อีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ShadowVerse: Worlds Beyond ก็จะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการทั่วโลกแล้ว แน่นอนว่าตัวเกมมีการปรับปรุงและพัฒนาขึ้นในหลายส่วนเมื่อเทียบกับเกมภาคแรก และกลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่ชอบเล่นเกมการ์ดแบบดิจิทัลทั้งบนเครื่อง PC และมือถือ
และสิ่งที่เราอยากรู้ก็คือ เบื้องหลังในการพัฒนาเกมภาคใหม่อย่าง ShadowVerse: Worlds Beyond นั้นเป็นอย่างไรบ้าง ทาง GamingDose ได้มีโอกาสสัมภาษณ์สดกับคุณ Kimura Yuito โปรดิวเซอร์ของเกมถึงเรื่องนี้ว่า ที่มาที่ไปของระบบต่าง ๆ ของเกม รวมไปถึงการตัดสินใจลดคลาสที่มีให้เล่นจากภาคเก่าลงนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไรบ้าง
Q: Abysscraft ถือเป็นคลาสใหม่ที่ยุบรวมสองคลาสเก่าอย่าง Bloodcraft และ Shadowcraft เข้าด้วยกัน อยากทราบเหตุผลว่าทำไมถึงมีการยุบรวมกัน? เพราะผู้เล่นทั้งสองคลาสมีอยู่ไม่น้อยใน ShadowVerse ภาคดั้งเดิม(ตัวผู้ถามก็ใช้สองคลาสนี้บ่อยมากเช่นกัน)
A: ก่อนอื่นก็ขอบคุณมากนะครับที่ให้ความสนใจ ShadowVerse มาโดยตลอด
แรกเริ่มนั้น ShadowVerse มีคลาสเริ่มต้นทั้งหมด 7 คลาส หลังจากนั้นเราก็ได้เพิ่มคลาสใหม่ Nemesis(Portalcraft) เข้ามาในเกม ซึ่งทำให้เรามีคลาสให้เล่นทั้งหมด 8 คลาสและหลังจากที่เราเปิดให้บริการเกมมานาน เราก็พบว่าเรามีปัญหาเกี่ยวกับสมดุลของแต่ละคลาสที่แตกต่างกันเกินไป ซึ่งทางเราก็ได้พยายามปรับปรุงเพื่อลดความต่างของแต่ละคลาสให้มีความเหลื่อมล้ำกันน้อยที่สุด
ซึ่งในการพัฒนาของ “ShadowVerse: Worlds Beyond” นั้น พวกเราจึงได้พิจารณาถึงคำถามที่ว่า “จำนวนคลาสที่เหมาะสมนั้นคือเท่าไหร่กัน?” ซึ่งพอเราได้พิจารณาถึงปัจจัยต่าง ๆ เช่น ความยากง่ายในการเก็บสะสมการ์ดหรือการสร้าง Deck(ชุดการ์ด) ขึ้นมาสักชุด ความหลากหลายของ Deck ที่ใช้ในโหมด Ranked Match และความเปลี่ยนแปลงของ Meta Game ในการแข่งขันระดับสูง
ดังนั้นเราจึงลงความเห็นกันว่า จำนวนคลาสที่เหมาะสมก็คือ 7 คลาสรวมกับการ์ด Neutral อีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งตัวเลือกในการลดจำนวนคลาสของเราจึงเป็นการยุบรวมคลาสที่มีอยู่เดิมอย่าง Shadowcraft(Necromancer) และ Bloodcraft(Vampire) เข้าด้วยกัน จนกลายเป็นคลาส Abysscraft หรือ Nightmare ในปัจจุบัน ซึ่งก็พิสูจน์แล้วว่าได้ผลดีจากการทดลองใช้เกมการ์ดของจริงอย่าง ShadowVerse Evolved ครับ
Q: ShadowVerse: Worlds Beyond มีรูปแบบและกติกาการเล่นที่แตกต่างจากตัว ShadowVerse ดั้งเดิมอยู่มาก และมีความคล้ายคลึงกับ ShadowVerse Evolved ที่เป็นเกมการ์ดของจริง อยากทราบว่าความแตกต่างระหว่าง ShadowVerse Evolved และ ShadowVerse: Worlds Beyond เป็นอย่างไรบ้าง เพราะรูปแบบและกติกาโดยรวมของทั้งสองเกมนั้นค่อนข้างเหมือนกันมาก
