาที่ลิฟต์ในด่าน GRAND GATE จากนั้นให้ใช้ท่ากระโดดแบบใหม่ที่ได้รับมา กระโดดขึ้นด้านบน และลัดเลาะมาตามช่องลมเพื่อเข้าสู่ SHELLWOOD (ระหว่างทางที่ร่วงลงมา จะมีกำแพงที่สามารถทำลายได้)
    • อยู่ใน FAR FIELDS แต่ต้องเข้ามาจากทาง HUNTER’S MARCH โดยบริเวณฝั่งขวาของด่าน จะมีห้องหนึ่งที่มีรูปปั้นอยู่ ให้ใช้ท่ากระโดดแบบใหม่ที่ได้รับมา กระโดดขึ้นด้านบนแล้วเดินมาเรื่อย ๆ ตามทางลับ และไปสู้กับบอสที่ปลายทาง
    • ได้จากการทำเควสต์ของ Green Prince ให้จบในแผนที่ VERDANIA
  • ณ สุดท้ายปลายทางของ Act นี้ จะเป็นการปลดล็อคฉากจบพิเศษ Sister of the Void

Ending พิเศษ – Passing of the Age

  • เป็นฉาก Ending เพิ่มเติมเล็กน้อย จะปลดล็อคหลังได้ฉากจบ Snared Silk และได้รับท่ากระโดดสูงแบบพิเศษมาแล้ว
  • ไปที่ด่าน PUTRIFIED DUCTS -> Pale Lake/Fleatopia ที่อยู่ฝั่งขวาสุด จะมีจุดที่สามารถกระโดดสูงขึ้นไปและเจอกับป้าย ๆ หนึ่ง
  • จากนั้นผู้เล่นจะได้รับเควสต์ให้ตามหา Mister Mushroom ที่ซุกซ่อนอยู่ 7 แห่งตามแผนที่ต่าง ๆ
    • จุดที่ Mister Mushroom ซ่อนอยู่ จะมีกองเห็ดสีน้ำเงินขึ้นที่พื้น ให้กดเล่น​ Needolin และพูดคุยกับเขา
    • Ruined Chapel – เดินออกประตูจากห้องของ NPC หอยทากทั้ง 3 แล้วมาทางขวา จะพบกองเห็ด
    • Bone Bottom – อยู่บนแพลตฟอร์มบริเวณมุมบนขวาของหมู่บ้าน
    • FAR FIELDS – อยู่โซนขวาสุดของด่าน ช่วงเกือบ ๆ ถึงประตู Weavenest
    • GREYMOOR – จากบริเวณทางเข้าของด่าน WISP THICKET, ให้ลงล่างมา 1 ชั้น
    • THE SLAB – อยู่ทางขวาถัดจากประตูห้องบอส First Sinner
    • MOUNT FAY – อยู่ชั้นบนสุดของด่าน จุดเดียวกับที่เราได้รับท่ากระโดดสองจังหวะ
    • THE CRADLE – เหนือจากจุดที่สู้กับบอส จะมีทางให้ใช้ท่ากระโดดขึ้นไปต่อ และต้องฝ่าฟันกับอภิมหาดงหนามเพื่อขึ้นไปด้านบน
      หลังจากเจอ Mister Mushroom ที่จุดนี้แล้ว เรายังสามารถกระโดดขึ้นไปด้านบนต่อได้อีก จะพบกับอีกหนึ่งโซนลับของเกม
  • เมื่อเคลียร์เควสต์นี้สำเร็จ และเล่นเกมต่อให้จบ ก็จะปลดล็อคฉากจบนี้ (พร้อม Achievement) ซึ่งเป็นฉากโบนัสแยกกันต่างหากกับฉากจบอื่น ๆ ของเกม

 


 

รายชื่อเควสต์ทั้งหมดที่ต้องเคลียร์เพื่อปลดล็อคเควสต์ Silk and Soul (สำหรับฉากจบ 3)

หมวด Delivery

  • Liquid Lacquer
  • Queen’s Egg

หมวด Donate

  • An Icon of Hope
  • A Lifesaving Bridge
  • Bellhart’s Glory
  • Bone Bottom Repairs
  • Building Up Songclave
  • Restoration of Bellhart
  • Strengthening Songclave

หมวด Gather

  • Alchemist’s Assistant
  • Berry Picking
  • Great Taste of Pharloom
  • Rite of the Pollip
  • Silver Bells

หมวด Hunt

  • Broodfest
  • Cloaks of the Choir
  • Crawbug Clearing
  • Fine Pins
  • Flexible Spines
  • Garb of the Pilgrims
  • Roach Guts
  • Volatile Flintbeetles

หมวด Grand Hunt

  • Savage Beastfly
  • The Terrible Tyrant
  • The Wailing Mother

หมวด Wayfarer

  • Balm for the Wounded
  • Infestation Operation
  • My Missing Brother
  • My Missing Courier
  • Pinmaster’s Oil
  • Rite of Rebirth
  • The Lost Fleas
  • The Lost Merchant
  • The Wandering Merchant
  • Trail’s End

หมวด Learn

  • Bugs of Pharloom
  • Architect’s Melody
  • Conductor’s Melody
  • Vaultkeeper’s Melody

อื่น ๆ

  • Pharloom’s Crown (Ascend)
  • Grand Gate (Open)
  • The Threadspun Town (Save)
  • Silent Halls (Search)
  • The Great Citadel (Seek)

Satthathan Chanchartree

ฟ่าง - Content Writer

Back to top