BY Boonperm
3 May 25 1:00 pm

5 ตระกูลเกม Turn-based RPG ที่น่าหยิบมาเล่น

420 Views

หลังจากการวางขายของ Clair Obscur: Expedition 33 ก็เรียกได้ว่ากระแสของเกมแนว Turn-based RPG ก็เริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้ง เพราะเกมที่มีระบบนี้ในช่วงหลายปีหลัง เริ่มห่างหายไปนานจนถ้าเอาแค่เกมใหญ่ ๆ ก็นับนิ้วได้เลย 

ถ้าหากมองในตลาดเกม RPG (รวมถึงเกมแนวอื่น ๆ) ในปัจจุบันแล้ว เกมหันไปใช้ระบบ Real time ที่ทำให้เกมรู้สึกไหลลื่นมากกว่าเกมที่มีระบบ Turn-based ที่เน้นการออกคำสั่งเป็นเทิร์น ๆ เรียกได้ว่าเป็นระบบการเล่นเกมในยุคเริ่มต้นของวงการเกมเลยก็ว่าได้ มันจึงเป็นตัวแทนของยุคเก่า หรือความดั้งเดิม

หากย้อนดูประวัติศาสตร์ของเกมแนว Turn-based RPG แล้ว ก็ต้องย้อนไปถึงยุคสมัยที่ไม่มีเกมแบบทุกวันนี้ ในสมัยที่คนเล่นเกม tabletop role-playing game (TTRPG or TRPG) หรือเรียกแบบชาวบ้านว่า เกมกระดาน / เกมที่ใช้กระดานเขียนข้อมูล มีการทอยเต๋า พูดการกระทำต่าง ๆ ของตัวละคร อย่าง Dungeons & Dragons ที่ผู้เล่นผลัดกันเล่นตามตา (หรือเทิร์น) ของตัวเองเป็นคน ๆ ต่อมาในยุคสมัยที่มีเกมคอมและเครื่องเกมต่าง ๆ พัฒนาขึ้น ระบบนี้จึงเป็นระบบพื้นฐานในการเล่นเกม RPG ในยุคแรก 

แต่ถึงอย่างนั้นระบบเกม Turn-based ก็ยังคงเอกลักษณ์และเสน่ห์ของตัวเองที่ระบบอื่น ๆ ให้ไม่ได้ และถ้าหากหยิบมาใช้อย่างเหมาะสม มีการขัดเกลาที่ดี หรือนำไปประยุกต์ร่วมกับระบบอื่น ๆ ก็จะทำให้เกมยังคงความสนุกและไหลลื่นได้ไม่แพ้กัน

สำหรับใครที่เล่นเกม Clair Obscur: Expedition 33 มาแล้ว อยากหาเกมแนว Turn-based RPG มาเล่นเพิ่ม เราก็มี 5 ตระกูลเกม Turn-based RPG ที่น่าหยิบมาเล่นมาแนะนำกัน เชื่อว่าหลายคนน่าจะเคยได้ยินชื่อเกมเหล่านี้มาบ้างไม่มากก็น้อย ซึ่งเราจะมาอธิบายขยายความเกี่ยวกับเกมเหล่านี้ให้มากขึ้น เผื่อใครสนใจจะได้ไปจัดมาเล่นกัน 

Dragon Quest ผู้วางรากฐานให้เกม RPG และระบบ Turn-based ให้เป็นที่รับรู้ทั่วโลก

หากจะมีเกมสักตระกูลหนึ่ง ที่สามารถพูดได้เต็มปากว่า นี่คือผู้จุดประกายความนิยมของเกมแนว RPG ทั้งหลาย ไม่ใช่แค่เฉพาะ Turn-based ให้โด่งดังเป็นที่รู้จัก และเป็นรากฐานให้ความนิยมจนถึงปัจจุบัน Dragon Quest คือเกมที่ว่านั้นครับ

การวางขายของ Dragon Quest (ขอเรียกย่อว่า DQ) ในปี 1986 เป็นหนึ่งในจุดเปลี่ยนสำคัญที่มีอิทธิพลต่อเกม RPG เป็นอย่างมาก แม้ว่าระบบ Turn-based ของเกมนี้ ผู้สร้างอย่าง Yuji Horii จะได้แรงบันดาลใจเรื่องระบบเกมมาจาก RPG ที่กำเนิดมาก่อนหน้า แต่เขาต้องการให้เกม RPG สามารถเข้าถึงกลุ่มคนในวงกว้างมากขึ้น เขาจึงทำการลดความยุ่งยากของเกม RPG ในยุคนั้นลงไป เช่น จากเดิมที่ผู้เล่นต้องสร้างตัวละครเอง มีการเลือกตอบคำถามต่าง ๆ DQ มีตัวละครหลักที่ออกแบบมาก่อนแล้ว และเดินทางไปตามเนื้อเรื่องที่วางไว้ให้ ตัว interface ก็ออกแบบให้ไม่ซับซ้อน ทำให้นี่คือจุดเริ่มต้นความนิยมของเกมแนว RPG ทั้งหลายที่ไม่ใช่แค่ Turn-based ให้กลายเป็นเกมกระแสหลัก

