BY Nuttawut Apiratwarakul
20 Jan 14 6:48 pm

History of Fighting Game

120 Views

โจรปล้นใจพาทุกท่านย้อนอดีตไปชมประัวัติศาสตร์ความเป็นมาของเกมแนว Fighting กว่าจะมาเป็นเกมแนวต่อสู้อย่างที่เรารู้จักกันในทุกๆวันนี้ เกมแนว Fighting ผ่านร้อนผ่านหนาวผ่านอะไรมาบ้างไปชมกันเลย 

Fighting-Game-Good-Guys

History of Fighting Game

Fighting Game หรือเกมต่อสู้ คือแนวเกมที่มีผู้เล่นสองคนปะทะกันด้วยศิลปะการต่อสู้หรือท่าพลังในรูปแบบต่างๆ ใครที่พลังหมดก่อนหรือเมื่อเวลาหมดลงแล้วเหลือพลังน้อยกว่าก็จะเป็นฝ่ายแพ้ แม้จะมีกติกาและรูปแบบการเล่นที่เข้าใจได้ง่าย แต่เกมต่อสู้เป็นหนึ่งในแนวเกมที่เล่นให้เก่งยากที่สุดแนวหนึ่ง พอๆกับแนว Turn Base หรือ Simulation ที่มีสูตรพลิกแพลงมากมาย แม้จะมีความยากสูงที่จะเล่นให้เก่ง แต่กระนั้นมันก็ยังได้รับความนิยมและถูกบรรจุเข้าสู่รายการแข่งขัน E – Sports รายการใหญ่ๆอยู่บ่อยครั้ง และทุกๆครั้งก็จะมีคนให้ความสนใจอย่างล้นหลามเสมอๆ

karate-champ

จุดเริ่มต้นของเกมต่อสู้

เกมต่อสู้มีวิวัฒนาการมาอย่างยาวนาน เกมแรกที่สามารถนับเป็น Fighting เกมแรกของโลกได้ก็คือ Heavyweight Champ เกมชกมวยบนตู้อาเคตของค่าย SEGA ที่ออกมาให้เล่นกันครั้งแรกในปี 1976 หลังจากนั้นก็เป็น Karate Champ ในปี 1984 โดย Data East ที่เริ่มมีลูกเล่นมากขึ้นอย่างการโจมตีบนกลางล่าง ท่ากระโดดเตะ หรือฉากโบนัสและโหมดฝึกซ้อมที่กลายเป็นโหมดการเล่นที่ต้องมีทุกเกมในปัจจุบัน

แต่ถ้าจะนับเกมที่เริ่มปลุกกระแสเกมต่อสู้ได้อย่างเป็นจริงเป็นจังแล้วล่ะก็ ต้องยกให้ Yie Ar Kung Fu ของ Konami ในปี 1985 ที่ต่อยอดเพิ่มเติมจาก Karate Champ ด้วยการใส่ระบบบังคับ8ทิศทางและการกดปุ่มทิศทางพร้อมกับการโจมตีออกมาเป็นท่าไม้ตาย และยังมีท่าคอมโบที่เป็นเอกลักษณ์สำคัญของเกมแนวนี้ใส่มาอีกด้วย เพิ่มความแปลกใหม่ให้กับเกมการเล่นมากๆ และเป็นเกมต่อสู้เกมแรกที่เป็นรูปเป็นร่างแบบในปัจจุบัน

