BY KKMTC
27 Oct 23 8:00 pm

“หัวใจของเกมเพลย์คือ Command 7 ส่วน แอ็กชัน 3 ส่วน” สรุปบทสัมภาษณ์พิเศษจากผู้กำกับ Final Fantasy VII Rebirth

285 Views

ไม่ปฏิเสธว่าหนึ่งในเกมแห่งปี 2024 ที่น่าจับตามองที่สุด อย่างไรก็ไม่มีทางหนีพ้น Final Fantasy VII Rebirth ภาคต่อเกม RPG ที่ Cloud ร่วมกับเพื่อน ๆ เริ่มออกเดินทางสู่โลกภายนอก หลังหนีออกจากเมือง Midgar สำเร็จ

ทีมงาน GamingDose ได้มีโอกาสสัมภาษณ์กับคุณ Naoki Hamaguchi หนึ่งในผู้กำกับเกม Final Fantasy VII Rebirth ในงาน Thailand Game Show 2023 อย่างเป็นทางการ แล้วผู้กำกับเกมมีวิสัยทัศน์อย่างไรเกี่ยวกับ Final Fantasy VII Rebirth มาอ่านบทสัมภาษณ์กันได้เลย

มารู้จักกับ Final Fantasy VII Rebirth กันก่อน

Final Fantasy VII Rebirth

Final Fantasy VII Rebirth จัดว่าเป็นเกมออกวางจำหน่ายในปี 2024 ที่หลายคนต่างจับตามอง เพราะเป็นภาคต่อของเกมภาค Remake ที่ประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้น

Final Fantasy VII Remake (หรือเกมภาคแรกของ Rebirth) มีกระแสตอบรับที่ยอดเยี่ยม ด้วยระบบเกมการเล่นที่ผสมผสานระหว่างแอ็กชันและผลัดเทิร์นอย่างลงตัว มีการเล่าเรื่องที่น่าติดตามพร้อมขยายเนื้อหาจากต้นฉบับ ตัวละครมีเอกลักษณ์ เพลงประกอบกับฉากคัตซีนอลังการงานสร้าง และเนื้อหาโดยรวมนำเสนอได้ถูกใจทั้งแฟนเกมระดับเดนตายจนถึงผู้เล่นหน้าใหม่ ซึ่งเกมดังกล่าวได้ออกวางจำหน่ายครั้งแรกเมื่อปี 2020

ภาค Rebirth มีเนื้อเรื่องต่อจากภาค Remake ที่ครั้งนี้ Cloud กับกลุ่มเพื่อน ๆ ต้องออกผจญภัยในโลกอันกว้างใหญ่ เพื่อตามหา Sephiroth โดยตัวเกมมีการขยายสเกลที่กว้างมากขึ้นจากภาคแรกอย่างเห็นชัด เช่น มีมินิเกมให้เลือกเล่นหลากหลาย มีพื้นที่ให้สำรวจมากขึ้น และแน่นอน ตัวละครต่าง ๆ ที่คุ้นตาคุ้นตาจากเกมต้นฉบับจะกลับมาอีกครั้งในภาคนี้

หัวใจสำคัญของเกมเพลย์ Final Fantasy VII Rebirth กับ Remake คือ “แอ็กชัน 3 ส่วน, Command 7 ส่วน”

หนึ่งในองค์ประกอบเกม Final Fantasy VII Remake ที่มีกระแสตอบรับดีมาก ๆ คือระบบเกมการเล่นที่ผสมผสานระหว่างเกมแอ็กชัน-ผลัดเทิร์นได้อย่างสมดุล เรา GamingDose จึงสอบถามคุณ Hamaguchi ว่าอะไรคือหัวใจสำคัญที่ทำให้การต่อสู้ของเกมภาค Remake และ Rebirth ถูกใจแฟน ๆ Final Fantasy

