ในโลกของเกมยิงมุมมองบุคคลที่หนึ่ง (FPS) แนวเกมยอดฮิตที่เกมเมอร์ทุกคนชื่นชอบนั้น ฝั่งผู้เล่นบน PC มักเล่นด้วยอุปกรณ์อย่างเมาส์และคีย์บอร์ด เนื่องจากให้ความแม่นยำและความเร็วในการเล็งสูง เรียกได้ว่าเป็นอุปกรณ์ที่ “คุ้นมือ” คอเกม FPS บน PC มาโดยตลอด
ส่วนผู้เล่นคอนโซลก็ใช้จอยเกมพร้อมมีระบบ Aim Assist หรือการช่วยเล็งคอยเสริมความแม่นยำ แน่นอนว่าก็มีผู้เล่นของทั้งสองฝั่งบางส่วนที่ถนัดหรือชอบใช้อุปกรณ์ของอีกฝ่ายในการเล่นเกมยิงบนเครื่องประจำตัวของตัวเอง บางคนเล่นบน PC แต่ชอบใช้จอย บางคนเล่นบน Console แต่ต่อเมาส์เล่น ก็เป็นเรื่องของความชอบประจำตัว
อย่างไรก็ตามการมาถึงของระบบ Crossplay ทำให้ผู้เล่นเกมยิงของ Console และ PC ต้องลงต่อสู้ในสนามรบผืนเดียวกัน
สงครามความเห็นระหว่างสองฝั่งเกิดขึ้นอย่างจริงจังเมื่อเกมดังๆ อย่าง Fortnite (เริ่ม Crossplay ปี 2018) และ Apex Legends (2019) เปิดโอกาสให้ผู้เล่น PC และคอนโซลมาเจอกัน ผู้เล่นจึงเริ่มตั้งคำถามว่า “ใครกันแน่ที่ได้เปรียบในเกมยิง”
แม้จะมีการวิจัยบ่งชี้ว่า “เมาส์เร็วกว่าจอยและแม่นยำกว่า” แต่ในทางปฏิบัติแล้ว ด้วยระบบช่วยเล็งที่แตกต่างกันไปในแต่ละเกม รวมไปถึงปัจจัยอื่นๆ ทำให้ข้อถกเถียงดังกล่าวยังดำเนินต่อไปและน่าสนใจจนเราต้องหยิบยกมานำเสนอพูดคุยกัน
ส่วนใครคิดเห็นอย่างไร หลังจากอ่านแล้วก็มาพูดคุยแลกเปลี่ยนกันได้ เพราะถ้าว่ากันจริง ๆ แล้วเรื่องนี้ไม่มีผิดไม่มีถูกที่ชัดเจน
พัฒนาการเทคโนโลยีของทั้งสองฝั่ง
เทคโนโลยีฮาร์ดแวร์สมัยใหม่แข่งกันพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้ทั้งสองฝั่ง เช่น:
- เมาส์เกมมิ่ง: เซ็นเซอร์ระดับสูงยอดนิยมในเมาส์ยุคปัจจุบันรองรับความละเอียดถึง 26,000 DPI เรื่องความแม่นยำจากอุปกรณ์นั้นไม่ต้องพูดถึง เรียกได้ว่าละเอียดแบบสุด ๆ แม้จะเป็นเมาส์แบบ Wireless เทคโนโลยีปัจจุบันก็ทำให้การเชื่อมต่อลื่นไหล การออกแบบเมาส์ยังหลากหลาย ปรับแต่งได้ตามความต้องการของผู้ใช้งานทั้งน้ำหนักและรูปร่าง
- คีย์บอร์ด: รุ่นใหม่ๆ มี polling rate สูงถึง 8000Hz (ส่งข้อมูลปุ่มกดถึง 8,000 ครั้งต่อวินาที) ลดความหน่วงการตอบสนองได้เกือบทันที เทคโนโลยีสวิตช์แบบใหม่ ๆ และ Feature ต่าง ๆ ที่ทำให้การตอบสนองในการกดนั้นรวดเร็วแบบพริบตา และสามารถปรับแต่งได้ตามใจของผู้ใช้งานอีกเช่นกัน