History of Fighting Game

ยุคทองของเกมต่อสู้

ในปี 1987 Capcom ได้เริ่มวางตลาด Street Fighter ภาคแรกลงเครื่องอาเคต มันมาพร้อมกับระบบการป้องการโจมตีเพิ่มเข้ามา ปละเป็นเกมแรงที่ผู้เล่นสามารถหยอดเหรียญเข้ามาท้าสู้กับผู้เล่นที่เล่นอยู่ก่อนได้เป็นเกมแรกอีกด้วย แต่กระนั้นตัวละครที่ให้ผู้เล่นสามารถเลือกเล่นได้ก็มีเพียงแค่สองตัว คือริวและเคนเท่านั้น จนกระทั้งในปี 1991 Street Fighter II ก็ได้ออกมาลงตู้อาเคตอีกครั้ง คราวนี้มาพร้อมกับตัวละครให้เล่นได้เลย8ตัวและบอสอีก4ตัว ด้วยความสนุกที่ได้สู้กับผู้เล่นอื่นและระบบการเล่นทั้งการทำคอมโบ การป้องกัน รูปแบบการเล่นที่มีทั้งรุกและรับ ที่ทำออกมาได้ลงตัวอย่างมาก ประกอบกับมีตัวละครให้เลือกใช้และบอสลับให้สู้ ทำให้ Street Fighter II ดังเป็นพลุแตกในเวลาอันรวดเร็ว ไม่มีร้านเกมตู้ร้านไหนที่ไม่มีเกมนี้ให้หยอดเล่น และไม่มีตู้ใดว่างจนกระทั้งเวลาปิดร้าน กลายเป็นปรากฏการณ์ที่สำคัญที่สุดครั้งหนึ่งในวงการวิดีโอเกมทีเดียว

หลังจากนั้นเป็นต้นมา ก็มีเกม Fighting อีกหลายเกมออกตามหลังมาอีกมากมาย บ้างก็น่าจดจำ เช่นตำนานหมาป่ากระหายเลือด Garou Densetsu หรือ Fatal Fury,จิตวิญญาณแห่งซามูไรที่เป็นเกมต่อสู้ดวลดาบอย่าง Samurai Spirit และราชันย์เจ้านักสู้ สู้กันเป็นทีม ทีมละ3คน The King of Fighters ของค่าย SNK เกมสุดโหดเลือดสาดสุดอื้อฉาวอย่าง Mortal Kombat ของ Midway เป็นต้น บ้างก็พยายามนำเสนอไอเดียใหม่ๆอย่างระบบสามมิติอย่างเช่น Dark Edge ของ Sega แต่เนื่องจากเทคโนโลยีในสมัยนั้นยังไม่ดีพอ รวมกับความไม่สนุกของเกม ทำให้เกมนี้ไม่ถูกจดจำอีกต่อไป

เรียกได้ว่าช่วงปี90 ตอนต้นๆนั้นเป็นช่วงบูมที่สุดวงการเกมไฟท์ติ้งเลยก็ว่าได้

Virtua_Fighter

ขยับขยายสู่ระบบสามมิติ

ในปี 1993 SEGA ก็ได้เขย่าวงการเกมต่อสู้อีกครั้ง ด้วยการเปิดตัว Virtua Fighters เกมต่อสู้ที่มีกราฟฟิกเป็นสามมิติจริงๆเป็นเจ้าแรก มาพร้อมกับระบบที่ใช้เพียงแค่สามปุ่มเท่านั้น(ต่อย,เตะ,ป้องกัน) ซึ่งก็สร้างความฮือฮาและความแปลกใหม่ในสมัยนั้นอย่างมาก ทำให้มีเกมต่อสู้แนวนี้ออกตามอีกเป็นพรวน เช่น Tekken และ Soul Edge ของ Namco ที่นับได้ว่าเป็นคู่แข่งสำคัญเลยทีเดียว และทั้งสองเกมก็มีภาคต่อมายาวนานจนถึงปัจจุบัน Dead or Alive ที่เน้นขายตัวละครหญิงเป็นสำคัญจนบางคนอาจจะลืมไปว่านี่เป็นเกมต่อสู้ ไม่ใช่เกมโป๊ 18+ และก่อนหน้า Street Fighter IV Capcom ก็เคยออก Street Fighter ในรูปสามมิติออกมาให้เล่นกันในชื่อ Street Fighter EX อีกด้วย