ทาง Hamaguchi ตอบกลับเชื่อว่า หัวใจสำคัญที่ทำให้เกมการเล่นFinal Fantasy VII Remake กับ Rebirth ถูกใจหลายคน คือตัวเกมมีการแบ่งระบบเกมเพลย์เป็น Command (การออกคำสั่ง) จำนวน 7 ส่วน กับ Action (เกมเพลย์แอ็กชัน) เป็น 3 ส่วนจากทั้งหมด 10 ส่วน โดยความสนุกสนานหลัก ๆ ของ Final Fantasy VII Remake คือ ผู้เล่นทุกคนสามารถเคลียร์เนื้อเรื่องได้จากการเล่นโดยใช้ Classic Mode หรือเกมเพลย์แอ็กชัน ซึ่งทีมงานก็มีความตั้งใจอยู่แล้วว่าจะไม่อยากออกแบบเกมเพลย์ให้เน้นไปทางแอ็กชันมากเกินไป เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงตัวเกม และรักษาความสมดุลของเกมไว้

 

ทีมงานคัดเลือกเนื้อหาอย่างรอบคอบ เพื่อให้มั่นใจว่าฉากสำคัญจากเกมต้นฉบับ ถูกเก็บรักษาไว้ในเกมภาค Rebirth

GamingDose ได้มีการสอบถามถึงคุณ Hamaguchi ว่าเกม Final Fantasy VII เวอร์ชันต้นฉบับนั้น มีฉากคัตซีน ฉากสำคัญต่าง ๆ มากมายที่ถูกใจแฟนเกม และสร้างความทรงจำให้ผู้เล่นเป็นจำนวนมาก ทีมงานจึงมีหลักการอย่างไรในการเลือกใส่เนื้อหาเข้ามาในเกมภาค Rebirth

ทาง Hamaguchi เล่าว่าตรงส่วนของสตอรี่นั้น ทางผู้เขียน Kazushige Nojima มีการศึกษาเนื้อหาจากเกมเวอร์ชันต้นฉบับ เพื่อทำให้มั่นใจว่าการเล่าเรื่องของเกมภาค Rebirth มีความคล้ายกับนวนิยายมากที่สุด รวมไปถึงทีมงานมีการตรวจสอบสตอรี่อย่างสม่ำเสมอว่าถ้าหากเนื้อเรื่องของเกมภาคนี้ มีความทับซ้อน หรือขัดแย้งกับภาค Remake หรือต้นฉบับ ก็อาจจะต้องตัดทิ้งตรงส่วนนั้นไปแล้วเพิ่มขยายเนื้อเรื่องใหม่เข้าไปแทน

“คุณ Nojima มีการดูอ้างอิงเกมเวอร์ชันต้นฉบับ เพื่อให้การเล่าเรื่องในภาค Rebirth เหมือนกับนวนิยาย”

ตัวละครคือส่วนสำคัญที่ทำให้คนอยากเข้าถึง Final Fantasy

แน่นอนว่ามีผู้เล่นบางคนที่สนใจในเกม Final Fantasy VII Rebirth แต่ไม่เคยสัมผัสเกมภาค Remake หรือภาคต้นฉบับมาก่อน ทางเราสอบถามคุณ Hamaguchi ว่าจะสามารถแนะนำอย่างไร ให้คนสามารถเข้าถึงเกม Final Fantasy VII Rebirth ได้

Hamaguchi กล่าวว่าการออกแบบเกมให้เข้าถึงเกมเมอร์ที่ไม่เคยเล่น Final Fantasy นั้น เป็นสิ่งที่ทีมงานคิดมาโดยตลอด และคิดว่าคนที่สนใจอยากเล่น Final Fantasy VII น่าจะรู้จักตัวละครต่าง ๆ เช่น Cloud, Sephiroth มาก่อน จึงเชื่อว่าตัวละครเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คนอยากรู้จัก อยากเข้าถึง หรืออยากเล่นเกมนี้มากขึ้น

“สำหรับการเข้าถึงเกมตระกูล Final Fantasy เป็นสิ่งที่ทีมงานคิดถึงมาตลอดว่าจะต้องทำอย่างไรให้คนเข้าถึงเกมนี้ได้”

Final Fantasy VII Rebirth มีกำหนดการออกวางจำหน่ายในวันที่ 29 กุมภาพันธ์นี้ในระบบ PlayStation 5

Achina Limanwat

เค - Content Writer

Back to top