- จอยเกม: ฝั่งจอยเกมรุ่นใหม่ ๆ เสริมฟีเจอร์เช่น Gyro Aiming (เซ็นเซอร์จับการเคลื่อนที่ช่วยเล็ง) และ Haptic Feedback นอกจากนี้ DualSense ของ PS5 ยังมี Adaptive Triggers ที่ปรับแรงต้านตามสถานการณ์ในเกม (เช่นให้แรงต้านต่างกันเมื่อติดแฮนด์บอกรถหรือยิงอาวุธ) แน่นอนว่าฟีเจอร์ส่วนใหญ่บนจอยแบบ Official มักถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อให้ผู้เล่น “อิน” กับเกมมากขึ้น แต่จุดที่เป็นข้อได้เปรียบสำคัญน่าจะเป็นระบบ Aim Assist หรือระบบช่วยเล็งที่เกมยิงแต่ละเกมปรับแต่งใส่เข้ามาเพื่อช่วยเหลือผู้เล่นฝั่งจอยเสียมากกว่า
ระบบ Aim Assist ทำงานอย่างไร
Aim Assist เป็นระบบช่วยเล็งสำหรับผู้ใช้จอยเกม ทำงานโดยการดึงหรือล็อกเป้ายิงของผู้เล่นเข้าหาศัตรูแบบอัตโนมัติ
ส่วนใหญ่แล้วมีการทำงานหลายรูปแบบ เช่น มีแรงดึง (target gravity) ทำให้ครอสแฮร์หรือเป้าเล็ง (reticle) ถูกดึงเข้าใกล้ศัตรู หรือมีแรงหนืด (sticky targeting) ที่ชะลอการเคลื่อนที่ของครอสแฮร์เมื่ออยู่ใกล้เป้าหมาย เช่น ถ้าเล็งผ่านศัตรู Aim Assist จะชะลอไม่ให้เลยเป้าไปง่ายๆ ในบางเกมอาจเป็นปุ่มล็อกเป้าอัตโนมัติก็ได้เหมือนกัน
การตั้งค่าแรงและระยะของ Aim Assist ถูกปรับแต่งโดยผู้พัฒนาแต่ละเกมแตกต่างกันไป ล่าสุด Apex Legends ได้ลดแรงช่วยเล็งของจอยลงเมื่อเล่นข้ามแพลตฟอร์ม เช่น ลดลง 18–25% เมื่อผู้เล่นฝั่งคอนโซลข้ามไปเล่นกับผู้เล่น PC(Dev Note ระบุว่า “Aim Assist จะไม่ถูกลบเพราะเป็นฟีเจอร์สำหรับผู้เล่นที่ต้องการความช่วยเหลือ แต่จะปรับลดความแรงให้อยู่ในระดับสมดุล”
หรือในเกม Call of Duty ภาคใหม่ ๆ ก็มีการปรับปรุงระบบช่วยเล็งบนจอยอยู่เสมอ เพื่อปรับสมดุลให้เท่าเทียมกับผู้เล่นที่ใช้เมาส์
Crossplay เป็นชนวนหลักของการถกเถียงจริงไหม
ระบบข้ามแพลตฟอร์ม (Crossplay) ถือเป็นตัวจุดไฟสำคัญในประเด็นนี้ เพราะเมื่อเกมเมอร์ PC และคอนโซลมาเจอกัน การทำงานของ Aim Assist จะเห็นผลชัดเจนขึ้น ในกรณี Apex Legends เอง Patch Notes ยังระบุชัดเจน
แสดงว่าทีมพัฒนาให้ความสำคัญกับการปรับค่าช่วยเล็งเฉพาะเมื่อต้องเจอกันระหว่างแพลตฟอร์ม สถานการณ์คล้ายกันเกิดขึ้นใน Fortnite และ Warzone ซึ่งบางเกมอาจให้ผู้เล่นเลือกปิด Crossplay ได้ในบางโหมด แต่หลายเกมก็บังคับเปิดระบบ Crossplay ทำให้ข้อได้เปรียบความต่างของอุปกรณ์ถูกนำมาถกเถียงกันมาตลอด
โดยรวมแล้วจะพูดว่าระบบ Crossplay เป็นต้นเหตุก็ว่าได้ แต่อย่างไรก็ตามปัจจุบันผู้เล่นบน PC ก็หันไปใช้ “จอย” ในการเล่นเกมยิงบางเกมแบบเต็มตัวเพราะมีความได้เปรียบเหนือเมาส์และคีย์บอร์ด ยกตัวอย่างเช่นเกม Apex Legends ที่ผู้เล่นระดับสูงหลายคนพากันหันไปใช้จอยในการเล่นแทน