เวลาล่วงเลยผ่านมาจนถึงปัจจุบัน DQ ที่ตอนนี้กำลังมีการพัฒนาภาค 12 กันอยู่ ก็ยังคงเอกลักษณ์ดั้งเดิมของเกมเอาไว้ นั้นคือ ระบบ Turn-based ที่เป็นตัวสร้างชื่อให้กับเกม โดยที่มีการปรับองค์ประกอบยิบย่อยต่าง ๆ ให้เหมาะกับยุคสมัย แต่หัวใจหลักของมันที่หลายคนหลงรักยังคงเป็นเหมือนเดิมไม่เสื่อมคลาย เป็นตัวอย่างที่ดีในการแสดงให้เห็นว่าเกม Turn-based RPG ยังไงก็ไม่ตกยุค

Final Fantasy จากรากเหง้า Turn-based RPG สู่ความเป็นไปได้ไร้ขีดจำกัด

เกมอีกหนึ่งตระกูลที่มีส่วนสำคัญในการวางรากฐานของเกมแนว RPG และพอจะเรียกได้ว่าเป็นแม่พิมพ์ของเกม JRPG ก่อนที่จะมีพัฒนาต่อยอดกันมาเรื่อย ๆ ก็คือ Final Fantasy 

ในเกมภาคแรกที่วางจำหน่ายในปี 1987 รวมถึงอีกสองภาคที่ตามออกมา ใช้ระบบแบบ Turn-based แบบดั้งเดิม คือ ในหนึ่งเทิร์น ทั้งเราและศัตรูจะเลือก Action หลังจากนั้นตัวละครจะทำ Action ตามลำดับค่าความเร็วของแต่ละตัวละคร หลังจากนั้นก็เริ่มเทิร์นใหม่

แม้จะมีรากเหง้าและต้นกำเนิดมาจาก Turn-based RPG แต่ Final Fantasy ไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น เพราะในภาคต่อ ๆ มาซีรีส์ก็มีการปรับเปลี่ยนระบบการต่อสู้ใหม่ ๆ ไปตามยุคสมัย รวมถึงภาค Spin-off ต่าง ๆ ก็มีระบบต่อสู้ที่แยกย่อยออกไป ไม่ว่าจะเป็น Active Time Battle (ATB), Charge Time Battle (CTB), Conditional Turn-Based Battle ไปจนถึงสไตล์ Open Combat ในภาค 16 

Final Fantasy เป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่า แม้จะมีจุดเริ่มต้นมาจากการเป็น Turn-based RPG แต่ก็ต้องมีการปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัย รวมถึงในภาคหลัง ๆ อาจมีการเปลี่ยนแนวไปเลย แต่ก็ทำให้มีตัวเลือกที่หลากหลายขึ้น และในอนาคตก็มีโอกาสที่ระบบ Turn-based จะถูกหยิบมาใช้อีกครั้ง เพราะหลาย ๆ คนก็ยังคงเฝ้ารอมันอยู่

Persona Turn-based RPG with a twist

Persona เป็น Spin-off ที่แตกออกมาจากซีรีส์ Shin Megami Tensei ของ Atlus วางขายครั้งแรกในปี 1996 ในชื่อภาค Revelations: Persona หลังจากที่เกม Shin Megami Tensei if… ในปี 1994 ที่มีฉากหลังเป็นโรงเรียนมัธยมปลายได้รับเสียงตอบรับที่ดี 

Persona เริ่มโด่งดังเป็นที่รู้จักมากขึ้นใน Persona 3 ที่นอกจากระบบ Turn-based แล้ว เกมยังใส่ระบบอื่น ๆ ผสมผสานเข้ามาจนเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง เช่น การมีค่าความสัมพันธ์กับตัวละคร ระบบลงดันเจี้ยน ไปจนถึงเนื้อเรื่องที่เกี่ยวข้องกับจิตใจและจิตใต้สำนึกของผู้คน จนมาถึง Persona 5 ที่สร้างชื่อเสียงโด่งดังถึงขีดสุด ด้วยการกวาดรางวัลต่าง ๆ มากมายมหาศาล ได้เข้าชิง Game of the Year ทำให้ชื่อของ Persona ถูกจารึกไว้ในวงการเกม และเหล่าเกมเมอร์ทั่วโลก

Persona เป็นตัวอย่างของการนำระบบ Turn-based RPG มาผสมผสานเข้ากับระบบและองค์ประกอบอื่น ๆ ได้อย่างลงตัว เกิดเป็น Gameplay Loop ที่สนุก เมื่อบวกกับเนื้อเรื่องที่ซับซ้อนแต่น่าติดตาม ทำให้ไม่แปลกใจที่นี่จะเป็นอีกหนึ่งตระกูลเกมในดวงใจของใครหลายคน

