Assassin’s Creed ถือเป็นซีรีส์ที่ยืนยงอยู่ในวงการเกมมาอย่างยาวนาน เป็นตระกูลเกมที่มีฐานแฟนเกมจำนวนมาก ด้วยเรื่องราวที่น่าสนใจ การสร้างโลกที่เต็มไปด้วยรายละเอียด ระบบการเล่นที่สนุกสนาน โดยเฉพาะการ Parkour โชว์ลีลาสุดล้ำ และหนึ่งใน Assassin’s Creed ภาคที่ประสบความสำเร็จและมีแฟนเกมรักมากที่สุดก็คือ Assassin’s Creed IV: Black Flag ที่ถอยหลังเอาเรื่องราวของเหล่ามือสังหารไปไว้เบื้องหลังและหยิบเอาชีวิตของเหล่าโจรสลัดมาใช้เป็นฉากหน้า พาผู้เล่นไปค้นหาสมบัติ สำรวจท้องทะเลอันกว้างใหญ่
อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้ตัวเกมภาคนี้ประสบความสำเร็จมากขนาดนั้น ในโอกาสที่ Assassin’s Creed IV: Black Flag มีอายุครบรอบ 10 ปี วันนี้เราขอพาทุกคนย้อนอดีตกลับไปไขรหัสความสำเร็จของเกมชื่อดังเกมนี้กัน
ใช้ชีวิตเป็นโจรสลัด
หนึ่งในไม้เด็ดที่ทำให้หลายคนหลงรัก Black Flag ก็คือการที่ตัวเกม พาเราหลีกหนีจากการเป็นพระเอกแบบในเกมดั้งเดิมและกระโจนไปสวมบทเป็นโจรสลัดในท้องทะเล ด้วยธีมหลักของเกมที่แตกต่างจากภาคก่อนแบบชัดเจนทำให้ Black Flag โดดเด่นเหนือเกมภาคอื่น ๆ การได้ใช้ชีวิตแบบอิสระในทะเลแคริบเบียนช่วงยุคทองของโจรสลัดนอกจากจะสร้างความตื่นเต้นให้กับทุก ๆ คนแล้ว บรรยากาศของเกมจะเต็มไปด้วยเรื่องราวการผจญภัยผสมกับความผ่อนคลายด้วยสายลมแสงแดด
และแม้ตัวเกมจะยังอิงเรื่องราวและเหล่าผู้คนในประวัติศาสตร์เช่นเดิม แต่ด้วยโทนของเกมก็ทำให้เกมเมอร์ทั่วโลกเข้าถึงภาค Black Flag ได้มากกว่าภาคอื่น ๆ อย่างชัดเจน
อิสระมากมายบนโลก Open World แสนกว้างขวาง
Black Flag ถือเป็น Assassin’s Creed ภาคแรกที่ขยายความกว้างของโลกในเกมให้ไกลเกินขอบจำกัดของเมืองเพียงเมืองเดียว หลังภาคที่ผ่านมาเนื้อหาภายในเกมจะเน้นการใช้สถานที่เป็นเมืองหลัก แต่ใน Black Flag ผืนทะเลแคริบเบียนทั้งหมดกลายเป็นสนามเด็กเล่นของเกมเมอร์ ทั้งหมู่เกาะมากมายที่รอให้สำรวจ การไล่ล่าหาสมบัติ การดำดิ่งสู่ท้องทะเลลึก ด้วยความเปิดกว้างของตัวเกมแม้แต่ปัจจุบันก็ยังหา Assassin’s Creed ภาคที่ผู้เล่นรู้สึกว่าตนเองมีอิสระ สามารถทำอะไรก็ได้ตามใจ ได้ยากหากจะเทียบกับภาคนี้
ระบบการต่อสู้ทางน้ำที่กลายเป็นรากฐานสำคัญของหลายเกมต่อมา
การมีระบบการต่อสู้ทางน้ำได้ผลิกโฉมเกมการเล่นของ Assassin’s Creed ไปอีกระดับ การที่ผู้เล่นสามารถควบคุมเรือ Jackdaw ของตนเองได้ตามใจ ทำให้การต่อสู้และการสำรวจเป็นไปอย่างสนุกสนาน นอกจากการยิงต่อสู้กับศัตรูจะมันส์สุด ๆ แล้วฉากการ Board หรือบุกขึ้นเรือไปเผชิญหน้ากับศัตรูและใช้ลีลาการสังหารอันโดดเด่นของตัวเอกก็ยังน่าประทับใจอยู่เสมอ ปัจจุบันก็ยังหาเกมโจรสลัดที่เล่นได้สนุกขนาดนี้ไม่ได้ และภาพการกระโดดสังหารศัตรูข้ามเรือเป็นฉากที่เห็นทีไรก็ต้องประทับใจทุกครั้งไป
ตัวเอกที่มีเสน่ห์ ตัวละครที่น่าจดจำ
Edward Kenway นั้นมีเสน่ห์เหลือร้ายและเป็นตัวละครที่ซับซ้อนน่าสนใจ แน่นอนว่าในขณะที่ Ezio คงเป็นพระเอกเบอร์หนึ่งของแฟนซีรีส์ Assassin’s Creed หลาย ๆ คน แต่เรื่องราวการผจญภัย การค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงตนเองของ Edward Kenway และความสัมพันธ์ของเขากับเหล่ามิตรสหายและศัตรู ไม่ว่าจะเป็น Blackbeard ที่น่าเกรงขาม Anne Bonny ขาลุย หรืออีกสารพัดตัวประกอบทั้งหลาย ก็ทำให้หลายคนต้องแอบเสียน้ำตาโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะบทสรุปสุดท้ายของเกมที่เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในฉากจบที่สวยงามที่สุดของเกมตระกูลนี้แล้ว
กราฟิกสวยงามล้ำยุค การนำเสนอโดนใจ
งานภาพของ Black Flag สวยงามโดดเด่น ทั้งในด้านการแสดงผลและการออกแบบ ตัวเกมเรนเดอร์คลื่นบนท้องทะเลออกมาได้สวยงาม ฟ้าใส หาดทรายขาว ทะเลสีคราม แถมด้วยบทเพลงที่ไพเราะโดยเฉพาะบทเพลง Sea shanty ของเหล่าลูกเรือที่จนถึงตอนนี้ก็ยังเป็นที่จดจำ
จากที่เราว่ามาทั้งหมดจะเห็นได้ว่าไม่น่าแปลกใจเลยที่ทำไม Black Flag ถึงเป็นภาคที่แฟนเกมหลายคนยกให้เป็นภาคที่ดีที่สุดและอยากให้มีการถูกหยิบกลับมา Remake มากที่สุด นี่คือภาคที่เป็นรากฐานสำคัญวางระบบหลาย ๆ อย่างให้ Assassin’s Creed ภาคหลัง ๆ เดินตาม และเป็นครั้งแรกที่ตัวซีรีส์กระโดดโจนทะยานสู่ความเป็นไปได้ใหม่ ๆ เป็น Leap of Faith อย่างแท้จริง
ด้วยการผสมเรื่องราวเข้มข้นของจักรวาล Assassin’s Creed เข้ากับระบบการต่อสู้ที่สนุกในฉากหลังที่มีอิสระเสรีและกว้างใหญ่สวยงาม Black Flag ได้ยกระดับมาตรฐานของเกม Open World และส่งให้ชื่อ Assassin’s Creed เข้าไปอยู่ในหัวใจของใครหลาย ๆ คน เป็นสมบัติล้ำค่าที่แม้เวลาจะผ่านมานานขนาดไหนก็ไม่ถูกลดคุณค่าลงได้เลย