การยิงด้วย Aim Assist ยังนับเป็น “ทักษะ” หรือไม่
คำถามว่าการเล็งด้วย Aim Assist ยังถือเป็น “ทักษะ” หรือไม่ ก็เป็นที่ถกเถียงกันอีกเช่นกัน งานวิจัยด้าน HCI Human-Computer Interaction ชี้ว่า Aim Assist เปลี่ยนตัวแปรในกฎฟิตต์ (Fitts’s law) ให้เอื้อต่อการเคลื่อนไหวที่ไม่แม่นยำมากขึ้น
Fitts’s Law (กฎของฟิตส์) เป็นหลักการในด้านจิตวิทยาการรับรู้และการออกแบบอินเทอร์เฟซ ที่อธิบายว่า:
“ยิ่งเป้าหมายมีขนาดใหญ่ และอยู่ใกล้มากเท่าไร ก็ยิ่งคลิกหรือแตะได้ง่ายและเร็วขึ้น”
พูดง่าย ๆ ก็คือ Aim Assist ทำให้กฎดังกล่าวไม่สามารถใช้ได้อีกต่อไป เพราะการช่วยเล็งไม่เหมือนการเล็งโดยตัวผู้ใช้งานเองแบบ 100%
ระบบช่วยเล็งหรือ Aim Assist เข้ามาเปลี่ยนกฎดังกล่าว การใช้จอยที่มีระบบช่วยเล็งมี “แนวโน้ม” สำคัญที่ทำให้ผู้เล่นยิงเป้าหมายได้แม่นยำขึ้นกว่าที่ควรจะเป็นจริง ๆ
ซึ่งทำให้บางคนมองว่าไม่ต่างจากการให้ “aimbot” ผู้เล่นใช้ฝีมือจริงน้อยลง และ “บางครั้งมันก็ช่วยเล็งเยอะจนดูเหมือนโกง”
อย่างไรก็ดี ผู้เล่นคอนโซลจำนวนมากยังยืนยันว่าการใช้จอยให้แม่นก็ต้องใช้ฝีมืออยู่ดี เช่นการคาดเดาการเคลื่อนที่ของศัตรู จังหวะยิง รวมถึงการจัดการ recoil ที่ทำได้ยากกว่าในจอย
แม้โดยรวมแล้วนักวิจัยจะเห็นตรงกันว่าหลังการวัดผลโดยรวม ๆ แล้ว เมาส์ยังแม่นกว่าจอยอยู่ แต่สมดุลของเกมต้องคำนึงถึงความหลากหลายของผู้เล่น สุดท้ายระบบช่วยเล็งจึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่ถูกใช้ปรับสมดุลของเกมโดยทีมพัฒนา
ผู้เล่นส่วนใหญ่มักลงความเห็นว่าการใช้จอยมีความได้เปรียบจริงในบางเกม แต่ผู้เล่นก็ต้องใช้ทักษะส่วนตัวอื่น ๆ เข้ามาเสริม และแม้แต่การเล็งยิงโดยมีระบบช่วยก็ต้องใช้ความสามารถในการเล็งขั้นต้นอยู่เหมือนกันในบางเกม
ประสบการณ์จากผู้เล่นที่ลองเล่นทั้งสองฝั่ง
เสียงจากชุมชนเกมเมอร์สะท้อนมุมมองหลากหลาย ผู้เล่นที่ลองทั้งสองฝั่งมักพบข้อดี-ข้อเสียต่างกัน ตัวอย่างจาก Apex Legends รายงานจากกลุ่มผู้เล่นระบุว่า ผู้เล่นบางคนที่เปลี่ยนจากเมาส์ไปเล่นจอยพบว่า “การเล็งดีขึ้นมาก” และมักรู้สึกว่าสะดวกกว่า
ในขณะที่คนเล่นเมาส์ก็บอกว่าจอยช่วยให้เล็งง่าย แต่คีย์บอร์ดช่วยให้เคลื่อนไหวและตอบสนองได้ดีกว่า
ตัวอย่างสำคัญที่มีให้เห็นคือ Dalton “Daltoosh” Hester นักพากย์เกม Apex ที่เคยเล่นทั้งสองสไตล์เองก็เคยให้สัมภาษณ์ว่า สำหรับปืนยิงช้าแบบ Single-shot เมาส์ทำ flick shot (เล็งสะบัด) ได้ง่ายกว่าจอยมาก
