ถ้าหากเราพูดถึงเกมของค่าย Konami เชื่อว่าหลายคนคงนึกถึงเกมฟุตบอลยอดนิยมอย่าง Winning Eleven ที่กลายร่างมาเป็น PES ในปัจจุบันกันอย่างแน่นอน และยังมีเกมการ์ดอย่าง Yu Gi Oh ที่ดัดแปลงมาจากการ์ตูนชื่อดัง ซึ่งแค่สองเกมนี้ก็สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำให้กับ Konami อย่างมหาศาลแล้ว
แต่ก็ยังมีอีกหลายเกมจาก Konami ที่สร้างความประทับใจให้กับผู้เล่นมานาน และหนึ่งในเกมที่เราจะนำมาพูถึงในวันนี้ก็คือ Bishibashi อีกหนึ่งเกมสุดคลาสสิกที่อยู่คู่เกมเมอร์สายบันเทิงมาอย่างยาวนานนั่นเอง
Bishibashi ภาคแรกกำเนิดขึ้นบนระบบตู้เกมอาร์เคดในปี 1996
โดยใช้ชื่อว่า Bishi Bashi Championship, Mini game Sensheken หรือเรียกสั้น ๆ ว่า Bishi Bashi Champ ตัวเกมมาพร้อมกติกาแสนง่ายและเข้าใจไม่ยาก โดยเกมจะสุ่ม Mini game ย่อย ๆ ให้ผู้เล่นทั้งสามแข่งกันว่าใครบรรลุเป้าหมายได้เร็วที่สุด เช่นสู้กับผู้ร้ายด้วยกดปุ่มให้ถูกต้องตามสี กดไส้ดินสอกด วิ่งแข่ง และอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งหลายเกมนั้นจะเน้นที่ใครเร็วกว่าคนนั้นชนะ และบิ่งเวลาเหลือน้อยก็ต้องยิ่งกดรัวมากขึ้น ทำให้ภาพที่เราเห็นเวลาที่ไปดูคนเล่นตามตู้เกมก็คือการรัวปุ่มสามสีตรงหน้ากันอย่างบ้าคลั่งแข่งกัน
ตัวอย่างของบรรดาเกมแสนสนุกของ BishiBashi Channel บนเครื่องอาร์เคด
แถมที่สำคัญคือมันสามารถเล่นพร้อมกันได้สามคน จากปกติเกมในสมัยก่อนนั้นจะเล่นแข่งขันกันแค่สองคนเท่านั้นนอกเหนือไปจากเกมแข่งรถ รวมไปถึงมีเกมสุ่มมาให้เล่นเพียบ เรียกว่ากว่าจะเบื่อก็คงเล่นกันจนมือหงิกไปข้างหนึ่งกันเลย
สำหรับผู้เล่นในบ้านเราน่าจะรู้จักเกมนี้จากเครื่อง PlayStation 1 กันเป็นส่วนมาก
ซึ่งในยุคนั้นเกมของ Konami หลายเกมล้วนได้รับความสนใจจากชาวไทยอย่างมหาศาล เช่น Beatmania, Tokimeki Memorial หรือกระทั่ง Metal gear Solid และการมาของ Bishibashi เองก็เหมาะเหม็งสำหรับเกมเมอร์สายเพื่อนเยอะอย่างมาก ขนาดคนที่เล่นเกมไม่เป็นหรืออ่านภาษาญี่ปุ่นไม่ออก ก็ยังบันเทิงกับเกมได้ทันที มันจึงเป็นหนึ่งในเกมที่ถูกหยิบมาเล่นกับเพื่อนมากกว่าสองคนนอกเหนือไปจาก Bomberman หรืออื่น ๆ กันอยู่บ่อยครั้ง แถมที่แตกต่างจากเวอร์ชั่นอาร์เคดก็คือสามารถใช้แกน Analog ของจอย Dual Shock ร่วมกับปุ่มอื่น ๆ เพื่อรัวปุ่มได้สะดวกขึ้นด้วย