หรือแม้กระทั้งค่าย Nintendo ก็ยังกระโดดมาร่วมแจมในวงการเกมต่อสู้ กับเกม Smash Brothers รวมตัวละครดังๆจากค่ายของตัวเองมาตะลุมบอนในฉากด้วยอาวุธและอุปกรณ์เสริมต่างๆในฉาก แม้แฟนเกมบางคนจะไม่นับว่าเกมนี้เป็นเกมต่อสู้ แต่ถ้าหากมันสามารถนำมาแข่งขันกันได้และผู้เล่นต้องใช้ทักษะส่วนตัวมากกว่าความสามารถของตัวละคร ก็คงนับได้ว่าเกมนี้ก็เป็นเกมต่อสู้ได้เช่นกัน

feature-Tekken-Vs-Street-Fighter

ข้ามเกมกันไปชก เทรนด์ใหม่มาแรง

ในปี 1996 Capcom ได้วางจำหน่ายเกมต่อสู้ที่เอาตัวละครจากเกมของค่ายตัวเองอย่าง Street Fighter และเหล่าฮีโร่จากทีม X-Men ของ Marvel Comics มาต่อยกันบนตู้อาเคตอีกครั้ง ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่ยกเอาตัวละครของทั้งสองค่ายมาสู้กันเท่านั้น แต่ยังใส่ระบบใหม่อย่างการสู้แบบ Tag Team เปลี่ยนตัวเล่น1ใน2คนได้อย่างอิสระ พร้อมท่าไม้ตายแบบผสานที่รุนแรงและประทับใจ และนั้นก็ทำให้ Capcom กลายเป็นค่ายเกมที่ทำการ Cross over หรือการ”จับตัวละครของทั้งสองเกมมาอยู่ด้วยกัน” บ่อยที่สุดค่ายหนึ่งเลยทีเดียว

เพราะหลังจากนั้น Capcom ก็ได้ออกภาคต่อก็คือ Marvel Super Heroes vs. Street Fighter และ Marvel Super Heroes vs. Capcom ออกต่อกันมาติดๆแบบปีต่อปี และทั้งสามเกมก็ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามจนมีภาคต่อมาและใช้แข่งขันกันในการแข่งใหญ่ๆมากมายอย่างยาวนานจนถึงปัจจุบัน

นอกจากนี้ Capcom เองก็ยังเคยข้ามค่ายไปต่อยกับค่ายอื่นๆนอกจากนี้ด้วย เช่นเจอกับ SNK ใน Capcom vs SNK 1และ2(และ SVC Chaos SNK vs Capcom ที่สร้างโดย SNK อีกหนึ่งเกม) กับ Namco ใน Street Fighter x Tekken (และจะมี Tekken x Street Fighter โดย Namco ที่จะออกในอนาคต) และกับเหล่าพระเอกนางเอกของค่ายอนิเมชั่นชื่อดัง Tatsunoko ใน Tatsunoko vs Capcom นอกจากนี้ก็ยังมีเกมอื่นๆเช่น Mortal Kombat vs DC. Universe และ Playstation All Star Battle Royal ที่เป็นเกม Cross Over ข้ามค่ายด้วยอีกเช่นกัน