Atelier ปรุงยา พร้อมระบบ Turn-based since 1997

ใครจะไปคาดคิดว่า Atelier หรือเกม สาวนักปรุงยา จะอยู่คู่กับวงการเกมมานานเกือบ 30 ปีแล้ว นับตั้งแต่ Atelier Marie: The Alchemist of Salburg ในปี 1997 จนมาถึง Atelier Resleriana: The Red Alchemist & the White Guardian ที่จะวางขายในปีนี้ ก็มีทั้งภาคหลัก ภาคย่อย ภาค Remake มากมาย แถมเกมยังแบ่งย่อยออกเป็นหมวดหมู่ “โลก” ของตัวเอง เกมที่อยู่คนละโลก/จักรวาล จะไม่เกี่ยวข้องกัน แต่เกมที่อยู่ในโลก/จักรวาลเดียวกัน จะมีการเชื่อมโยงกัน

แม้หัวใจหลักของเกมจะอยู่ที่ปรุงยา การหาวัตถุดิบมาปรุงยา การทำเควสต่าง ๆ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันต้องมีการต่อสู้กับมอนสเตอร์เพื่อหาวัตถุดิบ รวมถึงเป็นองค์ประกอบหนึ่งในการขับเคลื่อนเรื่องราวของเกม RPG และระบบการต่อสู้ของเกมตระกูลนี้นั้น โดยทั่วไปแล้วจะเป็น Turn-based RPG (ยกเว้นบางภาคที่เป็นข้อยกเว้นพิเศษ)

แต่ระบบ Turn-based ของ Atelier ก็มีการปรับปรุงมาตลอด ให้รู้สึกว่ามันไม่ได้เชื่องช้าแบบอดีต มีการปรับตามยุคสมัย ให้ยังคงความเป็น Turn-based แต่รู้สึกว่ามันเร็วขึ้น เมื่อคู่ไปกับระบบปรุงยาที่เป็นหัวใจหลักแล้ว ก็ไม่ได้รู้สึกติดขัด แถมยังรู้สึกว่าเพลิดเพลินอีกต่างหาก 

Ichiban Yakuza Like A Dragon

Yakuza ปรับรสชาติใหม่ด้วย Turn-based

เห็นชื่อซีรีส์ Yakuza หลายคนน่าจะขมวดคิ้ว เพราะแต่เดิมทีเกมตระกูลนี้ก็ไม่ใช่แนว Turn-based RPG มาแต่ต้น จะมีก็แค่ในภาคหลักสองภาคหลัง (Like a Dragon และ Infinite Wealth) ที่ปรับการเล่นมาเป็น Turn-based RPG และน่าจะคงระบบเช่นนี้ในภาคหลักภาคต่อ ๆ ไปในอนาคต

แม้จะมีความเคลือบแคลงสงสัยในการตัดสินใจเช่นนี้ของทีมพัฒนาในตอนแรกที่มีการปรับการเปลี่ยนระบบเกมไปจากเดิม แต่เมื่อเกมออกและคนเล่นได้สัมผัสกับเกม ความสงสัยต่าง ๆ ก็หายไป ด้วยความสนุกของเกมและการออกแบบระบบของทีมพัฒนา ทำให้ระบบ Turn-based ก็เข้ากับโลกของเกม Yakuza ได้ ทำให้หลาย ๆ คนติดหนึบ

Yakuza เป็นตัวอย่างของเกมที่ปรับเปลี่ยนเอาระบบ Turn-based มาใช้ จากเกมที่ไม่ได้มีรากเหง้าเป็น Turn-based RPG มาแต่ต้น แต่ก็สามารถทำให้ผู้เล่นสนุกสนานกับเกมได้ 

Pokemon

 

Honorable Mention เกมที่ควรค่าแก่การกล่าวถึ

จริงอยู่ที่โลกนี้ยังมีเกม Turn-based RPG อีกมาก แต่หลายเกมก็ไม่ใช่ซีรีส์เกมที่อยู่มานาน หรือมีเกมในซีรีส์เยอะแยะมากมายขนาดนั้น รวมถึงหลาย ๆ เกมที่บางคนอาจจะลืมไปว่ามันคือ Turn-based RPG ด้วย ซึ่งเราก็จะรวม ๆ ชื่อเกมเหล่านั้นที่น่ากล่าวถึงมาอยู่ในส่วนนี้

  • Pokemon 
  • Metaphor ReFantazio
  • Sea of Stars
  • Octopath Traveler 2

ยังมีเกม Turn-based อีกมากมายที่เราไม่ได้กล่าวถึง แต่ก็ยังคงสามารถสร้างความประทับใจในการเล่นได้ แม้ว่าไม่จำเป็นต้องมีการต่อสู้ที่ไหลลื่น แต่ทำระบบให้ดี ให้คนเล่นสนุก เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว และเชื่อว่ายังไงเกม Turn-based RPG ก็ยังไม่หายไปไหน แต่จะอยู่คู่กับระบบแบบ Real-time อย่างนี้ไปเรื่อย ๆ 

Related posts

Read More
Back to top