สะท้อนว่าแม้ Aim Assist จะช่วยเล็ง แต่การใช้งานในสถานการณ์จริงก็ต้องพึ่งพาทักษะในการควบคุมระยะและจังหวะยิงจากผู้เล่นอยู่เช่นกัน แต่แน่นอนว่าถ้าวัดกันถึงเรื่องการ “ลากเป้าตามศัตรูที่เคลื่อนไหว” ผู้เล่นส่วนใหญ่ก็ลงความเห็นว่า ณ ปัจจุบัน จอยทำหน้าที่ส่วนนี้ได้ดีกว่าเมาส์จริง ๆ ในหลายเกม
มุมมองผู้พัฒนาเกมต่อการปรับสมดุล
ผู้พัฒนาเกมหลายรายได้ให้ความสนใจและปรับสมดุลเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างเช่น:
- Apex Legends: ใน Season 14 (Shockwave) Respawn ลดแรงช่วยเล็งของผู้ใช้คอนโซลเมื่อเล่นกับ PC ลง 18–25% พร้อมชี้แจงใน Dev Note ว่า “Aim Assist จะไม่ถูกลบเพราะเป็นฟีเจอร์สำหรับคนเข้าถึงได้ง่าย แต่จะควบคุมความแรงให้สมดุล”
- Call of Duty: MWIII: Infinity Ward ใน Season 4 ได้เอาการช่วยเล็งขณะยิง hipfire ออกและลดความแรงของ Aim Assist ขณะเล็งปืน (ADS) สำหรับการเล่นบนจอย เพื่อให้การเล็งด้วยจอยไม่เหนือไปกว่าการใช้เมาส์มากเกินไป
- Fortnite: ทีมพัฒนา Epic เผยว่าใน Patch (v31.20) ว่าพยายามปรับระบบช่วยเล็งให้ดู “เหมือนมนุษย์มากขึ้น” โดยให้เหตุผลว่าต้องการปรับสมดุลเกมให้ดีที่สุดในขณะที่รับเปิดฟังความเห็นผู้เล่นไปพร้อมกัน
โดยส่วนใหญ่แล้วนักพัฒนาเกมมีความเห็นเหมือนกันว่าระบบ Aim Assist เป็นของจำเป็นที่จะต้องมีต่อไป แต่ทุกรายก็พยายามปรับสมดุลหาจุดพอดีให้การช่วยเล็งดังกล่าวไม่ “แรง” จนเกินไป
“ความยุติธรรม” (แฟร์) ในเกม FPS สำหรับคุณคืออะไร?
ผู้เล่นฝั่งเมาส์ก็มักจะมองว่า Aim Assist ในบางเกม “แรงเกินไป” จนเหมือน auto-aim ส่วนผู้เล่นฝั่งจอยก็โต้กลับว่า เมาส์เองก็มีข้อได้เปรียบโดยธรรมชาติอยู่แล้ว เช่น ความเร็วในการเล็งและการหันมุมแบบฉับพลัน หรือการเคลื่อนที่ซึ่งพริ้วไหวกว่า
ถ้าจะให้พูดกันจริง ๆ ก็คงต้องบอกว่าไม่มีคำตอบตายตัว ปัจจัยหลายอย่างทำให้สุดท้ายแล้วก็ยากที่จะฟันธงว่าแบบไหนถึงจะเรียกว่า “แฟร์” กับผู้เล่นทุกฝ่าย เพราะเมื่อรากฐานของอุปกรณ์การบังคับนั้น “ต่างกัน” แบบเทียบไม่ได้ ยังไม่รวมไปถึง การปรับจูน Aim Assist ของเกมนั้น ๆ, ลักษณะสไตล์การเล่น (ระยะไกล vs ประชิด) และความคุ้นมือของผู้เล่นแต่ละแพลตฟอร์ม
ก็ต้องบอกว่าสุดท้ายข้อโต้เถียงนี้ก็ขึ้นอยู่กับมุมมอง ถ้าเกมยังมีระบบ Crossplay และยังไม่มีการแบ่ง Matchmaking ตามอุปกรณ์ (Input-based Matchmaking) ยังไงผู้เล่นบางส่วนก็คงจะหนีไม่พ้นที่จะรู้สึกว่า “ไม่แฟร์” ในบางมุมของเกม
และการโต้เถียงถึงระบบ Aim Assist และการใช้เมาส์ VS จอยก็น่าจะต้องดำเนินต่อไปอีกนานเลยทีเดียว