Melty_Blood_DS

Doujin Soft ทางเลือกของทีมพัฒนาขนาดเล็กในญี่ปุ่น

แม้การแข่งขันในตลาดหลักจะร้อนแรง แต่ก็ยังเหลือที่ว่างให้กับทีมพัฒนาที่มีทุนน้อยเสมอ โดยมีทีมพัฒนาเล็กๆหลายค่ายเลือกที่จะใช้งานรวมผลคนการ์ตูนที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นอย่าง Comic Market หรือ Comiket เป็นตลาดในการวางจำหน่ายชิ้นงานของตนเองสู่สารธารณะชน อย่างเช่น French Bread กับ Glove on Fight และ Melty Blood ที่ส่งพวกเขาให้ได้ร่วมงานกับทาง Sega วางจำหน่าย Melty Blood บนเครื่องตามบ้านและบนอาเคต หรือ Team Shanghai Alice กับซีรีย์ Touhou ที่สร้างฐานแฟนๆเฉพาะกลุ่มขนาดใหญ่ขึ้นมาอย่างแพร่หลายด้วยเกม Immaterial and Missing Power และภาคต่ออย่าง Scarlet Weather Rhapsody ที่มาในแนวแปลก เป็นกึ่งๆเกม Fighting และ Shooting ในเกมเดียวกัน และยังมีระบบจัดชุดการ์ดเพื่อเอาไว้เสริมความสามารถในรูปแบบต่างๆระหว่างเล่นอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีเกมต่อสู้ที่แจ้งเกิดจากการเป็น Doujin Soft แล้วได้เดบิวเป็นเกมในตลาดใหญ่อีกมากมาย เรียกได้ว่าเป็นตลาดและตัวแปรสำคัญสำหรับทีมพัฒนาขนาดเล็กเลยทีเดียว

Blazblue

ออนไลน์คึกคัก ร้านเกมเหงาหงอย

ตั้งแต่ช่วงกลางปี2007 เป็นต้นมา ตลาดเกมอาเคตนอกประเทศญี่ปุ่นซบเซาลงอย่างเห็นได้ชัด ร้านเกมตู้หลายๆร้านที่เคยเป็นศูนย์รวมเกมเมอร์จากทั่วสารทิศก็ทยอยปิดตัวลงไปเรื่อยๆ เกมต่อสู้ในตลาดเริ่มลดจำนวนลงอย่างรวดเร็วจนเหลือเพียงแค่ซีรีย์ดังๆที่ยังคงออกวางจำหน่ายอยู่เท่านั้น เป็นช่วงขาลงอย่างแท้จริงของเกมต่อสู้

แต่กระนั้นทางค่ายเกมที่ยังพัฒนาเกมต่อสู้อยู่ก็ยังไม่ยอมแพ้ Capcom ซึ่งเป็นหัวหอกแถวหน้าของทีมพัฒนาเกมต่อสู้ได้ทดลองใช้ระบบออนไลน์บนเกมต่อสู้ครั้งแรกกับเกม Capcom vs SNK2 : EO บนเครื่อง XBOX และ Game Cube ซึ่งบน XBOX นั้นจะเล่นออนไลน์ผ่านทาง XBOX Live และก็ทำออกมาได้ดี เล่นได้ลื่นไหล ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีความพยายามกันมาก่อนในส่วนของ Doujin Soft หลายๆเกมที่พึ่งโปรแกรมแบบ 3rd party เข้ามาเสริม แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ

จนกระทั้งการมาของ Street Fighter IV ในปี 2009 ที่ปรับปรุงระบบการเล่นใหม่หมดให้คล้ายกับภาคสองที่เคยได้รับความนิยมอย่างสุดขีด และก็เป็นจริงตามนั้น เกมเมอร์ทั่วโลกหันกลับมาจับตามองภาคล่าสุดของถนนนักสู้เส้นนี้อย่างไม่วางตาในระบบอาเคต และเครื่องคอนโซลในปีถัดมา ที่มาพร้อมพร้อมกับระบบการออนไลน์ที่ได้รับการพัฒนามาเป็นอย่างดี สร้างผู้เล่นใหม่ๆและดึงคนเล่นเก่าๆกลับมาอย่างคึกคักพร้อมเพรียง ช่วยปลุกกระแสที่ซบเซากลับมาได้อย่างเต็มภาคภูมิอีกครั้ง เป็นตัวเร่งให้ค่ายอื่นๆหันมาพัฒนาเกมต่อสู้ของตนเอง เพื่อมาแย่งชิงตลาดแข่งกับ Street Fighter IV โดยเฉพาะ เช่น Tekken 6, Virtua Fighter 5 Final Showdown, The King of Fighters XIII, Blazblue และเกมอื่นๆอีกมากมายที่กำลังจะออกมาในอนาคตอันใกล้นี้