สำหรับผู้เขียนเองนั้น ภาคที่ประทับใจที่สุดคงหนีไม่พ้น Bishi Bashi Special 2 ที่เป็นภาคที่สองของเกมที่วางจำหน่ายบน PlayStation ซึ่งนอกจากจะมีเกมสุดฮามากมายและประทับใจมากกว่าภาคอื่นแล้ว ยังมีตัวละครที่น่าจดจำมากมายหลายตัว เช่นคุณพี่ในเกมงับลูกอม สาวน้อยตาดุชุดแดงที่หลายคนชอบเลือกเล่นในโหมด Gacha Champ แถมยังมีหลายเกมที่สนุกกว่าภาคอื่น ๆ อยู่เพียบ (แต่บางเกมก็มีแต่ภาษาญี่ปุ่นเต็มไปหมด อ่านไม่ออกร้องไห้กันไป ฮา)
แน่นอนว่า Bishi Bashi นั้นไม่ได้รับความนิยมแค่ในบ้านเราหรือญี่ปุ่นเท่านั้น ในอเมริกาสำหรับผู้เล่นที่ชื่นชอบเกมนี้นั้นก็มีอยู่พอสมควร
แต่น่าเสียดายที่ Konami เองแทบไม่ได้ทำตลาดเกมนี้ในต่างประเทศเลย (ส่วนในบ้านเราก็รู้กันว่าได้เล่นเพราะอะไร) และภาคใหม่ ๆ เองก็เปิดให้บริการเฉพาะบนระบบอาร์เคดเท่านั้น ซึ่งก็พอจะยอมรับได้เพราะเกมแนวนี้ต้องเล่นกับเพื่อนแบบเจอหน้ากันเองเท่านั้นจึงจะสนุกที่สุด
นอกจากตัวเกมจะเคยวางจำหน่ายบนเครื่อง PlayStation และอาร์เคดแล้ว Bishi Bashi ก็เคยเปิดให้บริการในรูปแบบเกมมือถือมาแล้วถึงสี่ภาค แต่ทุกภาคล้วนปิดบริการไปหมดแล้วเพราะไม่ได้รับความนิยมอย่างที่คาด และเกมแบบนี้คงไม่เหมาะเท่าใดนักเพราะด้วยรูปแบบการเล่นที่เน้นการรัวปุ่มอย่างรวดเร็วเข้าว่า คงทำให้มือถือราคาแสนแพงของทุกคนพังไปก่อนกำหนดอย่างช่วยไม่ได้แน่นอน
ปัจจุบันนี้ภาคล่าสุดของ BishibAshi ก็คือ Bishibshi Channel ที่เปิดให้บริการบนระบบอาร์เคดในปี 2018 มีการปรับเปลี่ยนระบบและเกมต่าง ๆ ให้ทันสมัยและสนุกกันได้มากขึ้นถึงสี่คน และยังมีเกมเก่า ๆ ที่คุ้นเคยกลับมาให้เล่นกันอีก ส่วนในบ้านเรานั้นผู้เขียนยังพอพบเห็นตู้เกม Bishibashi ให้บริการอยู่บ้าง เช่นที่ MBK เป็นต้น และแน่นอนว่าแต่ละเกมก็ยังคงความเมื่อยมือปวดนิ้วเอาไว้อย่างไม่เสื่อมคลาย
Bishibashi ถือเป็นตัวอย่างของเกมที่นำเอาไอเดียเล็ก ๆ หลายสิบหลายร้อยมาร้อยเรียงกันกลายเป็นเกมใหญ่หนึ่งเกมได้อย่างน่าสนใจ แม้กติกาและความซับซ้อนจะไม่สูงมาก แต่มันก็ถูกออกแบบมาให้เล่นหลายคนได้สนุกสนานมากขึ้น แถมยังเจือเอกลักษณ์และลักษณะการเล่นแบบ Music Game ที่ต้องกดให้ตรงจังหวะเข้าไปอย่างลงตัว และยังเป็นเกมที่อยู่เหนือกาลเวลา ไม่ว่าจะกลับมาเล่นกี่ครั้งก็ยังสนุกเหมือนเดิม หากแต่ต้องมีเพื่อนที่รู้ใจมานั่งเล่นด้วยกัน ความสนุกก็จะบังเกิดแบบทวีคูณ
แม้เกมที่อยู่เหนือกาลเวลาจะหาได้ยากยิ่ง แต่ Bishibashi คือหนึ่งในเกมเหล่านั้น และยังรักษาเสียงหัวเราะกับความเมื่อยนิ้วเอาไว้ได้เสมอมาจนถึงตอนนี้ครับ