A: ShadowVerse EVOLVE นั้นเป็นเกมการ์ดแบบจับต้องได้ ดังนั้นการออกแบบเกมจึงเน้นไปที่การให้ประสบการณ์ในแบบที่มีแต่เกมการ์ดของจริงจะสามารถให้ได้เท่านั้น เช่นการพลิกการ์ดเพื่อประกาศการใช้ความสามารถ หรือการ Stack สร้างลำดับของการ Evolution นอกจากนั้น ยังสามารถใช้งานการ์ดบางประเภทในเทิร์นของฝ่ายตรงข้ามได้ด้วย ทำให้ผู้เล่นเกิดความสนุกสนานกับการสร้างสงครามทางจิตวิทยาระหว่างการโจมตีของ Follower ฝ่ายตรงข้ามได้ด้วย
สำหรับ ShadowVerse: Worlds Beyond ที่เป็นเกมการ์ดแบบดิจิทัลตัวล่าสุดนั้น เราเน้นไปที่การสร้าง “ความสะดวกในการใช้งาน” ซึ่งการสร้างความสะดวกก็เพื่อให้ผู้เล่นสามารถเพลิดเพลินไปกับเกมได้ง่าย เช่นความสามารถที่ใช้งานได้สะดวก เข้าใจง่ายไม่ซับซ้อน มี Interface ที่มองแล้วเข้าใจได้ง่าย และเอฟเฟกต์ของการ์ดที่ดูตื่นตาตื่นใจ
แต่เราก็ไม่ละทิ้งความล้ำลึกในด้านกลยุทธ์ที่ ShadowVerse ได้สร้างไว้มาตลอดหลายปีที่ผ่านมา เราก็ยังมีระบบใหม่ที่ท้าทายความสามารถของผู้เล่นเพิ่มเข้ามาอย่างเช่นระบบ Super Evolution และ Extra PP
โดยสรุปแล้ว ShadowVerse EVOLVE นั้นเน้นการมอบประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครสำหรับเกมการ์ดแบบจับต้องได้นอกจอ ในขณะที่ ShadowVerse: Worlds Beyond นั้นจะส่งมอบประสบการณ์ในแบบที่ “เข้าใจได้ง่าย แต่ไม่ละทิ้งกลยุทธ์” นั่นเองครับ
Q: ระบบ Bonus Play Point ที่ให้สิทธิ์ผู้เล่นที่เริ่มที่หลังได้รับ Play Point มากกว่าปกติ และดูเหมือนว่าจะช่วยให้คนที่ได้เริ่มภายหลังได้เปรียบมากในช่วงท้ายที่สามารถเพิ่ม Play Point ได้มากเพื่อร่ายการ์ดใหญ่ได้ง่าย และน่าจะส่งผลต่อความสมดุลของเกม ตรงจุดนี้ทางทีมงานมีการแก้ไขหรือเตรียมตัวในเรื่องนี้อย่างไร?
A: หลักการของเราก็คือ ในเกมการ์ดแบบผลัดกันเล่นคนละเทิร์นนั้น ผู้เล่นที่ได้เริ่มก่อนนั้นจะได้เปรียบอย่างมาก ซึ่งใน ShadowVerse นั้น ผู้เล่นที่ได้เริ่มทีหลังจะมีข้อได้เปรียบเพิ่มเติมก็คือ
- ได้จั่วการ์ดเพิ่มในเทิร์นแรก
- ได้รับ PP เพิ่ม
- สามารถใช้ความสามารถ Evolution ได้ก่อน
- ร่ายการ์ดที่มีความสามารถระดับสูงในช่วงท้ายเกมได้ง่ายเพื่อเพิ่มความได้เปรียบ
สำหรับใน ShadowVerse: Worlds Beyond นั้นเรายังคงยึดมั่นในกฎ “คนเริ่มที่หลังได้ Evolution ก่อน” และสร้างกฎใหม่ก็คือ “PP พิเศษ” นี้ขึ้นมา ซึ่งทางทีมงานได้ทำการทดสอบกับผู้เล่นเป็นจำนวนมาก เพื่อที่จะแน่ใจว่าระบบนี้นั้นจะไม่ทำให้อัตราการแพ้ชนะของคนที่ได้เริ่มเล่นก่อนกับเริ่มทีหลังนั้นแตกต่างกันจนเกินไป แน่นอนว่าเราจะยังคงติดตามผลและตรวจสอบข้อมูลนี้ต่อไปหลังจากที่เกมเปิดไปแล้วครับ
Q: ไอเดียเรื่องระบบ Crest นี้สร้างสรรค์มาก เพราะสามารถดูและลำดับการใช้งานของการ์ดในสนามได้ง่ายมาก อยากทราบที่มาที่ไปของระบบนี้ว่าได้ไอเดียหรือต่อยอดมาได้อย่างไรบ้าง