นอกจากนี้การมาของสิ่งที่เรียกว่า Download Content หรือ DLC ก็ช่วยยืดอายุให้กับเกมต่อสู้ได้ด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นชุด เสื้อผ้า หรือของประดับของตัวละครในเกม ตัวละครใหม่ที่แยกขายออกมาแบบเดี่ยวๆหรือเป็น Pack ที่ออกมาดูดเงินในกระเป๋าเราเรื่อยๆ จนกว่าภาคใหม่จะออกนั้นเลยทีเดียว

Injustice  God Amount Us

อนาคตของเกมต่อสู้

ปัจจุบันเกมต่อสู้ขยับขยายตัวเองมาสู่ระบบใหม่แต่ทุกคนคุ้นเคยกันดีอย่าง PC ผ่านระบบ Steam กรุยทางโดย Street Fighter IV ที่เป็นเกมต่อสู้ในตลาดใหญ่กลับมาลงให้กับระบบ PC อีกครั้งในรอบหลายปี หลังจากที่ผ่านมานั้นมีเพียงแค่เกมต่อสู้แบบ Doujin Soft หรือ Emulator จำลองระบบเล่นบน PC เท่านั้น จนทำให้หลายๆค่ายเริ่มสนใจที่จะนำเกมต่อสู้ของตนเองมาลงด้วยมากขึ้น เช่น BlazBlue ของ Arc system, Mortal Kombat ภาคใหม่และ Injustice : God Amount Usของ Warner Bros. และอื่นๆอีกมากมาย เป็นการเปิดพื้นที่ให้กับผู้เล่นใหม่ๆเพิ่มมากขึ้นอีกทางหนึ่ง

ถ้าจะให้คาดการณ์ถึงอนาคตของเกมต่อสู้ในยุคถัดจากนี้ไป ระบบ Microtransactions หรือที่เราชอบเรียกกันว่า “จ่ายอีกนิด เล่นได้อีกหน่อย” จะมามีบทบาทมากขึ้นในอนาคต ซึ่งระบบนี้ทาง Namco ได้นำไปใช้กับ Tekken Revolution ที่เป็นเกมต่อสู้แบบเปิดให้เล่นฟรี แต่อาจจะต้องใช้เงินจริงในการซื้อเงินในเกมเพื่อปลดล็อกตัวละครใหม่ๆแทน หรืออย่าง Tecmo ที่มี Dead or Alive 5 Ultimate แบบเล่นฟรี แต่จะเล่นได้แค่ตัวที่กำหนดไว้ในแต่ละสัปดาห์เท่านั้น ถ้าอยากเล่นตัวใดตัวหนึ่งก็ต้องเสียเงินซื้อเป็นตัวๆไป หรือไม่ก็ซื้อแบบเหมาหมดในราคาที่ถูกกว่า พร้อมกับ DLC ชุดเสื้อผ้าที่พร้อมเพรียงมาดูดเงินคนเล่นอยู่เรื่อยๆ ไม่มีขาดแคลน

และไม่แน่ว่าเกมต่อสู้ของบางค่ายเกม อาจจะนำเสนอความสะดวกสบายในรูปแบบที่ทุกๆคนคุ้นเคย เช่นไอเท็มเพิ่มความแรงให้กับการโจมตี หรือความเร็วในการออกท่าต่างๆ ซึ่งถ้าเป็นตอนนั้น ไม่แน่ว่า กลุ่มคนเล่นเกมต่อสู้อาจจะผลัดเปลี่ยนจากคนเล่นรุ่นเก่า ไปสู่ยุคใหม่ และล่มสลายไปในที่สุด ก็อาจเป็นได้

 

Nuttawut Apiratwarakul

โน้ต - Co-Founder / Editor-in-chief

Back to top