A: การพัฒนาของ ShadowVerse: Worlds Beyond นั้น เราได้มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาในด้านของ Esports อีกด้วย ตัวเกมได้รับพัฒนาให้ดีขึ้นเพื่อให้ผู้เล่นได้สามารถแสดงฝีมือและทักษะการเล่นในระดับสูงได้ หนึ่งในสิ่งที่ช่วยให้เกิดขึ้นก็คือระบบ “Leader Granting Ability”(ความสามารถที่ได้รับจากการ์ดบางใบที่ร่ายไปหรือจากการ์ดในสนาม ซึ่งทำให้ตัวผู้เล่นหรือ Leader ได้รับบัพหรือความสามารถพิเศษเพิ่มเติม) ที่จะทำให้เกิดการเล่นที่ไม่สามารถเป็นไปได้ในการเล่นแบบปกติให้เกิดขึ้นได้ ซึ่งจะส่งผลต่อเทิร์นนั้น ๆ หรือตลอดทั้งเกม แต่ระบบนี้ก็มีความยากที่จะใช้งาน และทำให้ผู้เล่นหน้าใหม่ไม่กล้าที่จะเล่นได้
เป้าหมายของ ShadowVerse: Worlds Beyonds นั้นก็คือการทำให้ผู้เล่นที่ยังใหม่กับเกมการ์ดแบบดิจิทัลสามารถเข้าถึงเกมได้ง่ายขึ้น และระบบ Crest จะแสดงภาพให้เห็นว่าผู้เล่นแต่ละฝ่ายได้รับความสามารถอะไรไปแล้วบ้าง อย่างเช่นการนับถอยหลังจากความสามารถของการ์ดประเภท Amulet และอื่น ๆ ช่วยให้ผู้เล่นใหม่เข้าใจสถานการณ์ในสนามได้ง่ายขึ้นด้วยครับ
Q: จะมีความสามารถที่เป็น Keyword หรือ Mechanic หลัก ของ Follower หรือการ์ด Spell ของแต่ละคลาสเพิ่มเติมขึ้นมาหรือไม่ เหมือนกับสมัยก่อนที่ Bloodcraft มีความสามารถ Wrath เพิ่มขึ้นมา
A: ทางเรามีแผนที่จะเพิ่มความสามารถของ Keyword การ์ดใหม่ ๆ เข้าไปในเกมแน่นอน รวมไปถึงความสามารถเฉพาะของแต่ละคลาสด้วยครับ แต่ว่าเป้าหมายหลักของ ShadowVerse: Worlds Beyond ในฐานะของเกมการ์ดแบบดิจิทัลเกมใหม่ก็คือการเปิดโอกาสให้ผู้เล่นใหม่ได้สนุกกับเกมได้ง่ายขึ้น เราจึงไม่อยากรีบเพิ่มความสามารถใหม่ ๆ ที่ซับซ้อนเข้าไปในเกมเร็วจนเกินไปนัก
ซึ่งเราคาดหวังที่จะค่อย ๆ เพิ่มความสามารถใหม่ ๆ เข้าไปในจังหวะที่พอดีและในเวลาที่เหมาะสม เพื่อที่ให้ผู้เล่นส่วนใหญ่สามารถสนุกไปกับเกมได้เหมือนกันครับ
Q: จะมีโอกาสได้เห็นทัวร์นาเมนต์ใหญ่ ๆ นอกประเทศญี่ปุ่นตามภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วโลกหรือไม่ หรือการแข่งย่อย ๆ เก็บแต้มผ่านระบบออนไลน์เหมือนเกมอื่น ๆ เช่น Tekken World Tour หรือ Capcom Cup ในอนาคตด้วยหรือเปล่า
A: ณ ตอนนี้ยังไม่มีแผนเกี่ยวกับเรื่องนี้ครับ แต่เราก็หวังว่าจะมีโอกาสได้ทำในอนาคตข้างหน้าครับ
น่าเสียดายที่เนื่องจากเวลาในการสัมภาษณ์ของเรานั้นค่อนข้างมีจำกัด ทำให้ทางคุณ Kimura นั้นไม่สามารถตอบคำถามบางข้อได้ แต่เราก็คาดหวังว่า ShadowVerse: Worlds Beyond นั้นจะเป็นเกมการ์ดที่ผู้เล่นใหม่สามารถสนุกไปกับมันได้โดยง่าย และยังเชิญชวนให้ผู้เล่นเก่า ๆ ได้ค้นหาความท้าทายต่อไป แม้จะเล่นได้ชำนาญแล้วก็ตาม
ShadowVerse: Worlds Beyond เตรียมเปิดให้บริการในวันที่ 17 มิถุนายนนี้ บนระบบ PC และบนมือถือ iOS กับ Android